ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 266
ตอนที่ 266 วันหิมะตกที่สวยที่สุด
เมื่อหวาซวงได้ยินก็รู้สึกท้อแท้ใจขึ้นมาทันที “เกิดลูกชายมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะ ฉันก็อายุมากแล้ว อีกอย่างเราทั้งสองคนก็ไม่เคยใส่ถุงยางมาหลายปีแล้วด้วย เราพยายามที่จะมีลูกคนที่สองมาโดยตลอด จนเสี่ยวหาน อายุ 8 ปี เราพยายามกันมาตั้ง 7 ปี แต่กลับไม่ได้อะไรเลย? ฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาแล้วละ”
หลิวยู่โจวจุ๊บแก้มของภรรยาตัวเอง ก่อนจะปลอบโยนด้วยความอ่อนโยนว่า “ที่รักเราจะยอมแพ้กันไม่ได้นะ คุณยังดูอ่อนเยาว์อยู่เลย คุณดูดาราสาวในวงการบันเทิงเหล่านั้นสิ ขนาดอายุตั้ง 50 ปีแล้วก็ยังตั้งท้องได้อยู่เลย? ถ้าไม่สำเร็จอีกเราก็จ้างคนมาท้องแทนก็ได้นี่ เกิดได้ตั้งหลายคนด้วย”
หวาซวงส่ายหน้า
จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูงานที่ต้องทำในกลุ่มของบริษัท
“พ่อแม่ของฉันก็เป็นคนอนุรักษ์นิยมเข้ากระดูกดำทั้งคู่ พวกเขาต่างก็หัวโบราณกันทั้งนั้น ไม่ยอมให้ทำเด็กหลอดแก้วหรือว่าอุ้มท้องแทนหรอก อีกอย่างพวกเราก็ยังมีเสี่ยวหาน อยู่ แถมยังเป็นลูกในไส้อีกด้วย อาสองอ่าน่าสงสาร ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จในทันที คิดแต่จะไต่ขึ้นไปยังที่สูง หวังแต่จะเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่มันจะไปมีประโยชน์อะไรละ? ขนาดลูกก็ยังมีไม่ได้เลย? แล้วต่อไปจะยกมรดกให้กับใครได้?”
“ใช่นะสิ หวาหรุงนั้นลำบากแน่” หลิวยู่โจวพูดคล้อยตามขึ้นมาทันที
“จะว่าไปแล้ว คนที่น่าสงสารที่สุดก็น่าจะเป็นเสี่ยวหลิน นะ นึกไม่ถึงว่าอายุยังน้อยแต่จะมาเป็น……..”
หวาซวงนั้นดีกว่าหวาหรุงมากทีเดียว อย่างน้อยเธอก็ยังมีมโนธรรมสำนึกมากกว่า ไม่ได้ถูกผลประโยชน์เข้าครอบงำแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อนึกถึงอาการป่วยของน้องสี่ สีหน้าก็เศร้าหมองลงทันที
“เรื่องนี้เราเองก็จนปัญญา ทุกคนต่างก็มีโชคชะตาเป็นของตัวเอง พวกเราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ ด้วย” หลิวเด๋อข่ายพูดปลอบใจแบบขอไปที
ซึ่งแตกต่างจากหวาหรุงสิ้นเชิง หวาซวงนั้นปฏิบัติตัวต่อสามีอย่างหลิวเด๋อข่ายอย่างดี ไม่เพียงแต่จะเชื่อใจ อีกทั้งยังเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวอย่างมากทีเดียว แทบจะไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลยแต่อย่างใด
