ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 197
ตอนที่ 197 ถูกทำให้โดดเดี่ยว
“แล้วแต่สถานการณ์ บางครั้งก็มี บางครั้งก็ไม่มี” เจียงหยู่เองก็ทุ่มสุดตัวพูดออกไป
หวาเหวินยอมรับในมุมมองของเขา คนใหญ่คนโตขนาดนี้ ล้วนทำสิ่งแบบนี้ทั้งนั้น
“ฉันเตือนนายไว้ก่อนนะ นายเก็บอาการบ้างก็ได้ ถ้ายังแตะเนื้อต้องตัวฉันอีก อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
“พูดเหมือนกับว่าตอนนี้เธอเกรงใจฉันมากขนาดนั้นแหละ”
หวาเหวิน :……
เอาเถอะ คน ๆ นี้มักจะไม่ค่อยมีเหตุผลอยู่แล้ว แค่พูดกับเขาก็ไม่อยากจะเปล่งเสียงออกมาละ ขี้เกียจจะสนใจ
แต่เจียงหยู่กลับรู้สึกว่า การจีบการแซวกันระหว่างสามีภรรยา ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกที่เข้าถึงการเป็นสามีภรรยาจริง ๆ มากขึ้น
เมื่อกลับมาถึงในเวลากลางคืน เจียงหยู่ก็ได้รับโทรศัพท์ไม่หยุดหย่อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของบริษัททั้งนั้น
เขาเข้ามาในห้องสมุด หวาเหวินก็อุ้มเจ้าโคกไปนั่งดูการ์ตูนที่เจ้าโคกชอบอยู่บนโซฟา
หยินซิ่งยกถาดผลไม้เข้ามา เลยถือโอกาสนี้พูดขึ้นว่า “คุณหนูคะ ของฝากที่คุณชายแซ่เอามาให้ อร่อยมากเลยคะ เนื้อตากแห้งก็หอม คุณหนูจะลองชิมดูหน่อยไหมคะ?”
“ไม่ละ” หวาเหวินปฏิเสธ
“แล้วนมละคะ กลิ่นนมหอมมาก ๆเลยนะคะ”
“พวกเธอสองคนกินไปเถอะ”
“แต่สร้อยข้อมือนั้นพวกเราสองคนไม่กล้าใส่หรอกนะคะ อีกอย่างก็ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะให้คุณหนูด้วย”
“สร้อยข้อมืออะไร?” หวาเหวินตื่นตกใจ ของที่แซ่จื๋อจ้วนให้มา เธอยังไม่ทันได้เปิดดู ก็ยกให้กับชุนเถาและหยินซิ่งไปก่อน จึงไม่รู้ว่าของที่อยู่ภายในนั้นมีอะไรบ้าง?
หยินซิ่งชำเลืองตามองไปข้างบน เมื่อเห็นว่าไม่มีลาดเลาของเจียงหยู่
เธอจึงได้วางใจ จากนั้นก็ล้วงไปหยิบสร้อยข้อมือที่ละเอียดประณีตออกมาจากในกระเป๋า สร้อยข้อมือเส้นนี้ล้วนแล้วแต่ถูกทำขึ้นด้วยลูกปัดสีแดง ไอสวยมันก็สวยอยู่หรอก แต่มันก็ดูไม่ได้มีราคาอะไรมาก
เมื่อเห็นก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นเครื่องประดับที่ขายให้แก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ นี่กลับทำให้หวาเหวินผ่อนคลายลงบ้าง
ถ้าเป็นของที่มีราคาละก็ เธอคงได้คืนกลับไป แล้วปฏิเสธที่จะไม่รับโดยเด็ดขาดแน่นอน
“คุณหนูคะ คุณหนูลองประเมินดูสักหน่อยไหมคะ ว่าเป็นของเก่ารึเปล่า?”
“ไม่ใช่ นี่เป็นของหาบเร่ทั่วไป น่าจะไม่เกิน 20 หยวน”
“แม่เจ้า ไม่น่าใช่มั้ง? แซ่จื๋อจ้วนมีเงินมากมายขนาดนั้น แต่ให้ของหาบเร่เนี่ยนะ? นี่มันเหมือนกับการจีบผู้หญิงตรงไหนเนี่ย? หรือว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว?” หยินซิ่งตื่นตกใจ เธอไม่เข้าใจ เพราะคิดว่าเป็นเครื่องประดับที่มีราคา ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ให้คุณหนูหรอก?
