ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 243
ตอนที่ 243 แสงจันทร์ในหัวใจ
หลังจากที่เจียงหยู่ได้ยิน เขาจึงถามกลับไปว่า “นายจะร้อนใจอะไร นายคงจะไม่ได้……”
“ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ถามดู ถ้าสองคนนั้นเป็นแฟนกันจริง ๆ ฉันก็จะได้ไม่ต้องให้หวาผิงมาแกล้งเป็นแฟนฉันอีกไง ข่าวนี้ดังครึกโครมจะตาย ตระกูลของฉันฝั่งนั้นคงจะดิ้นพล่านกันแล้ว คุณย่าของฉันได้โทรศัพท์มาหาฉันเจ็ดสายรวดเมื่อเช้านี้ ฉันยังไม่กล้ารับเลย”
เจียงหยู่รู้สึกเห็นใจมาก โชคดีที่ปู่กับย่าของเขาไปใช้ชีวิตวัยเกษียณอยู่ต่างประเทศ จึงไม่ได้สนใจเรื่องของเขาเท่าไหร่นัก
“เอาแบบนี้ละกัน คืนนี้เราจะมาเจอกันหน่อย ครั้งที่แล้ว บอกว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยได้รวมตัวกันเท่าไหร่ ไม่นานมิตรภาพความเป็นเพื่อนคงจะแตกแยกกัน” เจียงหยู่เสนอ
“ได้ เจอกันคืนนี้ นายก็โทรศัพท์บอกเหล่าฉินด้วยละกัน”
เมื่อทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้ หวางเซียวอี้ก็วางสายไปทันที
เรื่องที่เกี่ยวกับหวาผิงและแซ่จื๋อจ้วน ได้สร้างความตกใจให้กับตระกูลแซ่และตระกูหวาเป็นอย่างมาก คุณนายแซ่และคุณนายหวาต่างก็โทรศัพท์มาถามถึงความจริงจากลูก ๆ ของทั้งสองกันให้ควัก
หลังจากที่ทั้งสองคนต่างก็อธิบายให้กับทั้งสองฝ่ายฟังแล้ว ก็ได้วางสายไป หลังจากที่อธิบายเสร็จ แซ่จื๋อจ้วนก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาทันที
“เหวินเซวียน เอาน้ำมาให้ฉันหน่อย”
“ได้ค่ะ ประธานแซ่”
ผู้ช่วยสาวได้ยื่นน้ำเปล่ามาให้กับเขา ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เดิมทีจุดขายของน้ำค้างเซีองเฟย ก็ได้รับความนิยมอยู่แล้ว หลังจากที่คุณหนูหวาผิงได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ก็ยิ่งได้รับความสนใจแบบก้าวกระโดดเข้าไปอีก ตอนนี้เวียดนาม ประเทศไทยทางด้านนั้นก็เริ่มมีโรงงานติดต่อเรามาแล้วนะคะ บอกว่าอยากจะเป็นตัวแทนขายต่างประเทศคะ”
“เราพูดเรื่องนี้กันแล้วนะ เธอให้บริษัทต่างประเทศติดต่อพวกเขาละกัน”
“อื้อ ได้ค่ะ แต่ประธานแซ่คะ ทำไมเราถึงไม่ขายยายับยั้งเส้นประสาทสมองละคะ? ตอนแรกคุณยายของฉันก็ใช้นะคะ เธอบอกว่าเธอฝันถึงตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ในฝันเธอกำลังขี่วัวขึ้นภูเขา ซึ่งบนเขาลูกนั้นเต็มไปด้วยดอกก้านพลู ช่างเป็นฝันที่งดงามมากจริง ๆ ดิฉันจึงคิดมาตลอดว่าจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์อันยิ่งใหญ่ของบริษัทเราให้ได้ ทำไมไม่วางตลาดแล้วละคะ?”
ยายับยั้งเส้นประสาทสมองในตอนนี้ได้ถูกเก็บเอาไว้อยู่ในคลังด้านหลัง นอกจากขวดที่อยู่ในมือของหวาเหวินแล้ว ก็ไม่มีการวางจำหน่ายอีก
แซ่จื๋อจ้วนเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกเหนือจากนี้ ว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี้?
