ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 187
ตอนที่ 187 พูดตรง ๆ
หวาเหวินแสดงสีหน้าไร้เดียงสาและได้รับความไม่เป็นธรรม “ไม่คะ พี่สอง ฉันเองก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วนะคะ”
เมื่อเห็นว่าหวาเหวินไม่ยอมช่วย หวาหรุงเริ่มแสดงความร้ายกาจออกมา
ตั้งใจจะร้องไห้ให้คุณนายหวาเห็น ดวงตาแดงก่ำ ซึ่งไม่ใช่ความจริงเลยสักนิด
“แม่คะ แม่ช่วยพูดให้หน่อยสิคะ ธุรกิจครอบครัวของเราก็ใหญ่โตขนาดนี้ หนูกับพี่ใหญ่ก็ช่วยกันประคับประคองกันมาตลอดในหลายปีนี้มันไม่ง่ายเลยนะคะ? น้องสามก็เป็นดาราดัง น้องสี่ก็ไปทำงานนอกบ้านปิดหูปิดตาเรื่องราวของบริษัททุกอย่าง เป็นคุณครูอย่างสบายอกสบายใจ น้องห้ามีชีวิตดีหน่อย เจ้าตัวยังได้แต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลเจียง เมื่อมองย้อนกลับมา ก็มีแต่หนูกับพี่ใหญ่เท่านั้นที่ลำบากไม่ใช่เหรอคะ? หลายปีมานี้หนูกับพี่ใหญ่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ แต่ใครบ้างที่จะมาสนใจพวกหนู? โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนู ในตอนที่เริ่มเปิดธุรกิจศัลยกรรมใหม่ ๆ ยังไม่เป็นที่สนใจ หนูต้องบากหน้าไปหาเงินทุน ต้องไปดื่มเหล้ากับลูกค้าจนถึงกับอาเจียนหมดสภาพ เรื่องเหล่านี้พวกเธอมองไม่เห็นหรอก แต่พอถึงเวลาได้เงินปันผล ทุกคนกลับหน้าชื่อตาบานกันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องในสายเลือดเดียวกัน ฉันเองก็ไม่ได้เกิดจะแม่เลี้ยง ทำไมถึงไม่มีใครเห็นใจหนูสักคนเดียวละ?”
เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้หวาหรุงตั้งใจจะพูดให้หวาเหวินได้ยิน เพื่อบอกว่าเธอนั้นเห็นแก่ตัว ไม่สนใจเรื่องของครอบครัว
หลังจากนั้นก็บอกว่าตัวเองนั้นลำบากยากเข็นมาเนิ่นนานหลายปี
คุณนายหวาได้แต่ปลอบโยนหวาหรุง “ถึงอย่างไร ลูกก็คือพี่สาว ลูกกับเสี่ยวเฟิง ต้องแบกรับมากกว่าใคร ๆ พ่อกับแม่รู้ดีว่าลูกนั้นลำบากมากขนาดไหน”
คุณนายหวาพูดแบบนี้ เธอจึงยิ่งฮึกเหิมขึ้นมา
“แล้วที่หนูลำบากมาขนาดนี้ก็เพื่อใครละ? ก็เพื่อครอบครัวนี้ไม่ใช่เหรอ แต่จะมีสักกี่คนที่ชื่นชมหนูจริง ๆ ?”
หวาเหวินมองไปทางพี่สองแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พี่สอง ในเมื่อพี่ลำบากขนาดนี้ งั้นพี่ก็ลาออกไม่ต้องทำก็ได้นะคะ ความจริงแล้วให้พี่ใหญ่เป็นคนจัดการมันก็เหมือนกัน ถ้ามีพนักงานไม่เพียงพอก็รับสมัครผู้บริหารจากด้านนอกก็ได้นี่คะ พี่ก็แค่รอเงินปันผลเหมือนกับพวกเรา จะไปสร้างความลำบากให้ตัวเองทำไมละคะ?”
หวาหรุง :………
หวาเหวินมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง พี่สองคนนี้แสดงความขมขื่นได้เสมือนจริงมาก ช่างน่ารังเกียจมากจริง ๆ เธอพูดได้ดีว่าตัวเองนั้นลำบากมากหมายขนาดไหน ความจริงแล้วไม่ใช่เพื่ออำนาจหรอกเหรอ? ตอนแรกก็เพื่อจะแข่งขันให้ได้สิทธิ์ในการบริหารกับพี่ใหญ่ แต่ก็ต้องสู้สุดใจไม่ใช่น้อย หวาผิง หวาฟ้าน ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายก็ดีอยู่หรอก หากพี่น้องทั้งห้าคนชอบในอำนาจละก็ ตระกูลหวาไม่วุ่นวายกันตายเลยเหรอ? ดังนั้นเห็น ๆ อยู่ว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แต่กลับมาพูดว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่เกรียงไกร ใครเข้าจะเชื่อกัน?
