ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 218
ตอนที่ 218 ให้เขาเฉือนเนื้อ
แซ่เฟยโม่ถอนหายใจเล็กน้อย “จื๋อจ้วนนิสัยดื้อรั้นมาก ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ในใจจะต้องยากเกินจะรับไหวแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไรดี?”
“ผมกับพ่อบอกไปแล้ว ว่าให้เขาเฉือนเนื้อ ถ้าตอนนี้ละทิ้งเรื่องยุ่งยากนั้นไป ขาดทุนมากที่สุดก็ประมาณร้อยกว่าล้าน พวกเราช่วยในชำระในส่วนที่ขาดได้ แต่ถ้าหากยังคงปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ก้อนหิมะก็จะยิ่งมากขึ้น พอถึงเวลานั้นมูลค่าความเสียหายก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น พอไม่สามารถออกหน้าให้ได้ ถ้าหากพ่อออกหน้า จื๋อจ้วนจะยิ่งลงจำโต๊ะไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ผมพูด เพียงแต่ว่าพอผมโทรไปเขาก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปเขาได้อ่านหรือเปล่า ผมเองก็ไม่แน่ใจ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหม พรุ่งนี้รอดูท่าทีของเขาก่อน”
เฝิงหยู่กับสามีล้วนมีใจอยากที่จะช่วยน้องชายของสามีแก้ไขปัญหา สำหรับตระกูลแซ่แล้ว ความเสียหายแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วง
เพียงแต่ว่าถ้าหากยังไม่ยอมปล่อยมือจริง ๆ ถ้าความเสียหายยิ่งนานยิ่งเพิ่มขึ้น เงินชดเชยค่าสินไหมในหนหลังเป็นเรื่องน้อยนิด แต่สภาพจิตใจของแซ่จื๋อจ้วนได้พังลงอย่างสมบูรณ์
ดังนั้นสิ่งที่แซ่เฟยโม่กับแซ่หยานเป็นห่วงคือเรื่องนี้ การจ่ายเงินชดเชยค่าสินไหมไม่ว่าจะเท่าไรล้วนไม่ใช่ปัญหา
เฉือนเนื้อ พูดนั้นง่าย แต่การจะทำขึ้นมานั้นยากนัก
ยาตัวใหม่ที่แซ่จื๋อจ้วนทุ่มเทสติปัญญาการพัฒนา จะให้เขามาบอกว่าไม่ต้องก็ไม่เอาแล้วได้อย่างไรกัน
พูดอีกคือ ตัวยานั้นไม่ได้มีปัญหา คนที่เสียชีวิตไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับยาของเขา เขานั้นได้รับความไม่ยุติธรรมเข้าแล้ว ถ้าหากปล่อยบริษัทยาจื๋อจ้วนจำกัดไปตอนนี้
ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่การหมายความว่า ยาของเขาไม่ดี? คนอย่างเขาไม่ดีหรือ?