รวมทั้งก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับหวาเหวินมาก่อนอีกด้วย เมื่อถูกผู้ช่วยถามแบบนี้ เขาจึงเกิดความลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะทอดถอนใจออกมา “ยาตัวนี้เคยช่วยฉันให้ไปถึงจุดสูงสุดได้ครั้งหนึ่ง และก็เคยทำให้ฉันตกนรกถึงที่สุดมาแล้วเหมือนกัน ตอนนี้ฉันค่อนข้างสับสนกับมันมาก อีกอย่างถึงแม้ว่ายาตัวนี้จะไม่ได้มีผลข้างเคียงก็ตาม แต่กลับต้องพึ่งพาอาศัยมันตลอด เธอลองคิดดู ใครบ้างเล่าไม่อยากจะนอนหลับฝันดี แต่พอเวลาล่วงเลยนานเข้า มันก็กลายเป็นเหมือนยาพิษ ฉันไม่อยากหาเงินด้วยยาที่ทำให้ติดงอมแงมแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเกิดมันควบคุมไม่ได้ขึ้นมาจริง ๆ ประเทศก็ต้องออกหน้า และล็อกดาวน์ในที่สุด ถึงตอนนั้นถ้าฉันไม่ล้มละลาย ก็อาจจะติดคุกหัวโตไปแล้วก็ได้”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ประธานแซ่เฉลียวฉลาดไหวพริบดีมากค่ะ”
ผู้ช่วยสาวชื่นชมความคิดกว้างไกลของแซ่จื๋อจ้วนอย่างเงียบ ๆ ถึงยายับยั้งเส้นประสาทสมองจะดี แต่ก็มีฤทธิ์ให้เสพติด หมดก็ต้องซื้อ ไม่มีก็ต้องซื้อ บางคนควบคุมตัวเองไม่ได้ จิตใจไม่เด็ดเดี่ยวมากพอ สุดท้ายก็ทำให้ครอบครัวล่มจมจนต้องซื้อกลับไปนอนฝันหวานอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งไม่ต่างอะไรกับยาเสพติดเลยสักนิด แซ่จื๋อจ้วนเป็นคนที่สายตากว้างไกล ดังนั้นจึงได้ประสบความสำเร็จในรูปแบบอย่างในวันนี้
ณ เวลา 2 ทุ่มตรง
ภายในห้อง black Rose club การรวมตัวของผู้ชายทั้งสี่คน ทุกอย่างภายในห้องเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดเอี่ยมอ่อง ไม่มีแม้แต่ผู้หญิงมาคอยบริการ
ดื่มกันอย่างง่าย ๆ เจียงหยู่ก็ดื่มไปไม่น้อย ซึ่งดื่มหนักเสียยิ่งกว่าปกติ
ในระหว่างนั้นก็หัวเราะเฮฮากันอย่างสนุกสนาน กาวหนานมองไปทางฉินชุงเจี้ยนก่อนพูดขึ้นว่า “พี่ นายแก่ขนาดนี้จะโสดต่อไปไม่ได้แล้วนะ ไม่อย่างนั้นนายจะต้องไปขอไข่มุกน้ำงามของตระกูลแซ่คนนั้นแต่งงาน เด็กน้อยคนนั้นชอบนายมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ”
คนที่กาวหนานพูดถึงก็คือแซ่หลิง ก่อนที่แซ่หลิงจะไปต่างประเทศ ตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุได้ 18 ปี เธอรุกจีบฉินชุงเจี้ยนอย่างหนัก เรื่องนี้ รู้กันทั้งทั่ววงการ
“เขาอ่านะ มีแค่แสงจันทร์ในใจเท่านั้นแหละ” เจียงหยู่ถือแก้วเหล้าพร้อมกับหัวเราะออกมา ก่อนจะตอบกลับไปแทน ฉินชุงเจี้ยน