ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 285
ตอนที่ 285 เทพธิดาระเบิดอารมณ์
ชุนเถาเห็นคุณผู้หญิงโมโห จึงรีบปลอบ “แต่คุณผู้หญิงอย่าโมโหไปเลย เรื่องอย่างนี้ใครๆก็คงหมดหนทาง ไม่ต้องพูดถึงคุณที่เป็นลูกสาวหรอกค่ะ แม้ว่าคุณนายจะรู้แล้ว ก็คงทำได้มากที่สุดแค่ร้องห่มร้องไห้ เรื่องที่ผู้ชายออกนอกลู่นอกทาง ก็ห้ามไม่ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันแล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไร เธอเข้าไปก่อนเถอะ เอาซุปปลาให้เสี่ยวหลิน ให้เธอดื่มตอนที่ยังร้อนๆนะ”
พูดจบ หวาเหวินก็กลับตัวลงไปด้านล่างออกจากโรงพยาบาล กลับไปที่บ้านตระกูลหวาทันที
หวาฟ้านอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หนึ่งวันสองวัน แรกเริ่มคนในตระกูลหวายังถือว่ามาบ่อยๆ พอผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ส่วนใหญ่ทุกคนก็ต่างคนต่างยุ่งเรื่องของตนเอง
หวาผิงกับหซู่ลี่หวามีโอกาสก็จะมาหา ส่วนหวาหรุงกับหวาซวงนั้นไม่เห็นแม้แต่เงาอยู่แล้ว
ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ พ่อทำตัวไม่น่าเคารพนับถือ ไม่นึกว่าจะยังไปตลาดสดกับกิ๊กอย่างสนิทสนม? ใจร้ายขนาดไหนกันนะ?
หวาเหวินกลับมาบ้านเพื่อเป้าหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็คือต้องการปรึกษาเรื่องแผนการรักษาของหวาฟ้าน
ดังนั้นหลังจากถึงบ้านแล้ว เธอจึงบอกแม่ หซู่ลี่หวาก็โทรศัพท์เรียกคนในครอบครัวทั้งหมดกลับมา
หวาเจิ้นเยว่กลับมาถึงช้าที่สุด รวมไปถึงสีหน้าท่าทางค่อนข้างไม่ปกติ หวาเหวินรู้ว่า เขาคงยังไม่ทันได้กินอาหารทะเลอย่างแน่นอน จริงๆแล้วเมื่อชุนเถาพบเข้าก็รีบบอกเธอเลย
ดังนั้นกิ๊กต้องแสดงความไม่พอใจแน่ๆ เขาต้องปลอบใจเธอ แล้วไปๆกลับๆอย่างนี้ ก็เสียเวลาไปเยอะแล้ว
หลังจากที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทุกคนนั่งล้อมกันอยู่บนโซฟาหนังแท้ที่หรูหรา บรรยากาศค่อนข้างอึมครึม เพราะหวาเหวินท่าทางเย็นชา ตั้งแต่หลังจากที่ทุกคนเข้าประตูมาเธอก็เอาแต่แสดงท่าทางไม่พอใจ
“แม่คะ มีเรื่องอะไร ก็รีบๆพูด ตอนบ่ายหนูยังต้องประชุมอีก”
หวาหรุงขยับเล็บที่เพิ่งทำใหม่ไปมา ค่อนข้างเบื่อหน่าย พูดตามความจริง ตั้งแต่หลังจากแต่งงานไป เธอก็ไม่ถือว่าที่นี่เป็นบ้านตั้งนานแล้ว
“เหวินเหวิน ลูกพูดเถอะ”
หซู่ลี่หวาก็ไม่ชัดเจนเรื่องอาการป่วยของหวาฟ้านสักเท่าไหร่ จึงให้หวาเหวินเป็นคนพูด
หลังจากที่หวาเหวินกวาดสายตามองทุกคนครั้งหนึ่ง ก็พูดถึงอาการป่วยของหวาฟ้านอย่างง่ายๆ
จากนั้นจึงถามทุกคน “ความหมายของตอนนี้คือ คุณหมออยากให้ครอบครัวเราปรึกษากันว่าควรจะรักษาอย่างไร? ให้ผ่าตัด รักษาด้วยการฉายแสง เคมีบำบัด หรือให้รักษาด้วยการกินยา อาจจะให้กินยาที่บำรุงร่างกายเป็นหลัก หรืออาจจะไปรักษาที่อเมริกา อันที่จริงที่นั่นก็มีความก้าวหน้าที่สุด”