“น่าจะใช่มั้ง ไม่เป็นไร พวกเธอทั้งสองคนชอบก็เอาไปใส่เถอะ ไม่ชอบก็ทิ้งไป”
หวาเหวินนำสร้อยข้อมือคืนกลับไปในมือของหยินซิ่ง
หลังจากที่หยินซิ่งจากไปแล้ว หวาเหวินก็ทอดถอนใจ จากนั้นก็ลูบหลังของเจ้าโคกต่อไปอย่างเบามือ
เธอเข้าใจความหมายที่ต้องการจะสื่อของแซ่จื๋อจ้วนดี ถึงแม้ว่าสร้อยข้อมือเส้นนั้นจะเป็นของหาบเร่ก็ตาม แต่…….ลูกปัดเป็นถั่วแดงทั้งสิ้น
ถั่วแดงหมายถึงอะไร? แทบจะทุกคนที่รู้ความหมายของมัน หมายถึงการเฝ้าคะนึงคิดถึงกัน
ความหมายนี้มีต้นกำเนิดมาจากบทกลอน《คะนึงหา》ต้นถั่วแดงเติบโต ณ แดนใต้ ใบไม้ผลิมาเยือนแตกก้านกิ่ง หวังท่านเก็บเม็ดถั่วให้มากยิ่ง เพราะมันคือสิ่งแทนความคิดถึง ของนักกวีที่มีชื่อว่าหวังเวย
แซ่จื๋อจ้วนต้องการบอกเธอว่าเขานั้นเฝ้าคำนึงคิดถึงเธอ ไม่ได้ให้เธอสนใจตัวของแต่อย่างใด
เธอเข้าใจ แต่แล้วยังไงละ? แซ่จื๋อจ้วนไม่ใช่คนที่เธอชอบสักหน่อย นั้นเป็นเพียงแค่รักข้างเดียวของเจ้าหมอนั้นเท่านั้น
ดังนั้น หวาเหวินจึงไม่ได้บอกเรื่องราวในนั้นให้กับหยินซิ่งอย่างละเอียดแต่อย่างใด บอกแค่เพียงว่าเป็นของหาบเร่เท่านั้น จะจัดการยังไงกับมันก็ได้
เช้าตรู่วันที่สอง
หวาเหวินไปเรียนที่มหาวิทยาลัยหมินจู หลังจากที่เข้าเรียนไปแล้วสองคาบ เธอก็เข้าไปอยู่แต่ในห้องสมุด
แต่สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อก่อนก็คือ ไม่ว่าเธอจะเดินไปที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยคนจำนวนมหาศาล ที่ต่างเบียดเสียดเพื่อเข้ามามุงดูเธอ จากนั้นก็วิพากษ์วิจารณ์เธอ
หลังจากที่เกิดเรื่องของหยวนซ่าวแล้ว หวาเหวินก็ถูกนักศึกษาเหล่านี้สร้างความโดดเดี่ยวให้กับเธอ เพราะไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เธอแม่แต่ก้าวเดียว ด้วยเหตุผลง่าย ๆ บอกว่าเธอมีอารมณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง
เมื่อหวาเหวินได้ยินข่าวเหล่านี้ ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มน้อย ๆ นี่กลับทำให้ทุกอย่างสงบลง
ในตอนที่เธอเข้ามาในห้องสมุดนั้น เธอก็ได้นั่งลงในตำแหน่งที่ตัวเองชอบ นักศึกษาหญิงที่อยู่ข้างเธอตกใจต่างทยอยกันลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปทั้งนั้น
ไม่รู้ว่าเนิ่นนานเท่าไหร่ จนเธอได้ยินเสียงหนึ่งถามเธอว่า “เสี่ยวเหวิน ดื่มน้ำไหม?”
หวาเหวินเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นอวู๋ผิงยื่นน้ำเปล่ามาให้ขวดหนึ่ง พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