ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 221
ตอนที่ 221 ถือเป็นการสร้างกุศล
หวาเหวินพูดได้ตรงจุดจริงๆ ครั้งนี้แซ่จื๋อจ้วนต้องพยายามเอาตัวรอดจากวิกฤติให้ได้หากว่าแพ้แล้ว ถึงแม้จะกลับไปที่สำนักงานใหญ่ ก็คงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้อีก
เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าธุรกิจของเขาล้มเหลว จึงซมซานกลับมา และยังทำให้พ่อของตัวเองต้องมาเก็บกวาดเรื่องวุ่นวายที่คั่งค้างอยู่ คำพูดนี้จะกดทับเขาเอาไว้ตลอดชีวิต
ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้ก็คือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยากจะบุกไปข้างหน้า ก็ไปไม่ได้ อยากจะถอยหลัง ก็ถอยไม่ได้อยู่ดี
ทุกสื่อใหญ่แย่งกันรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ โดยเฉพาะแซ่จื๋อจ้วน กล่าวกันว่าขังตนเองอยู่ในอาคารของบริษัทยาจื๋อจ้วนจำกัด สามวันสามคืนแล้วที่ไม่ยอมออกมา
ทั้งด้านในอาคาร เหลือแค่เขาและลุงยามเฝ้าประตูเท่านั้น เป็นสถานการณ์ที่น่าเวทนาอย่างยิ่ง
หวาเหวินยังคงไปมหาวิทยาลัยตามปกติ บังเอิญมีเวลาว่างจึงไปนั่งดื่มชาที่ร้านค้าสักพัก
แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ เฝิงหยู่จะมาพบเธอ
เฝิงหยู่ขับรถมาด้วยตัวเอง หาหวาเหวินจนพบกันที่ห้องสมุด
หวาเหวินไม่รู้จักเธอ ดังนั้นเธอจึงเอ่ยปากแนะนำตัวก่อน “สวัสดีค่ะหวาเหวิน ฉันเฝิงหยู่ เป็นพี่สะใภ้ของแซ่จื๋อจ้วน”
“สวัสดีค่ะ” หวาเหวินปิดหนังสือที่อยู่ในมือ เงยหน้าขึ้นมองสาวสวยตรงหน้า
เฝิงหยู่เป็นผู้หญิงที่ท่าทางสง่างามมากคนหนึ่ง แม้ว่าหน้าตาจะไม่ได้สวยหยาดเยิ้ม แต่ดูเฉลียวฉลาด รวมไปถึงการแต่งกายก็มีรสนิยมดีมาก เป็นต้นแบบของลูกสะใภ้ในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลไปแล้ว
“ล่วงเกินมากจริงๆ ที่มาพบคุณอย่างกะทันหันอย่างนี้ จริงๆแล้วฉันมาเพื่อจื๋อจ้วนค่ะ”
เฝิงหยู่เดาถึงอุปนิสัยอย่างนี้ของหวาเหวิน คงจะไม่ชอบอ้อมค้อม ดังนั้นจึงบอกจุดประสงค์ของการมาพบอย่างตรงไปตรงมา
“มีอะไรที่ฉันจะช่วยได้หรือคะ?” หวาเหวินไม่ค่อยเข้าใจ แซ่จื๋อจ้วนล้มละลาย มาพบเธอมีประโยชน์อะไร จะยืมเงินอย่างนั้นหรือ?
ไม่น่าเป็นไปได้ อันที่จริงเฝิงหยู่ขอเงินจากกลุ่มนายทุนของตระกูลตนเองคงจะดีกว่า ไม่น่ามายืมหวาเหวินหรอก
เฝิงหยู่พินิจพิเคราะห์หวาเหวินตั้งแต่หัวจรดเท้า จริงๆนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้พบ ครั้งก่อนในงานแต่งงานของตระกูลแซ่ เธอก็เคยพบมาก่อนแล้ว
ตอนนั้นหวาเหวินยังสวมชุดแต่งงานอยู่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่งานแต่งงานไม่สำเร็จ หวาเหวินจะกลายเป็นคนของตระกูลเจียงไปได้
“ตอนนี้จื๋อจ้วนโดนบีบบังคับถึงทางตันแล้ว แล้วก็ไม่ยอมก้มหัวให้คุณพ่ออีกด้วย สภาพจิตใจของทุกคน……ค่อนข้างแตกสลาย เขาขังตัวเองอยู่ในอาคาร สามวันสามคืนแล้วที่ไม่ออกมาเลย ใครโทรหาก็ไม่รับ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ พวกฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเขา กลัวว่าเขาจะเป็นอย่างนี้ต่อไปปล่อยวางไม่ได้ และความสัมพันธ์ระหว่างจื๋อจ้วนกับฉันดีมากๆ ดังนั้นฉันจึงรู้เรื่องราวของพวกคุณอยู่บ้าง”
“ระหว่างฉันกับแซ่จื๋อจ้วนไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้นค่ะ คุณนายแซ่ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ?”
หวาเหวินมองหน้าของเฝิงหยู่ อธิบาย
เฝิงหยู่รู้ว่าคำพูดของตนเองทำให้หวาเหวินเข้าใจผิดแล้ว ยิ้มแล้วกล่าวต่อ “ต้องโทษที่ฉันพูดไม่ชัดเจนเองค่ะ จื๋อจ้วนชอบคุณมากๆ เขาแสดงออกกับฉันหลายครั้งแล้ว ปรารถนาที่จะเอาคุณคืนมา ดังนั้นฉันจึงคิดว่า ในตอนนี้ หากว่าคุณหวาเหวินสามารถออกหน้าจัดการ โน้มน้าวแค่ไม่กี่คำ บางทีเขาอาจจะตื่นตัวขึ้นมาก็ได้นะคะ”
“แต่ฉันกับแซ่จื๋อจ้วนก็ไม่ได้สนิทกันมากนะคะ” หวาเหวินรู้สึกว่า ให้ตนเองเป็นคนออกหน้าจัดการไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ อันที่จริงตนเองก็ไม่ได้ถือว่าเป็นแม้กระทั่งเพื่อนเสียด้วยซ้ำ
แต่คนฉลาดอย่างเฝิงหยู่ มาตามหาตนเองอย่างนี้ คงไม่ใช่เพราะความวู่วามอย่างแน่นอน ต้องคิดมาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วแน่ๆ
“ฉันเข้าใจในความลำบากใจของคุณ ดังนั้นฉันอยากจะบอกว่าขอโทษจริงๆนะคะ ที่ล่วงเกินรบกวนคุณอย่างนี้ เรื่องของจื๋อจ้วนครอบครัวพวกฉันทุกข์ใจกันทั้งนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างนี้ แต่ฉันกล้ารับประกันเลยว่า เขาเป็นคนที่จิตใจดี ไม่มีทางขายยาปลอม ขายยาที่คนต่อต้านอย่างเด็ดขาด คุณหวา ไม่ใช่สิ คุณนายเจียงคุณก็ถือเสียว่าแสดงน้ำใจที่มีเมตตากรุณา พูดแค่ไม่กี่คำ เหมือนกับสุภาษิตที่ว่ามือที่หยิบยื่นดอกไม้ให้ผู้อื่นมักมีกลิ่นหอมติดมาเสมอ คุณนายเจียงคุณก็ถือโอกาสทำกุศล ได้ไหมคะ?”
เห็นสายตาที่ทั้งจริงใจทั้งรีบร้อนของเฝิงหยู่อย่างนั้น ในทันที หวาเหวินก็ค่อนข้างลำบากใจ