เมื่อเห็นว่าหวาเหวินพูดแบบนี้ หวาหรุงจึงพยายามที่จะสกัดกั้นอารมณ์ตัวเองไว้ในใจ ไม่ให้ด่าเธอ ทำได้เพียงแค่ไกล่เกลี่ยตัวเองเท่านั้น
“เป็นเพราะฉันเป็นห่วงคุณภาพชีวิตไง ถึงอย่างไรฉันก็ทิ้งกิจการครอบครัวไม่ลง ไม่สนใจความผิดหวังท้อใจของตระกูลหวาไม่ได้หรอก”
หวาเหวินยิ้มออกมาบาง ๆ โดยไม่พูดอะไร
เรื่องนี้ยังคุยกันไม่เสร็จ หวาเหวินก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินจากไป คุณนายหวาเตรียมอาหารไว้ให้เธอ เธอก็ไม่กิน
หลังจากที่หวาเหวินเดินจากไปแล้ว หวาหรุงก็แสดงสีหน้าที่แท้จริงออกมา เธอกัดฟันกรอดแล้วด่าทอออกไป “หวาเหวิน สุนัขจิ้งจอกตัวนี้ ตอนนี้เธอมีผู้ชายให้พึ่งพิง เลยคิดว่าตัวเองนั้นสูงส่ง ฉันจะคอยดูว่าเธอจะโดดเด่นไปได้นานแค่ไหน ? ฉันจะคอยดูว่าเจียงหยู่จะดีกับเธอได้นานแค่ไหน? รอให้ถึงวันที่เธอร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าก่อนเถอะ”
หลังจากที่หวาเหวินจากไป หวาหรุงก็ไม่อยู่ต่อนานแต่อย่างใด ไม่นานก็จากไป คุณนายหวาและคุณผู้ชายหวาจึงได้พูดคุยกัน
คุณนายหวา : คุณคะ คุณว่าเราสองคนแก่เกินไป จนใคร ๆ ก็ไม่สามารถพึ่งพิงได้ไหมคะ?
คุณผู้ชายหวา : ไม่หรอก ลูกใหญ่กับลูกสองคิดแต่เรื่องธุรกิจ น่าจะไม่มีกระจิตกระใจมาดูแลพวกเราหรอก ลูกสี่ก็เป็นคุณครู ขอใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่อยากคิดเรื่องทางหนีทีไล่อะไร ส่วนลูกห้า พวกเราก็ดูแลแค่ตอนเด็ก ๆ เจ้าตัวก็ไม่ได้สนิทกับพวกเรามาตั้งแต่เด็ก ๆ ก็คงจะพึ่งพิงไม่ได้ ส่วนลูกสาม ถึงจะเป็นคนเจ้าอารมณ์หน่อย แต่ก็ยังมีความกตัญญูบ้าง
คุณนายหวา : อื้อ เราสองคนก็พอ ๆ กัน หวาผิงก็ซื้อคอนโดในออสเตรเลียไปเมื่อปีที่แล้ว ยังว่างอยู่ อนาคตฉันคิดว่าเราน่าจะได้เข้าไปอยู่ที่นั่น
ความจริงแล้วในบางครั้งที่มีลูกสาวเยอะเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่องดี ถึงอย่างไรใครที่จะมาดูแลคนแก่ ๆ ก็เป็นปัญหากันทั้งนั้น หวาผิงเองก็คิดไม่ถึงว่าพ่อแม่นั้นได้ฝากความหวังไว้กับเธอค่อนข้างสูง
ที่เธอซื้อคอนโดที่ออสเตรเลียไว้ ก็เพื่อต้องการสถานที่ที่เงียบสงบเอาไว้ให้ตัวเองในช่วงพักร้อนเท่านั้น
ในระหว่างทางกลับ ชุนเถารู้เรื่องราวหลังจากนั้นเธอก็ได้ถามหวาเหวินว่า “คุณหนคะ ถ้าคุณหนูสองตกปากรับคำว่าจะให้เงินจำนวน 40 ล้านหยวนจริง ๆ คุณหนูคิดจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ไหมคะ?”