ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 214
ตอนที่ 214 เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ทันที่เปิดประตู ความรู้สึกอบอุ่นก็ไหลเข้ามาในหัวใจ
เธอเห็นคุณยายสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเขียวที่เธอชอบที่สุด มวยผมหวีเป็นแบบโบราณ ด้านหลังปักด้วยปิ่นสีเงิน
อยู่หน้าเตาไฟที่อบอุ่น เสี่ยวเฮยก็คลานอย่างเกียจคร้านอยู่บนพรมสีขาว ซึมซับกับช่วงเวลานี้
ชุนเถากับหยินซิ่งที่กำลังทำอาหารเที่ยงอยู่ในครัว กลิ่นหอมของอาหารลอยเข้ามาบ่อย ๆ เป็นกลิ่นอายของความสุขอย่างหนึ่ง
ภาพวาดที่คุ้นเคย กลิ่นอายที่คุ้นเคย นี่เป็นเรื่องที่เธอชอบที่สุดในหลายปีมานี้
“เหวินเหวิน เธอนี่โง่จริงปล่อยร่างกายเย็นได้ อย่าไปยืนด้านนอกนานนักสิ อย่าเห็นแก่การเล่นมากเกินไป” คำกำชับของคุณยาย
หวาเหวินพยักหน้า มือทั้งคู่กุมแก้ม ผิงไฟไปด้วยพร้อมตั้งใจฟัง
ได้ฟังหญิงชราพร่ำรำพันอีกครั้ง “เด็กคนนี้เธอ เกิดในยุคนี้ช่างน่าเสียดาย นักทำนายได้บอกไว้แล้ว ในอดีตนั้นเธอเป็นคนที่มีชีวิตร่ำรวย ในปัจจุบันนี้เธอได้เรียนรู้หลายสิ่งแล้ว แต่จะไปมีประโยชน์อะไร หลังจากนี้ต้องแต่งให้คนอื่นแล้ว ใช้ชีวิตให้กำเนิดบุตรจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องเปลี่ยนแปลงนิสัยของเธอ ไม่อย่างนั้นจะเงียบเหงาเกินไป แม่สามีจะไม่ชอบเอาได้”
“ฉันรู้แล้วค่ะ คุณยาย” เธอพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู
เมื่อถึงเวลาที่แสงแรกมาเยือนก็สาดเข้ามาจากหน้าต่าง หวาเหวินตื่นขึ้นจากความฝัน
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเธอ คุณยายและคุณแม่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่อยู่แล้ว
แต่ชีวิตของเธอหลังจากนี้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไร คุณยายก็ไม่เคยเข้ามาเจอเธอในความฝันเลย
เมื่อวานทานยาที่แซ่จื๋อจ้วนพัฒนาเข้าไปจากนั้น——หลังจากทานยายับยั้งเส้นประสาทสมอง ที่จริงแล้วก็ได้พบความฝันที่แสนงดงาม
จนกระทั่งตอนตื่น ยังมีกลิ่นอายของความรู้สึกมีความสุข
ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านอย่างอ่อนโยนนั้น มีเสียงที่คุ้นเคยของคุณยาย มีปุยหิมะสีขาวของภูเขาจงชุ่ย
หวาเหวินนั่งนิ่งอยู่บนเตียงครู่ใหญ่ จากนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างเงียบงัน
ตอนที่ชุนเถาเข้ามาเรียกคุณหนูให้ตื่นนอน ก็ตกใจมาก
“คุณหนู ทำไมถึงได้ร้องไห้คะ? ฝันร้ายหรือ?”
ชุนเถารู้ตารางการทำงานและพักผ่อนของคุณหนู ปกติตอนเช้าจะตื่นเวลาหกโมงตรง แน่นอนว่าหกโมงครึ่งจะต้องทานอาหารเช้าแล้ว
แต่วันนี้กลับหลับจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง และยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ชุนเถาเป็นกังวล จึงเข้ามาดู ก็พบหวาเหวินร้องไห้แล้ว
“ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่ฝันถึงคุณยายเท่านั้น” เสียงของเธอแหบพร่า คล้ายข้าวเหนียว
“คุณหนูจะต้องทำใจให้โล่งนะคะ นายหญิงจะต้องรู้สึกเสียใจและคิดถึงคุณแน่นอนเลยค่ะ ถึงได้กลับมาพบคุณ นี่เป็นเรื่องดี เราอย่าได้ร้องเลยนะคะ”
ชุนเถาประคองหวาเหวินขึ้นจากเตียงนอน เปลี่ยนเสื้อผ้า ลงมาทานอาหารที่ชั้นล่าง
“คุณหนูคะ ยาตัวนั้นใช้ดีไหมคะ?” หยินซิ่งยังนึกถึงเรื่องของยาตัวนี้อยู่ เพราะว่าเธอกับชุนเถาเองก็อยากลอง
หวาเหวินหยิบแก้วชา แล้วดื่มชา
ผ่านไปสักพัก ถึงได้พูด “พอใช้ได้”
สามารถได้คำว่าพอใช้ได้จากหวาเหวิน นั่นคือการประเมินอยู่ในระดับสูงแล้ว เดาว่าถ้าแซ่จื๋อจ้วนรู้คงจะดีใจจนตายแน่
ในความเป็นจริง หลังจากยาของแซ่จื๋อจ้วนออกจำหน่าย ช่างดูดเงินได้ไม่หยุดจริง ๆ พูดได้ว่าเพียงแค่อาทิตย์เดียวก็มียอดขายถึงเก้าสอบล้านหยวนแล้ว นี่คือเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประชาชนเกือยทั้งประเทศหลั่งไหลเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง พนักงานออฟฟิศที่มีความกดดันในการทำงานมากมาย โปรแกรมเมอร์ล้วนสรรเสริญยาตัวนี้ บอกว่าทานยาตัวนี้เข้าไปแล้วก็ฝันดีไม่หยุด แถมยังนอนหลับได้สนิทอีกด้วย นี้สามารถเข้ามาแทนที่ยานอนหลับธรรมดาได้อย่างไร้ข้อกังขา
มีคำสุภาษิตเคยกล่าวไว้ ยิ่งได้รับความนิยมมากก็ยิ่งดำมืด นี้เหมือนจะเป็นกฎที่ไม่สามารถอธิบายได้
แซ่จื๋อจ้วนทำเงินได้อย่างบ้าคลั่ง ตามธรรมชาติต้องมีคนไม่พอใจ จะอาชีพเดียวกันก็ดี จะคู่แข่งก็ช่าง แน่นอนว่าไม่ยอมให้เขาได้หน้าครั้งใหญ่นี้
ดังนั้นในอาทิตย์ที่สามของการจำหน่ายยายับยั้งเส้นประสาทสมองนี้ ในที่สุดก็เกิดเรื่องขึ้น
กล่าวว่ายาตัวนี้ทำให้คนเสียชีวิต ครอบครัวของผู้เสียชีวิตนำโลงศพไปที่ประตูบริษัทของแซ่จื๋อจ้วน ดึงแผ่นภาพสีขาว——นักธุรกิจโหดเหี้ยมไร้ยางอายยาต้องการชีวิต
เมื่อผู้ช่วยสาวมาบอกเรื่องนี้กับแซ่จื๋อจ้วน เขาพูดออกมาตามตรง “เป็นไปไม่ได้ ยาของผมเป็นเหมือนผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกาย จะทานแล้วเสียชีวิตได้อย่างไร?”