หวาหรุงรีบพูดขึ้นมา “จะรักษาอย่างไรก็ได้ ฉันได้หมด แต่ถ้าไปอเมริกา ฉันไม่มีเวลาไปอยู่เป็นเพื่อนนะ แล้วก็ไม่มีเวลาไปเยี่ยมด้วย ฉันยุ่งมาก”
หวาเหวินจ้องเธอเขม็ง ไม่พูดอะไร
“พ่อล่ะคะ คิดว่าอย่างไร?” พี่ใหญ่หวาซวงมองไปที่หวาเจิ้นเยว่
หวาเจิ้นเยว่หลังจากที่ขมวดคิ้วฟังจนจบ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พ่อคิดว่าในเมื่อเป็นระยะแรก ก็ผ่าตัดตัดก้อนเนื้อออกไปก่อน อย่างนี้ถึงจะรับประกันได้สักหน่อย”
“พ่อคะ ไม่ควรนะคะ คนรอบตัวหนูไม่น้อยเลยที่เซลล์มะเร็งแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเพราะผ่าตัด สุดท้ายไม่กี่เดือนก็เสียชีวิต หนูรู้สึกว่าไม่ควรผ่าตัด แต่การฉายแสงลองดูก็ได้ ยาตัวนั้นคงจะมีประสิทธิภาพนะ ใช่สิ เหวินเหวิน ยามุ่งเป้าล่ะกินได้ไหม?”
“ค่ะ มีประเภทหนึ่งที่สามารถเข้ากันได้ หนึ่งกล่องสองแสนแปดหมื่น หนึ่งกล่องกินได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น” หวาเหวินกล่าว
“เงินไม่ใช่ปัญหา แพงเท่าไหร่พวกเราก็จ่ายได้ สำคัญคือต้องมีประสิทธิภาพ” หซู่ลี่หวาสีหน้าเป็นกังวล
“ใช่ ฉันก็ได้ยินมาว่ายามุ่งเป้าไม่เลวเลย พวกเราลองดูก็ได้” หวาผิงแนะนำ เธอเป็นคนซื่อตรงมาโดยตลอด และยังแสดงความเห็นอย่างกระตือรือร้น
หวาเหวินเห็นทุกคนไม่พูดอะไรแล้ว จึงระงับสติอารมณ์แล้วพูดออกมา “วันนี้หลังจากที่พี่สี่รู้ผลแล้ว ก็ยากจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ว้าวุ่นใจ หนูขอแนะนำว่า……ทุกคนควรผลัดกันไปอยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล อย่างนี้จะสามารถทำให้พี่มีความเชื่อมั่นและกำลังใจสักเล็กน้อย มีส่วนช่วยให้สภาพจิตใจของพี่มั่นคงอยู่ได้ ไม่สติแตก คุณหมอบอกว่าสภาพจิตใจสำคัญที่สุด ครอบครัวเราคนเยอะขนาดนี้ หนึ่งสัปดาห์หนึ่งวันทุกคนผลัดกันไป อย่างไรก็น่าจะได้ใช่ไหมคะ?”
“อย่างนั้นไม่ได้หรอก ฉันไม่ว่าง แต่ฉันให้เลขาฉันไปได้ หรืออาจจะให้แม่บ้านไปส่งอาหารก็ได้” หวาหรุงปฏิเสธทันที
“พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปทำงานนอกสถานที่” หวาซวงก็พูดอย่างลำบากใจ
หวาเหวินมองไปทางหวาผิง หวาผิงมองซ้ายมองขวาแล้วกล่าวออกมา “ฉันมีถ่ายละครอยู่แล้ว แต่ฉันเลื่อนออกไปได้ ฉันว่าน้องห้าพูดถูก หนึ่งสัปดาห์หนึ่งวันก็ไม่มีปัญหา”
“คำพูดของพ่อ แม่ของลูกไปแทนพ่อก็พอแล้ว ช่วงนี้พ่อมีเรื่องค่อนข้างยุ่ง ไปไม่ได้จริงๆ” หวาเจิ้นเยว่เอ่ยปากช้าๆ ทำให้ในที่สุดหวาเหวินทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา
“พ่อกำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่? สามารถบอกพวกหนูอย่างละเอียดได้ไหม?”
หวาเหวินเรียกว่าพ่อ ไม่ใช่คุณพ่อ ก็ยืนยันว่าเธอคิดจะเริ่มเหน็บแนมแล้ว