และเป็นอีกคืนที่นอนหลับได้อย่างยากเย็น เช้าวันรุ่งขึ้น
แซ่จื๋อจ้วนไปบริษัททั้งที่ยังไม่ได้โกนหนวด บริษัทเงียบเป็นอย่างมาก
ครอบครัวที่ก่อความวุ่นวายเองก็ไม่ค่อยมีอะไรแล้ว สื่อมวลชนเองก็หยุดที่จะสนใจแล้ว ตอนนี้ก็รอให้บริษัทนี้ล้มละลายอย่างสมบูรณ์
“เจ้านาย เงินเดือนเดือนนี้จะสามารถจ่ายได้หรือไม่?” แม้กระทั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตูยังถามเรื่องเงินเดือนอย่างเป็นกังวล
แซ่จื๋อจ้วนรู้สึกว่าน่าตลก จากกระเป๋าเงินของเขา ดึงเงินออกมาแล้วโยนให้เขา
“เอาไป เงินเดือนของคุณไม่ขาดแม้แต่เฟินเดียว”
“ดีจริง ขอบคุณเจ้านาย ความจริงคุณอย่าได้ตำหนิผมเลย ตอนนี้เป็นความจริงที่เจ้านายหลายคนของกิจการจะวิ่งหนีไปชั่วข้ามคืน แล้วค้างชำระค่าแรง” ลุงคนนั้นพูด
แซ่จื๋อจ้วนเองก็ไม่ได้พูดอะไร ก้มศีรษะเดินไปตามทางเพื่อเข้าบริษัท
ผู้ช่วยสาวเข้ามา ถือกองเอกสารไว้ในมือ
“ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” แซ่จื๋อจ้วนถาม
“ลูกค้าต้องการยกเลิกรายการสั่งซื้อ ตอนนี้ยาขายไม่ออก หุ้นในตลาดตกต่ำ ตามมูลค่าในปัจจุบัน บริษัทของพวกเราถึงแม้ว่าจะสามารถขายได้สามร้อยล้าน ก็ยังต้องชดเชยเพิ่มอีก5.7ร้อยล้าน เว้นแต่ว่าคุณจะประกาศล้มละลายในตอนนี้ แล้วให้ธนาคารเข้ามาตรวจเช็คของเหล่านี้ ก็จะไม่ต้องชดเชยอีก เพียงแต่ว่า……เพราะว่าคุณเป็นคนตระกูลแซ่ ถ้าหากมีคนมาตรวจสอบ เกรงว่าจะทำให้บริษัทของพ่อคุณต้องรับภาระสักหน่อย”
“เฮอะ ผมยังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกหรือ?” แซ่จื๋อจ้วนยิ้มเย็น
ผู้ช่วยสาวพูดเสียงต่ำ “มีค่ะ เจ้านาย ก็แค่ไปยืมเงินเพื่อมากลบอุโมงค์นี้ไว้ก่อน แต่ว่าถ้าหากบริษัทยังมีปัญหาด้านการเงินอยู่อย่างนี้ ในความเป็นจริงการชำระในส่วนที่ขาดนี้เป็นการลงทุนโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร ตัวเลือกนี้ฉันไม่แนะนำให้คุณทำค่ะ”
“ก็ได้ คุณออกไปก่อน ผมขอเวลาคิด”
“ได้ค่ะ เจ้านาย”
หลังจากที่ผู้ช่วยสาวออกไปแล้ว แซ่จื๋อจ้วนก็พิงโต๊ะเจ้านาย ในเวลานั้นไม่ทันได้ระวังอะไร
ตอนนี้ให้เขาทอดทิ้ง มันเป็นไปไม่ได้อย่างเห็นได้ชัด ให้เขาได้ทำต่อเถอะ ไม่มีความมั่นใจ ไม่รู้แล้วจริง ๆ ว่าจะต้องจัดการบริหารอย่างไรดี
อีกทั้งยังการยืมเงิน ถ้าหากบอกสำนักงานใหญ่ พ่อของเขาจะต้องจับจุดอ่อนไว้แน่ หลังจากนั้นก็จะโดนหินจนตาย
ถึงแม้ว่าในอนาคตจะเข้าไปที่สำนักงานใหญ่ ก็ต้องให้พ่อกับพี่ชายช่วยประเมิน ตัวเองไม่มีสิทธิ์พูดอะไร
แต่ถ้าหากไม่ได้ยืมเงินจากสำนักงานใหญ่ ใครจะสามารถให้เขายืม5.7ร้อยล้านได้กัน?
เพื่อนสุนัขจิ้งจอกพวกนั้นถ้าเป็นการไปกินเที่ยวเล่นอย่างปกติก็ได้อยู่ แต่ตอนนี้ต้องการเงิน แน่นอนว่าคงไม่ได้ และคงออกมาได้ไม่มาก
คิดไปคิดมา แซ่จื๋อจ้วนก็คิดถึงคนคนหนึ่ง หวาผิง
หวาผิงเป็นดาราที่มีชื่อเสียง จะต้องมีเงินอย่างแน่นอน
คิดได้ดังนี้ แซ่จื๋อจ้วนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขโทรศัพท์ของหวาผิง