ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 233
ตอนที่ 233 เหมาทั้งร้านเพื่อขอบคุณ
หวาเหวินยิ้มเล็กน้อย “หลงตัวเอง”
เห็นเธอยิ้มให้ตนเองเล็กน้อย เจียงหยู่ก็รู้สึกสบายใจ จึงเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วว่าเพราะอะไรกษัตริย์ที่ถึงแม้จะสูญเสียเอกราชก็ยังต้องการได้รับรอยยิ้มจากสาวงาม?
ย้อนคิดกลับไปตอนแรกสุดที่เริ่มรู้จักหวาเหวิน ตอนที่ย้ายเข้ามาเฟิงหวาหลี่ เธอมักจะเย็นชาอยู่เสมอ ราวกับว่าไม่สนใจเรื่องใดๆทั้งสิ้น วันนี้ถึงแม้นิสัยนั้นจะเบาบางลงไปบ้าง แต่รอยยิ้มกลับค่อยๆมีมากขึ้นแล้ว หวาเหวินเป็นอย่างนี้ เจียงหยู่ยิ่งชอบมากขึ้น
ชุนเถากับหยินซิ่งเห็นเจ้านายมีความสัมพันธ์ที่ดี แน่นอนว่าต้องดีอกดีใจอยู่แล้ว
ในครัวก็เริ่มเตรียมของหวานสำหรับทั้งสองคน บางเวลาที่หวาเหวินอารมณ์ดี ก็มักจะเล่นหมากรุกกับเจียงหยู่อยู่บ้าง
แม้ว่าสามีภรรยาทั้งสองจะไม่ได้มีความหลงใหลในแบบคู่รักที่แนบชิดสนิทกัน แต่เคารพซึ่งกันและกันอย่างนี้ก็ทำให้เจียงหยู่รู้สึกพึงพอใจมาก
สำหรับเขามีความคิดที่ละโมบอยู่บ้าง ในอนาคต……หากว่าหวาเหวินชอบเขาขึ้นมาจริงๆ ค่อยๆหลงรักเขา หัวเราะร้องไห้มีอารมณ์ความรู้สึกเพื่อเขา เป็นห่วงเขาทำงานหนักเพื่อเขา เวลานั้นเขาคงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก อันที่จริงดูเหมือนกับว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น ผู้หญิงที่มีเหตุผลอย่างนั้นคนที่นิสัยเย็นชาอย่างนั้น จะเผยจุดอ่อนให้ตนได้เห็นจริงๆใช่ไหม?
เช้าวันถัดมา
ทั้งสองคนกินข้าวแล้วก็ออกมาพร้อมกัน เจียงหยู่ขับรถไปทำงานที่บริษัท ส่วน หวาเหวินกลับมีชุนเถาขับรถไปส่งที่มหาวิทยาลัย
เดือนสิบของเมืองเจียงใส่แต่เสื้อกันลมไม่ได้แล้ว เพราะต้านทานความหนาวเย็นของลมฤดูใบไม้ร่วงไม่ไหว หวาเหวินจึงเริ่มสวมเสื้อไหมพรมที่คลุมด้วยเสื้อคลุมไหมพรมสีแดง แบบที่หนามากๆอย่างนั้น
ด้านล่างยังคงเป็นกางเกงขายาวสีดำที่เรียบง่าย แต่ด้านในบุขนอ่อนๆชั้นหนึ่ง รองเท้าผ้าใบเปลี่ยนเป็นรองเท้าบูทสั้นที่หนามากขึ้น
น้อยมากที่เธอจะสวมของมียี่ห้อเดินลอยไปลอยมาตามที่สาธารณะ แต่เครื่องแต่งกายกลับต้องมีคุณภาพชั้นหนึ่งอยู่เสมอ เพื่อความสมถะ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อดังของเธอก็ไม่ได้ใส่ แม้กระทั่งต่างหูก็น้อยมากที่จะใส่
หลังจากจบคาบเรียนช่วงเช้า เธอออกไปกินข้าวตามปกติ ช่วงนี้อากาศเย็น เธอจึงหลงใหลโจ๊กหม้อไฟร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย
มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นร้านเล็กๆที่สะอาดสะอ้าน เมนูแนะนำก็คือโจ๊กหม้อไฟ ข้างในมีผักและเห็ดมากมายหลายชนิด ต้มเป็นเวลานานรสชาติหอมหวานเข้มข้น
เข้ากันอย่างดีกับขนมปังสับปะรด เป็นโลกที่แสนอร่อยสุดๆเลย
ตอนที่หวาเหวินเข้าประตูมา ก็ประหลาดใจที่พบว่าวันนี้ไม่นึกเลยว่าจะไม่มีลูกค้าคนอื่น ทุกครั้งตอนเที่ยงถึงกับต้องเข้าแถวอยู่เสมอ
“สาวน้อย มาแล้ว” เถ้าแก่เนี้ยเดินออกมาต้อนรับด้วยความอบอุ่น
“โจ๊กหม้อไฟหนึ่งถ้วยค่ะ เอาผักหมดเลย ไม่เอาหมูสับ เพิ่มขนมปังสับปะรดด้วยหนึ่งชิ้นค่ะ” หวาเหวินนั่งลงแล้วสั่งอาหาร
“ได้จ๊ะ”
ในตอนนี้ แซ่จื๋อจ้วนก็เดินเข้ามา สวมเสื้อสีเขียวทหาร ในมือยังถือถุงเล็กๆใบหนึ่งอยู่
หลังจากที่หวาเหวินเห็นเขา ก็ไม่ได้ประหลาดใจ รู้ว่าเขามาพบตนเองแน่นอน
“รู้ว่าคุณชอบกินที่ร้านนี้ วันนี้ฉันเลยตั้งใจเหมาทั้งร้านโดยเฉพาะ เลี้ยงโจ๊กหม้อไฟคุณหนึ่งมื้อ ไม่เบื่อใช่ไหม?” แซ่จื๋อจ้วนพูดแล้วก็นั่งตรงข้ามเธออย่างคุ้นเคย
“ไม่เบื่อ โจ๊กหม้อไฟอร่อยมาก”
ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ แซ่จื๋อจ้วนยิ่งมีความสุข
หยิบน้ำผลไม้สี่ขวดออกมาจากในถุง “ไม่รู้ว่าคุณชอบดื่มรสไหน ก็เลยซื้อมาสี่รสชาติเลย มีรสพีช ส้ม สตรอเบอร์รี่ และองุ่น คุณดื่มอันไหน?”
หวาเหวินกวาดสายตาอย่างเรียบเฉย “ฉันไม่ดื่มน้ำผลไม้ผสมพวกนี้ ข้างในใส่สีเยอะ”
“เอ่อ……ก็ได้ แหะๆ อย่างนั้นต่อไปหลังจากฉันให้คนสกัดเย็นเรียบร้อยแล้วจะเอามาให้คุณนะ” แซ่จื๋อจ้วนทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“คุณมาหาฉัน มีเรื่องอะไรหรือ?” หวาเหวินไม่ค่อยชอบคุยเล่นกับแซ่จื๋อจ้วน อันที่จริงปัจจุบันนี้ตนเองมีสถานะเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลเจียง แม้ว่าตนเองจะไม่มีเรื่องให้ละอายใจ แต่ยังต้องคำนึงถึงหน้าตาของตระกูลเจียง คำนึงถึงหน้าตาของเจียงหยู่