ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 258
ตอนที่ 258 เจ้าเลห์เพทุบายจริง ๆ
“เจียงหยู่ นายรู้จัก หมอศัลยแพทย์หน้าอกเก่ง ๆ บ้างไหม?”
“หมอ? มีนะ เธอถามทำไมเหรอ?”
“เพื่อนของฉันป่วนหน่ะ ฉันอยากให้หมอที่เชื่อถือได้มาช่วยดูผลตรวจเอกซเรย์ปอดให้กับเธอหน่อย” เมื่อหวาเหวินได้ยินเสียงของเจียงหยู่ ก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขานั้นเป็นคนที่กว้างขวาง อาจจะรู้จักหมอที่เก่ง ๆ ก็ได้ บางทีอาจจะบอกเธอว่าหวาฟ้านจะไม่เป็นอะไรก็ได้
“อื้อ ได้ เธอรอก่อนนะ ฉันจะช่วยติดต่อศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ให้ นั้นเป็นเพื่อนต่างชาติที่ฉันรู้จัก”
โรงพยาบาลทางการแพทย์ของเมืองเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดระดับประเทศ ไม่เป็นสองรองใคร
เมื่อได้ยินคำว่าศาสตราจารย์ หวาเหวินก็ใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย
หลังจากนั้นหวาเหวินก็ส่งภาพเอกซเรย์ของหวาฟ้านไปให้เจียงหยู่ และตรงไปยังบริษัทของเจียงหยู่ทันที เพื่อต้องการคุยเรื่องนี้ต่อหน้าเขา
อีกด้านหนึ่ง หวาผิงได้ไปถ่ายภาพยนตร์ย้อนยุคในสตูดิโอที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์
ช่วงเวลาพัก เธอก็ดันไปเห็นข่าวหนึ่งเข้าด้วยความบังเอิญ อีกทั้งยังเกี่ยวกับเศรษฐกิจการคลังอีกด้วย
คุณหวางเซียวอี้เจ้าของบริษัทตระกูลหวางที่อายุน้อยที่สุดได้เสร็จสิ้นภารกิจการจัดหาเงินทุนห้ารายการในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ได้ในที่สุด เขาได้นำโครงการที่ไม่เป็นที่นิยมและกระจัดกระจายออกไปทั้ง 5 โครงการมารวมเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังทำการปฏิรูปใหม่ ได้ข่าวมาว่านี่เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาที่สุดในการด้านลงทุนของบริษัทประจำตระกูลหวางในปีนี้ และคาดว่าจำนวนเงินในการจัดหามาได้ครั้งนี้น่าจะมีจำนวนเกินกว่า 300 ล้านอย่างแน่นอน สิทธิ์ในการรับผิดชอบทั้งหมดตกอยู่ที่คุณหวางเซียวอี้ ซึ่งไม่มีผู้ใดที่จะมาสั่นคลอนตำแหน่งในธุรกิจตระกูลของเขาได้
ด้านล่างก็ยังมีวิดีโอเล็ก ๆ ที่นักข่าวคนนั้นได้ถ่ายไว้ตอนสัมภาษณ์หวางเซียวอี้ น่าจะมีความยาว 2 นาทีได้ ซึ่งนักข่าวคนนั้นก็ซักถามไปหลายคำถามเลยทีเดียว
หวาผิงกวาดตามองไปทางวิดีโอแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นวันอาทิตย์ อารมณ์ของเธอก็พลุกพล่านขึ้นมาทันที
ที่แท้ โครงการใหญ่ ๆ เหล่านี้ก็เสร็จสิ้นไปตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน ก่อนหน้านั้นหวางเซียวอี้เคยบอกว่า ขอแค่โครงการนี้เสร็จสิ้นลง ก็ไม่จำเป็นต้องให้เธอเล่นละครตบตาอีกแล้ว
เพราะก่อนหน้านั้นเขาต้องหารให้เธอเล่นเป็นแฟนของเขาเพื่อไม่ให้แม่นมมายุ่งวุ่นวายกับเขา ไม่ถ่วงงานของเขา
