ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 199
ตอนที่ 199 ยายับยั้งเส้นประสาทสมอง
อวู๋ผิงเกิดความลังเลเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอก็เบาเล็กลงมากด้วย เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“เสี่ยวเหวิน ฉันรู้ว่าเธอเป็นลูกของคนมีเงิน ไม่แคร์เรื่องเงิน แต่ฉันแคร์นะ ฉันมีฐานะยากจน ฉันฝันว่าถ้าฉันได้เงิน 1 ล้านหยวน ฉันจะนำไปให้พ่อกับแม่ พวกท่านจะได้ไม่เป็นกังวลมากนัก จากนั้นก็ให้น้องของฉันไปสู่ขอภรรยาของเขา จะทำอะไรก็ดีไปหมด อีกอย่างก็ไม่ต้องบีบให้ฉันต้องไปทำงานที่ฉันไม่ชอบด้วย ฉันไม่ได้ปิดบังเธอหรอกนะที่ฉันชอบสาขาประวัติศาสตร์ ฉันเคยคิดว่าหลังจากที่เรียนจบแล้ว ฉันจะไปเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ สอนนักเรียรเกี่ยนกับสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้มาทั้งหมด แต่พ่อกับแม่ฉันบอกว่า เป็นอาจารย์สอนจะได้เงินเท่าไหร่กันเชียว? จะเลี้ยงดูครอบครัวไปได้ยังไง เลี้ยงน้องชายยังไง? ดังนั้นยังไม่ทันที่ฉันจะเรียนจบ พ่อกับแม่ของฉันก็เริ่มวางแผนเป้าหมายในชีวิตของฉันแล้ว หลังจากที่เรียนจบก็ให้ฉันไปทำงานหาเงิน ไม่จำเป็นต้องตามสายอาชีพ ฉันกลัวและสับสนมาก ฉันกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ”
หลังจากที่หวาเหวินได้ยิน ก็เงียบไม่พูดอะไร
ความจริงแล้ว เธอไม่เคยมีชีวิตแบบอวู๋ผิงมาก่อน และก็ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งใจด้วย
ไม่รู้ว่าในใจของเธอนั้นคิดยังไง เมื่อเธอฟังจบ ก็ค้นพบว่าชีวิตของเธอมีเงินคอยสนับสนุนมาตลอด
เป็นอาจารย์คืออุดมการณ์ที่สูงส่งอย่างหนึ่ง แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับความเป็นจริง ไม่หาเงินก็ไม่ได้
แต่เธอกลับตรงกันข้ามกับพี่สาวทั้งสี่คนโดยสิ้นเชิง เพราะตระกูลหวามีเงินมีอำนาจ ดังนั้นเลยไม่ต้องแคร์ว่าลูกสาวจะทำอาชีพอะไร หวาฟ้านจึงไม่มีความจำเป็นต้องกังวลแต่อย่างใด
เมื่อคิดได้แบบนี้ เธอก็เข้าใจอวู๋ผิงมากขึ้น
“ที่เธอพูดก็ถูก ฉันยอมรับ ฉันทนไม่ได้ที่เธอพาตัวเองไปเป็นตัวทดลองเพื่อเงินจำนวนนี้ ทดลองยาเธอรู้ไหมว่ามันเรื่องใหญ่ขนาดไหน? เป็นหนูขาวเหรอ?”
“ฉันเข้าใจ ฉันก็ได้แต่พูด อาจจะไม่ถูกเลือกก็ได้นะ ได้ยินมาว่าคนที่ลงชื่อสมัครอ่ามีเกินกว่า 70,000 คนเชียวนะ และคัดเลือกออกมาเพียงแค่ 10 คนเอง ฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งกังวลไป ”
เมื่อเห็นอวู๋ผิงยิ้มโง่ ๆ ออกมา หวาเหวินก็ยิ่งไม่สบายใจ
“ตอนนี้เธอยังเรียนไม่จบนะ เรื่องหลังจบอย่าเพิ่งไปคิดถึงก่อนเลย เรื่องของอนาคต ใครก็พูดไม่ได้หรอก”
“ใช่ เสี่ยวเหวินเฉียบแหลมและกว้างไกลมาก ฉันมองแต่มุมเล็กไม่สนใจมุมใหญ่ ยึดมั่นมากเกินไป”
หลังจากที่ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้ว ก็กลับไปยังมหาวิทยาลัย ตอนบ่ายหวาเหวินขอตัวกลับก่อน แต่เธอไม่ได้กลับบ้านแต่อย่างใด แต่ไปหาแซ่จื๋อจ้วนแทน
แซ่จื๋อจ้วนเกินความคาดหมายมากทีเดียว ปกติแล้วการจะได้เจอหน้าหวาเหวินยากยิ่งกว่าสิ่งใด วันนี้เธอกลับมาหาเขาเอง?
