ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 จูบล่อ
คำพูดของคุณนายเจียงเหมือนจะไม่ได้ทำให้ลูกชายหยุดเดินไปข้างหน้าแต่อย่างใด
เขาเหมือนจะแปลกใจในตัวหวาเหวิน
ได้ยินมาว่า หวาเหวินตั้งแต่เล็กก็ติดตามคุณย่าไปอยู่บนเขาจงชุ่ย
เธอหน้าตาขี้เหร่พูดติดอ่าง
แต่เมื่อกี้ที่ได้ยินเธอพูดจาคล่องแคล่วนัก หรือว่าจะได้ยินมาผิด
ความแปลกใจกับความสนใจทำให้เจียงหยู่เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างไม่รอช้า
แขกทุกคนมองไปที่พวกเขา
หวาเหวินพูดขึ้นว่า “บาทหลวงคะ งานแต่งดำเนินการต่อได้เลยค่ะ”
ได้ยินเธอพูดในระยะใกล้ๆถึงได้รู้ว่าเสียงของเธอนั้นใสแจ๋วน่าฟังยิ่งนัก น่าจะเป็นคนสวยเสียงใสเพราะมากกว่ามั้ง
“นี่…” เดิมทีคือตระกูลแซ่เป็นคนเชิญให้บาทหลวงมาทำพิธี แต่ ณ ตอนนี้เจ้าสาวกลับเป็นคนเอ่ยปากพูดขึ้นเองทำให้เขาก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
“ทำตามที่เธอพูดเถอะ” เจียงหยู่ยิ้มไปทางบาทหลวง
“ไม่ทราบว่าคุณแม่อะไร” บาทหลวงไม่รู้จริงๆว่าเขาชื่อแซ่อะไร
“แซ่เจียง ชื่อหลิว” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
พอคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากเขา ทำให้ข้างล่างเวทีก็เกิดความโกลหลขึ้นอีกครั้ง
เจียงหยู่ ชื่อนี้คงไม่มีใครในเมืองนี้ไม่รู้จักหรอกมั้ง
เกิดในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในสี่ตระกูลนี้อย่างตระกูลเจียงที่ร่ำรวยมานานนับร้อยปีและในทุกรุ่นของตระกูลเจียงก็จะมีผู้สืบทองแค่คนเดียวมาตลอด พอมาถึงรุ่นของเจียงหยู่ ก็ยังคงมีเขาที่เป็นผู้ชายคนเดียวที่จะสืบทอดกิจการของตระกูลต่อไป
หากจะถามว่าตระกูลเจียงมีเงินมากขนาดไหน และมีอำนาจมากแค่ไหน
พูดแบบนี้แล้วกัน เอาทั้งสามตระกูลมารวมกันก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลเจียง
ประธานสภาหอการค้าในทุกวันนี้ก็คือพ่อของเจียงหยู่ เจียงจู่เหวิน
ดังนั้น พอทุกคนได้ยินว่าเจ้าบ่าวชั่วคราวที่กำลังเดินขึ้นไปบนเวทีคือเจียงหยู่ ทุกคนนึกไม่ถึงจริงๆ
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าสาวจะไม่ได้ตกใจหรืออะไรเลย
บาทหลวงเองก็อึดอัดอยู่ไม่น้อย ได้แต่ทำตามที่ขอแล้วอ่านหนังสือแต่งงานที่ถืออยู่ในมือ
“ขอถามคุณเจียงหยู่ว่าคุณจะยอมรับผู้หญิงที่สวยงามราวกับดอกไม้ตรงหน้าของคุณนี้เป็นภรรยาหรือไม่ ไม่ว่าจะเจ็บป่วยยากจนข้นแค้นหรือแก่ตายคุณก็จะไม่ทิ้งเธอไว้คนเดียวไปตลอดชีวิตใช่ไหม”
เจียงหยู่ลังเลไปสองวินาที จากนั้นค่อยเอ่ยปากพูดว่า “ผมยอมรับครับ”
“เด็กคนนี้ทำไมเหลวไหลแบบนี้” คุณนายเจียงที่อยู่ด้านล่างเวทีพอเห็นลูกชายของตนที่ยืนอยู่บนเวทีและกำลังแต่งงานกับคนอื่น ทำให้เธอรู้สึกความดันขึ้นมาทันที
คนตระกูลแซ่ถึงจะรู้สึกว่ามันบ้าบอกมาก แต่ยังไงก็เป็นความผิดของพวกเขาทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ยังไงก็เพราะคุณชายรองของพวกเขาหนีก่อนเอง บนจอก็มีคลิปที่น่ารังเกียจเปิดขึ้นมาอีก งานแต่งงานดีๆของทั้งสองตระกูลแท้ๆแต่กลับกลายมาเป็นเรื่องบ้าบอไปเสียได้
บาทหลวงมองดูเจ้าสาวที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาวแล้วถามขึ้นว่า “ขอถามคุณหวาเหวินว่าคุณจะยินดีรับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของคุณนี้เป็นสามีหรือไม่ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะรวยหรือจนคุณจะยินดีและอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดไหม”
เจ้าสาวรีบตอบทันที “ฉันยินดีค่ะ”
“ดี งั้นฉัน ฉันจะประกาศวันนี้วันนี้ คุณเจียงหยู่และคุณหวาเหวินได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว ขอให้พวกคุณถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรอยู่ด้วยกัน ขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านช่วยปรบมือให้กับคู่บ่าวสาวด้วยครับ”
หลังจากนั้นสามวินาทีก็มีเสียงปรบมือประปรายดังขึ้น
ง่ายมาก คือทุกคนยังคงแปลกใจและรับกับสถานการณ์นี้ไม่ได้
“คุณคะ นี่มัน..”คุณนายหวาเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเลยเถิดมาถึงตรงนี้ จนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
กลับกันกับหวาเจิ้นเยว่ที่เคยเห็นคนเยอะมาก่อน แลดูเขาสีหน้าราบเรียบพูดปลอบหซู่ลี่หวาว่า “พวกเราก็ไม่เสียหายอะไร แต่งกับเจียงหยู่ดีกว่าแต่งกับแซ่จื๋อจ้วนที่ไม่เอาถ่าน แต่งเข้าตระกูลเจียงไม่เหมือนกับแต่งเข้าตระกูลแซ่ ตระกูลเจียงมีเขาเป็นลูกชายคนเดียว อีกหน่อยเจียงหยู่ก็ต้องเป็นคนดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลเจียง การซื้อขายในครั้งนี้ พวกเราได้กำไรอยู่แล้ว”
เป็นพ่อคนทั้งทีในวันแต่งงานของลูกสาวกลับไม่สนใจถึงความสุขของลูกสาวในวันข้างหน้า แต่กลับสนใจแต่กำไลและขาดทุน พ่อแบบนี้บ้าอำนาจเกินไปหน่อยแล้วมั้ง แต่นี่ก็คือบ้านคนรวย
เวลานี้เสียงของบาทหลวงก็ดังมาจากบนเวทีอีก “และขอให้พวกเราทุกคนช่วยกันปรบมือให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจูบกันเพื่อเป็นหลักฐานในความรักของพวกเขา”
ถึงแม้จะทำใจไว้แล้วก็ตามแต่เจียงหยู่ในเวลานี้ก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
นี่คือครั้งแรกในรอบยี่สิบกว่าปีมานี้ที่เขาจะต้องใกล้ชิดจูบผู้หญิง ไม่ผิด Boss คือจูบแรกของเจียงหยู่