ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 234
ตอนที่ 234 รู้ขนาดไหน
“อืม มีธุระน่ะ ฉันให้สิ่งนี้กับคุณก่อน” แซ่จื๋อจ้วนล้วงเข้าไปในถุงเล็กๆของเขาอย่างต่อเนื่อง หยิบขวดเล็กๆขวดหนึ่งที่ลวดลายละเอียดอ่อนออกมา ในนั้นเป็นของเหลวสีฟ้า
“นี่คือ……” หวาเหวินประหลาดใจเล็กน้อย
“ตั้งแต่หลังจากที่ฉันประกาศยกเลิกการขาย ในตลาดก็ไม่มีอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีกหรือร้านตัวแทน หลังจากเรียกกลับคืนมาก็เผาทำลายทั้งหมด นี่เป็นยายับยั้งเส้นประสาทสมองขวดสุดท้ายที่ฉันเก็บไว้ ให้คุณ” แซ่จื๋อจ้วนพูดแล้วก็ส่งขวดของเหลวสีฟ้าไปให้หวาเหวิน เพราะเขาเคยได้ยินหวาเหวินพูดว่า ยานี้เธอใช้แล้ว ไม่เลวเลย ดังนั้นตอนที่เผาทำลาย เขาก็เลยเก็บไว้ให้เธอหนึ่งขวด
หวาเหวินยื่นมือออกไปรับของเหลวสีฟ้านี้ ในใจจะพูดอย่างไรล่ะ……ไม่รู้ว่ามีความรู้สึกอะไร
เธอประเมินค่ายาตัวนี้เอาไว้สูงจริงๆ เพราะเธอใช้แล้ว ก็ฝันถึงคุณย่า นั่นเป็นความอบอุ่นหวานชื่นที่แต่ก่อนนี้ไม่เคยมีเลย รวมไปถึงส่วนผสมเธอก็เคยศึกษามาก่อน นอกจากหญ้าที่ช่วยคลายความกังวล ล้วนเป็นพวกยาจีนทั้งนั้น จุดประสงค์ก็เพื่อผ่อนคลายความเครียด ดังนั้นก่อนหน้านี้ที่ได้ยินแซ่จื๋อจ้วนยกเลิกการขายยาตัวนี้ เธอก็รู้สึกเสียดายจริงๆ
“ขอบคุณ” หวาเหวินพูดแค่สองคำ
“ฉันต้องขอบคุณคุณถึงจะถูก เหอะๆ……ฉันไม่สนว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่ครั้งนี้เป็นเพราะคุณถึงมีโอกาสตั้งตัวใหม่จริงๆ วันนั้นในห้องทำงานฉันครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าถนนที่ยุ่งเหยิงสายนี้ยังอยากจะเดินต่อไปไหม พูดตามความจริง นั่นเป็นช่วงเวลาที่ฉันสงสัยตัวเองที่สุดในชีวิต ฉันคิดว่าฉันคงผ่านมันไปไม่ได้แล้ว คิดแม้กระทั่งอยากจะหลบหนี เป็นคุณที่ให้ความหวังฉัน เป็นสติปัญญาของคุณที่ปลุกฉันขึ้นมา ทำให้ฉันสืบหาความจริง แล้วก็จับคนที่ใส่ร้ายฉันพวกนั้นได้”
ถ้าบอกว่าแต่ก่อนแซ่จื๋อจ้วนชอบหวาเหวินเป็นเพราะไม่ยินยอม แล้วยังมีหน้าตาที่สวยหยาดเยิ้มกับคำพูดที่มีพรสวรรค์ของเธออีก
อย่างนั้นตอนนี้เวลานี้ เขาคงจะเป็นเพราะคำโน้มน้าวใจทั้งหมดจากความเฉลียวฉลาดและจิตใจดีของเธอ หวาเหวินอาจจะมองออกแต่แรกแล้วว่าคนที่สร้างปัญหาวางกับดักเอาไว้ ดังนั้นจึงเตือนให้แซ่จื๋อจ้วนเห็นถึงจุดสำคัญที่พลิกสถานการณ์ได้ แล้วก็เป็นเพราะหวาเหวินที่ยินยอมจะออกหน้าพูดคำเหล่านี้ แล้วก็เป็นความใจดีของเธอที่ผลักดันทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สนใจก็ได้ ทำตัวเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นก็ได้
ในทางกลับกันถ้าแซ่จื๋อจ้วนล้มละลาย ต่อไปก็จะไม่มีคนก่อกวนความสงบสุขของเธอแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ?
“คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน ฉันก็ได้รับคำขอร้องมาอีกที หากว่าคุณอยากขอบคุณ ก็กลับไปขอบคุณพี่สะใภ้คุณเถอะ”
“พี่สะใภ้ฉัน?” แซ่จื๋อจ้วนตกตะลึงอีกครั้ง
“ใช่ พี่สะใภ้คุณมาพบฉัน ให้ฉันออกหน้าโน้มน้าวคุณสักกี่คำ ฉันก็เป็นคนธรรมดา คุณอย่าทำให้ฉันดูเป็นนิยายมากเกินไป คำพูดของฉันไม่ได้มีประโยชน์ขนาดนั้น บอกได้แค่ว่าที่คุณปีนขึ้นมาได้ก็เป็นเพราะจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่ยอมโดนทำลายของคุณเอง สิ่งที่ฉันทำมีผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น กลับเป็นพี่สะใภ้ของคุณ เธอเป็นคนดีคนหนึ่งเลย” หวาเหวินรู้สึกว่า เฝิงหยู่เป็นสะใภ้ของครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลอย่างนั้นสามารถทำเพื่อน้องชายของสามีจนถึงจุดนี้ ด้วยความตั้งใจจริงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในทางกลับกันดูความสนิทสนมของครอบครัวตนเอง เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลแซ่แล้ว ช่างน่าขำจริงๆ
บางทีอาจจะซาบซึ้งที่โดนเฝิงหยู่นอบน้อม หรืออาจจะรู้สึกว่าแซ่จื๋อจ้วนน่าเวทนาจนทนไม่ได้ สุดท้ายแล้ว หวาเหวินก็ยื่นมือออกไปช่วยแล้วจริงๆ สำหรับผลที่ตามมาจะใหญ่โตขนาดไหน เธออาจจะไม่ได้คิดไว้
ถึงแม้สุดท้ายแล้วแซ่จื๋อจ้วนจะยังคิดไม่ได้ ล้มละลายไปแล้ว นั่นก็เป็นเรื่องของตนเอง
“อา เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉัน……ให้ความสำคัญตนเองสูงเกินไปจริงๆ” แซ่จื๋อจ้วนอึดอัดใจเล็กน้อย ตั้งแต่แรกเขาคิดว่าหวาเหวินปฏิบัติกับเขาไม่เหมือนกัน ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเสียก่อนถึงจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้ดูแล้ว ตนเองคงคิดมากเกินไปจริงๆ เดิมทีเป็นพี่สะใภ้ที่ออกหน้าไปขอร้องเธอ
หวาเหวินเงียบๆไม่พูดจา ในตอนนี้ โจ๊กหม้อไฟมาเสิร์ฟแล้ว เธอก้มหน้าค่อยๆกินโจ๊ก
จู่ๆแซ่จื๋อจ้วนก็นึกถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทันที ถามอย่างอ้อมค้อม “หวาเหวิน คุณรู้เรื่องราวในอดีตของเจียงหยู่ขนาดไหน?”
“ไม่รู้อะไรเลย” หวาเหวินก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าเขามีเรื่องที่ไม่ค่อยดีปิดบังคุณอยู่บ้าง หรือว่าในอนาคตสามารถเป็นภัยต่อคุณได้ คุณจะทำอย่างไร? จะยังอยู่ที่ตระกูลเจียงต่อไปไหม?”
“คุณรู้อะไรมากันแน่?” หวาเหวินถามกลับ เธอฉลาดขนาดนั้นจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงเอาไว้ในคำพูดของแซ่จื๋อจ้วนได้อย่างไร