ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 250
ตอนที่ 250 ตระกูลแซ่เกิดเรื่อง
หวาผิง : หวางเซียวอี้นายบ้าไปแล้วเหรอ?
หวางเซียวอี้ : จะนอนหรือไม่นอน?
หวาผิง : นอนบ้านปู่นายเถอะ
หวางเซียวอี้ : คุณปู่ของฉันอายุ 86 ปีแล้ว ถ้าเธออยากนอน เขาก็คงจะไม่มีความสามารถอะไรแบบนั้นแล้ว คงจะทำให้เธอไม่พอใจหรอก
หวาผิง : หา? ไอตาหวางเฮงซวย นายกำลังเล่นตลกอะไรกับฉันเนี่ย?
หวางเซียวอี้ : ไม่ ฉันเชิญเธออย่างตรงไปตรงมาเลย นอนกับเธอ แต่เธอคงจะไม่ยอมรับข้อเสนอแน่ ฉันจึงเปลี่ยนวิธีการพูด
หวาผิง : ยกตัวอย่าง?
หวางเซียวอี้ : ฉันอยากนอนร่วมเตียงกับเธอ
หวาผิง : ไสหัวไป ไปตายซะ
หวาผิงจับโทรศัพท์ทุบลงไปกับโต๊ะ นี่เธอกำลังถูกไอตาหวางเฮงซวยนั้นเล่นเกมอยู่ใช่ไหม?
“หวาผิง เป็นอะไรไปเหรอ?” ผู้จัดการ พี่หลิวเข้ามาถามด้วยความตกใจ
หวาผิงโกรธจนต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแตะหน้าผาก “ไม่มีอะไร แค่เจอคนโรคจิต โกรธจนปวดหัวไปหมดแล้ว”
ข้อเสนอที่หวางเซียวอี้เสนอมากะทันหันนั้น ได้สร้างความโกรธให้หวาผิงจนไม่มีกระจิตกระใจจะร่วมงานต่อ เธอดื่มแชมเปญไปสองสามแก้วแล้วตรงกลับบ้านทันที
หลังจากที่ล้มนอนบนเตียง เธอก็เอาแต่พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ หลายวันมานี้เธอมีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง
นั้นก็คือ ในหัวสมองของเธอนึกถึงแต่ชื่อของไอตาเฮงซวยแซ่หวางนั้นตลอดเวลา
โดยเฉพาะวันนั้น ในคอนโดของเขา ที่ถูกโยนลงไป …….แล้วหลังจากนั้น…….
ช่างเถอะ ๆ ไม่คิดแล้ว หวาผิงรู้สึกสับสน จึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองเอาไว้ พยายามที่จะกำจัดความกลัดกลุ้มทั้งหมดออกไป
ในกลางดึกคืนนี้ คนที่นอนไม่หลับเช่นเดียวกับก็คือคนในตระกูลแซ่
นี่ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
ณ คฤหาสน์ตระกูลแซ่ ทั้งหมดต่างก็มานั่งล้อมกัน ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
คุณนายแซ่ปาดน้ำตา ส่วนเฝิงหยู่ก็กุมมือของแม่สามีเพื่อปลอบโยน
แซ่หนิงหลับแล้ว เธอยังเด็ก ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“พ่อครับ ให้ผมไปเนปาลดีไหมครับ” แซ่จื๋อจ้วนเอ่ยปาก
“แกไปมันก็ไร้ประโยชน์ เนปาลใหญ่ขนาดนั้น มันเหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรไหมล่ะ?” แซ่หยานแสดงสีหน้าเคร่งเครียด แต่เพิ่งจะไปผ่านไปแค่คืนเดียว
หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนพบว่าน้องสาวนั้นหายตัวไป ก็ออกตามหากับแซ่เฟยโม่ทันที
สุดท้ายก็พบว่าเธอนั้นได้บินไปเนปาลเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีข่าวใด ๆ จากเธออีก
เนปาลเป็นประเทศที่ยากจนและล้าหลังมาก ไม่มีกล้องวงจรปิดทั่วท้องถนน ไม่มีแม้แต่สัญญา GPS
แซ่หลิงไม่ได้พาโทรศัพท์มือถือไปด้วย จึงหมดหนทางตามตัว
เนปาลนั้นมีประเพณีพื้นบ้านมากมาย ไม่จำเป็นต้องมีพาสสปอร์ต ดังนั้นหลังจากที่ทำการค้นหาตามโรงแรมทั้งใหญ่และเล็กทั่วทั้งเนปาลก็ไม่พบข้อมูลของเธอสักนิดเดียว
“พ่อครับ ไม่อย่างนั้นเราต้องขอกำลังเสริมในพื้นที่ช่วยออกตามหาแล้วนะครับ เอารูปหยาวหยาวไปประกาศตามหาคนหายดีกว่าไหมครับ?” แซ่เฟยโม่ยื่นข้อเสนอ
แซ่จื๋อจ้วนรีบส่ายหัวทันที “ไม่ได้ พี่ใหญ่ ตอนนี้เราไม่รู้ว่าหยาวหยาวนั้นตั้งใจหายตัวไปเอง หรือว่าถูกใครลักพาตัวไปหรือเปล่า ถ้าถูกคนร้ายจับตัวไปเรียกค่าไถ่ แล้วเห็นประกาศตามหาเธอก็จะยิ่งเป็นอันตรายนะครับ ถ้าไม่มีการลักพาตัว หลังจากที่มีคนที่ไว้ใจไม่ได้เห็นภาพหยาวหยาวเข้า ก็อาจจะออกตามหาเธอแล้วจับตัวเธอมาเพื่อเรียกค่าไถ่ก็ได้ ทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
เฝิงหยู่ชื่นชมกับความคิดเห็นของแซ่จื๋อจ้วน “ที่จื๋อจ้วนพูดก็มีเหตุผลนะคะ ตอนนี้พวกเราอย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลามก่อนเลยนะคะ ที่นั่นวุ่นวายจะตาย ผู้ศรัทธาจากทั่วโลกต่างก็ไปนมัสการกราบไหว้บูชากันที่นั่น แทบจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยบรรดาคนที่คลั่งไคล้เรื่องของศาสนา ตอนนี้ฉันแค่ยังไม่ชัดเจน ว่าหยาวหยาวไปเนปาลทำไม หรือว่าแค่ไปเที่ยวคนเดียว? ถ้าไปเที่ยวก็ไม่น่าจะไม่ติดต่อพวกเรามานะ”
คุณนายแซ่พูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง “ใช่ เธอก็โตขนาดนั้นแล้ว เธอขาดการติดต่อกับพวกเรามากสุดแค่ 1 อาทิตย์เท่านั้น แต่นี่มันครึ่งเดือนแล้ว เด็กคนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย ถ้าลูกเป็นอะไรไป ฉันคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ฉันจะตายไปพร้อมกับลูก”
ยิ่งคุณนายแซ่ร้องไห้หนักแบบนี้ ทุกคนก็ยิ่งใจคอไม่ดี
ภรรยาของแซ่หยานรักลูกสาวคนเล็กมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแซ่หยาน แทบจะตามใจทุกอย่าง ไม่เคยตำหนิเธอเลยตั้งแต่เด็กจนโต
ตอนนี้เมื่อลูกสาวหายตัวไป นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องดี
“ฉันรู้จักอยู่คนหนึ่ง บางที…….. เขาอาจจะมีวิธี” แซ่จื๋อจ้วนกัดฟันกรอด แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงโทนต่ำ