ดังนั้นในตอนที่นั่งอยู่ตรงข้ามหวาเหวินภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง แซ่จื๋อจ้วนรู้สึกว่า ตัวเองนั้นฝันไปรึเปล่า?
“ที่ฉันมาหานายวันนี้ ก็เพื่ออยากจะถามเรื่องหนึ่ง”
“ได้ ว่ามาเลย” แซ่จื๋อจ้วนเพิ่งจะได้สติกลับมา
“ฉันมีเพื่อนร่วมห้องอยู่คนหนึ่ง เธอชื่อว่าอวู๋ผิง…… เธอได้ลงชื่อเข้าร่วมทดสอบยาของนายแล้ว แต่ฉันไม่อยากให้เธอไป ฉันอยากให้นายกำชับคนของนายดี ๆ ว่าอย่าเลือกเธอ”
“เอ่อ…….ยาของฉันไม่ใช่ยาพิษนะ ทดลองได้ และยังได้รับเงิน 1 ล้านหยวนด้วย นี่เป็นเรื่องดีจะตายไป เธอน่าจะให้กำลังใจเพื่อนของเธอนะ”
แซ่จื๋อจ้วนเองก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา เขาไม่ได้จะทำร้ายคนสักหน่อย ทำไมหวาเหวินจะต้องเคร่งเครียดขนาดนี้ด้วย
“นายไม่ต้องอธิบายให้มากความ ฉันแค่ไม่อยากให้เธอทดลองยาก็เท่านั้น ส่วนจะทำยังไงนั้น นายก็หาทางเองละกัน” เมื่อพูดจบ หวาเหวินก็ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเย็นชาแล้วเดินจากไปทันที
“หวาเหวิน…….เธออย่าคิดว่าฉันไม่ดีขนาดนั้นได้ไหม…….”แซ่จื๋อจ้วนพึมพำอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่สิ่งที่เจ็บปวดใจมากที่สุดก็คือ หวาเหวินเป็นห่วงเพื่อนร่วมห้องธรรมดาคนหนึ่ง แต่กับเขากลับหลีกห่างราวกับคนที่มีจิตใจอำมหิตอย่างไรอย่างนั้น
สุดท้ายแซ่จื๋อจ้วนก็ยังเชื่อฟังหวาเหวิน ด้วยการคัดชื่อผู้หญิงที่ชื่ออวู๋ผิงออกอย่างเงียบ ๆ
หลังจากนั้น ณ เวลา 3 ทุ่ม ฝ่ายรัฐบาลได้ประกาศรายชื่อ 10 คนที่คัดเลือก พร้อมทั้งประกาศชื่อยาใหม่ด้วย —— ยายับยั้งเส้นประสาทสมอง
ว่ากันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ยาที่ระงับเส้นประสาทอย่างหนึ่ง ผลลัพธ์หลัก ๆ เลยก็คือ สามารถทำให้สมองปลอดโปร่ง บรรเทาอาการเครียด ทำให้ร่างกายเกิดความผ่อนคลายและสบายตัวขึ้น
แต่ยิ่งลึกลับเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นของทุกคนมากขึ้นเท่านั้น อุตสาหกรรมยาจื๋อจ้วนได้ครอบครองข่าวหน้าหนึ่งทุกฉบับอีกครั้ง
ขนาดแซ่หยานเห็นข่าวก็ถึงกับนั่งไม่ติดเลยทีเดียว เขาจึงหันไปถามแซ่เฟยโม่ว่า “น้องชายแกจะทำอะไรกันแน่ ? ยายับยั้งเส้นประสาทสมอง มันคือยาอะไร? อย่าเล่นกับไฟ จนถูกไฟเผาเองละกัน”
แซ่หยานกลัวว่าลูกชายจะเป็นดั่งสุภาษิตที่ว่าฟ้าร้องเสียงดังแต่ฝนกลับตกนิดเดียว หลังจากที่ยาถูกปล่อยออกมาแล้ว ผลลัพธ์กลับไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจขนาดนั้น จนกระทั่งเงียบสนิทเลยก็ได้ เงินจำนวน 500 ล้านก็ลงทุนไปเสียเปล่า แซ่จื๋อจ้วนอาจจะร่วงลงมามีชื่อเสียงในด้านการหลอกลวงก็ได้