หลิวเด๋อข่ายเองก็เป็นคนที่รู้จักเอาตัวรอดเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะในบริษัทหรือว่าในบ้าน ต่างก็เชื่อฟังหวาซวงทั้งสิ้น เพื่อไว้หน้าให้แก่กัน
หวาหรุงไม่เคยมอบความรักให้กับสามีของตัวเองเลยแม้แต่น้อย แถมยังมีทัศนคติที่น่ารังเกียจมากอีกด้วย ดังนั้นการแต่งงานของทั้งสองคนจึงแต่งกันเพียงในนามเท่านั้น
เวลาว่าง หวาหรุงก็มักจะออกไปเที่ยวกลางคืนเสมอ ๆ เพื่อหาเนื้อสดที่น่าดึงดูดใจมาเคี้ยวเล่นสักเล็กน้อย บางครั้งเธอก็นัดเดตกับนักศึกษาวัยรุ่น ถือว่าใช้เงินแลกความรักและความว่างเปล่าภายในจิตใจ
ในวันสุดท้ายของเดือนตุลาคม จู่ ๆ ก็มีหิมะตกลงมาปกคลุมเมืองเจียงอย่างฉับพลัน ไม่มีแม้แต่ลางสังหรณ์สักนิดเดียว
ทั้งเมืองเจียงถูกปกคลุมไปด้วยสีเงินก่อนยามราตรีจะมาถึง ตอนที่หวาเหวินตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เมื่อเธอเห็นทิวทัศน์นอกบ้าน ในใจก็รู้สึกเหมือนกับถูกละลายกลายเป็นน้ำอย่างไรอย่างนั้น
เธอรวบผมขึ้นมามัดไว้ด้วยกัน ก่อนจะใช้เท้าเปลือยเปล่าเหยียบลงไปบนพรมอันอ่อนนุ่ม เพื่อชื่นชมกับทิวทัศน์หิมะข้างนอกหน้าต่าง ด้วยความรู้สึกตกใจไม่น้อย
ตอนที่เดินลงมาทานอาหารเช้านั้น หยินซิ่งก็ได้หยิบผ้าขึ้นมาคลุมไหล่ให้กับเธอ
“คุณหนูคะ อาการหนาวสั่นอาจจะกำเริบขึ้นมาในวันที่หิมะตกก็ได้นะคะ คุณหนูต้องทำให้ตัวอุ่นเข้าไว้นะคะ”
“อื้อ ชุนเถาเป็นยังไงบ้าง?”
“ชุนเถาบอกว่าอาการของคุณหนูสี่ตอนนี้คงที่คะ กินได้ นอนได้ คุณหนูวางใจได้”
หวาเหวินพยักหน้า
หยินซิ่งเริ่มทยอยยกอาหารเช้าออกมาเสิร์ฟ
ข้าวต้มเอย ผักดองเอย เกี๊ยวน้ำไส้ผัก น่ากินมากทีเดียว
เจียงหยู่เองก็เจริญอาหารไม่น้อย เขาจัดเกี๊ยวน้ำไปสองถ้วยเต็มเลยทีเดียว จนกระทั่งรู้สึกว่ากระเพาะของเขาเต็มไปด้วยอาหารที่น่ารับประทาน
“เหวินเหวิน วันนี้เธอมีแผนจะทำอะไรไหม?”
หวาเหวินคิด ๆ สักพัก “เดี๋ยวฉันไปโรงพยาบาล ตั้งใจจะซื้อดอกไม้ไปเปลี่ยนให้กับพี่สี่ ก่อนที่มันจะแห้งเหี่ยว จากนั้นก็นำหนังสือที่น่าสนใจมาให้เธออ่านแก้เบื่อ”
“แล้วหลังจากนั้นละ?”
“หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ตอนเที่ยวก็กลับบ้าน” หวาเหวินพูด
“งั้นเอางี้ไหม เธอไปจัดการธุระที่โรงพยาบาลให้เสร็จ เธอค่อยบอกฉัน เดี๋ยวฉันขับรถไปรับเธอเอง”
“ไม่ต้องลำบากหรอก ฉันให้ชุนเถากลับมาส่งได้”
“ไม่ เราจะไม่กลับบ้าน ฉันจะพาเธอไปสถานที่หนึ่ง” เจียงหยู่ยิ้มอย่างลึกลับ
หวาเหวินตกใจเล็กน้อย หยินซิ่งยืนอมยิ้มอยู่ด้านข้าง คิดมาเสมอว่าคุณหนูนั้นเป็นคนฉลาดมาก แต่เรื่องความรักนั้น เธอกลับเหมือนเด็กน้อย มีบางครั้งที่ดูโง่งันไปเลยด้วยซ้ำ