แต่เห็นชัด ๆ ว่าโครงการของเขาเสร็จสิ้นลงแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่บอกเธอเท่านั้น เธอก็ยังต้องไปกินข้าวที่บ้านของตระกูลหวางเป็นครั้งที่โดยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
ความจริงแล้วตอนที่ไปในครั้งที่สอง โครงการของหวางเซียวอี้ได้เสร็จสิ้นลงอย่างเป็นทางการ แต่กลับปิดบังหวาผิงไว้โดยไม่พูดอะไร
เขามีเจตนาอะไรกันแน่ ? แกล้งฉัน? หวาผิงพยายามสกัดกั้นอารมณ์ความรู้สึกนี้ไว้ ใบหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด
“พี่หวาผิง ดื่มน้ำก่อนค่ะ” ผู้ช่วยสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยื่นน้ำเปล่ามาให้
“ไม่ดื่ม บอกผู้กำกับด้วย ฉันไม่ถ่ายแล้ว ฉันมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการก่อน”
หวาผิงถอนชุดย้อนยุคเหล่านั้นออก และทิ้งทุกคน ขับรถกลับไปเมืองเจียงที่มีห่างออกไปพันไมล์ทันที
บริษัทตระกูลหวาง
หวางเซียวอี้ที่เพิ่งจะประชุมเสร็จ เข้าเดินออกมาพร้อมกับถือเอกสารชุดหนึ่งในมือ
“ประธานหวางคะ ช่วงบ่ายจะต้องไปพบลูกค้าชาวบราซิลที่เมืองเหม่ยเกาเวลาบ่ายสองโมงตรง”
“โอเค” หวางเซียวอี้ก้มหน้าลงมองนาฬิกา พร้อมกับจดจำเวลาเอาไว้
ในตอนนั้นเอง หวาผิงได้เดินเข้ามาพอดี
เธอแต่งกายด้วยเสื้อคลุมยาวสีดำ ยาวไปจรดข้อเท้า เสริมด้วยรองเท้าบูทยาวสีดำ ให้ความรู้สึกดูมีพลังในตอนที่เดินเข้ามา
“เอ๊ะ? ดูเหมือนดาราเลย………” ผู้ช่วยที่อยู่ด้านหลังของหวางเซียวอี้ได้มองออกไปอย่างอึ้ง ๆ
หวางเซียวอี้เงยหน้าขึ้นมอง แต่ยังไม่ทันจะมองอย่างชัดเจน ก็ถูกตบหน้าทันที
ใช่ ถูกตบ
และยังต่อหน้าลูกน้องอีกเป็นจำนวนมากด้วย
“หวางเซียวอี้ นายมันเลว” หวาผิงโพล่งคำด่าออกมาทันที
หวางเซียวอี้ก็เพิ่งจะมองเห็นได้ชัด ๆ ว่าเป็นหวาผิง จากนั้นก็ลูบไปบนแก้มที่โดนตบ ก่อนจะยิ้มออกมา
“ที่รัก มีอะไรก็ค่อยกลับไปคุยที่บ้านได้ไหม อย่ามาที่บริษัท อายคนอื่น”
“ที่รัก? ใครที่รักนายมิทราบ? นายอย่ามาไร้ยางอายหน่อยเลยได้ไหม?” หวาผิงตะโกนออกไป
“ที่รักอย่าวุ่นวายสิที่นี่มันบริษัท ไป ไปคุยกันที่ห้องทำงานของผม” ยังไม่ทันรอให้หวาผิงอ้าปากพูดต่อ หวางเซียวอี้ก็อุ้มหวาผิงพาดบ่า แล้วตรงไปยังห้องทำงานทันที
“อ่ะ …… เจ้านายอยู่กับหวาผิงแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ” ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังอ้าปากตาค้างกันยกใหญ่
“พวกเธอต้องปิดไว้เป็นความลับนะ หัวหน้าของเราไม่ได้แสดงความหวือหวาอะไรมาโดยตลอด คาดว่าน่าจะไม่ชอบให้มีคนพูดเรื่องนี้ออกไป ไม่อย่างนั้น คงได้ถูกเขาไล่ออกแน่ ๆ ” เลขาของหวางเซียวอี้มีปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างเร็ว จึงได้ทำการเตือนทุกคน
ภายในห้องทำงานของประธาน
เมื่อหวาผิงเข้ามาข้างในก็ทำการสะบัดมือของหวางเซียวอี้อย่างแรง
“ดูไม่ออกเลยนะ ไอตาหวางเฮงซวย เจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ เลยนะ?” หวาผิงกัดฟันกรอดพร้อมกับจ้องมองไปทางเขา