ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 291
ตอนที่ 291 กระดาษสีขาวแผ่นหนึ่ง
ลมหายใจของหวาฟ้านค่อนข้างอ่อนแรง เมื่อครู่หลังจากที่ทะเลาะกับหวาหรุงใหญ่โต ทำให้วิงเวียนศีรษะจริงๆ
“คุณพูดอะไรโง่ๆน่ะ คุณเป็นคนอย่างไรฉันจะไม่รู้จริงๆหรือ? ถ้าคุณเป็นคนที่อาลัยอาวรณ์ความร่ำรวยจริงๆ ตอนที่คุณรู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลหวาคงจะตัวติดกับฉันตลอดและไม่โง่ที่จะเลิกกับฉันตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นไม่ต้องอธิบาย ฉันเข้าใจทั้งหมด……ส่วนเรื่องทำเอกสารรับรองทรัพย์สิน ไม่ต้องทำ หลังจากที่ฉันตาย เงินของฉัน……ให้คุณทั้งหมด คุณเก็บเงินไว้แล้วหาภรรยาสักคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ต่อไปมีลูก ก็ส่งเธอไปเรียนที่ต่างประเทศ……”
“ขอร้องเถอะคุณอย่าพูดเลยนะ นอกจากคุณฉันไม่ต้องการคนอื่นแล้ว”
ป๋ายห้าวรู้สึกว่า ไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อนเลย หากหวาฟ้านตายไป เขาจะยังมีความคิดไปหาคนอื่นจากที่ไหนอีก แค่อยากจะไปอยู่ในโลกแห่งความตายกับเธอเหลือเกิน
การมาเยี่ยมของหวาหรุงกระตุ้นให้อารมณ์ของหวาฟ้านหวั่นไหวมาก คืนนั้นจึงมีไข้ขึ้นสูงอีกครั้ง
หลังจากหวาเหวินได้ยิน ตอนนั้นก็อยากจะไปคิดบัญชีหวาหรุงทันที
แต่กลับโดนเจียงหยู่กอดเอาไว้ เธอจะได้ไม่สร้างปัญหาที่รุนแรง
เจียงหยู่กับหวาเหวิน และยังมีป๋ายห้าวทั้งสามคนรออยู่ที่โรงพยาบาลตลอดจนกระทั่งตีสอง
อาการของหวาฟ้านถึงดีขึ้นจนมั่นใจได้ คุณหมอฉีดยาระงับประสาทให้แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะหลับลงได้
“ต่อไป ไม่ต้องให้หวาหรุงเหยียบเข้ามาในห้องคนไข้ของพี่สี่แม้แต่ก้าวเดียวนะ” หวาเหวินโมโหจนถึงขีดสุด
“ใช่ ฉันก็จะไม่ยอมเธออีกแล้ว ถ้ายังกล้ามีอีกครั้ง ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอไปอย่างเด็ดขาด” ป๋ายห้าวตัดสินใจอย่างแน่วแน่
“พี่รองของคุณคนนั้น……จริงๆเลย……ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงทำกับน้องสาวแท้ๆของตนเองเช่นนี้?” เจียงหยู่เคยได้ติดต่อกับหวาหรุงมาก่อน แต่หวาหรุงปฏิบัติกับเจียงหยู่อย่างสุภาพ ต่างจากที่อยู่ต่อหน้าของป๋ายห้าวอย่างสิ้นเชิง นี่ก็เรียกว่าโอหังอวดดีสินะ
“ในสายตาของเธอมีแค่เงิน ไม่มีความผูกพัน แค่อยากจะยั่วโมโหให้ป๋ายห้าวออกไป อยากจะยั่วโมโหให้พี่สี่ของฉันตาย จากนั้นก็แบ่งหุ้นส่วนที่อยู่ในบริษัทของเธอ” หวาเหวินเข้าใจดี หวาหรุงให้ความสำคัญกับแค่หุ้นส่วนและเงินทองพวกนั้นหลังจากที่หวาฟ้านตายแล้ว ยังมีอสังหาริมทรัพย์กับเครื่องประดับที่น่าสนใจอีกบางส่วน
“เธอก็มีเงินมากมายอยู่แล้ว โรงพยาบาลศัลยกรรมตระกูลหวาอย่างน้อยหนึ่งปีก็ต้องมีรายได้อย่างน้อยที่สุดก็สักกี่ร้อยล้าน แล้วหวาหรุงล่ะกี่ปีมาแล้วไม่ต้องพูดถึง ค่าตัวคงต้องมีสามถึงห้าร้อยล้าน” เจียงหยู่กำลังคาดเดา
“คนเราก็โลภกันทั้งนั้น ในสายตาเธอของพวกนี้ยังไม่เพียงพอ” หวาเหวินสงบนิ่งมาก
“เอาล่ะ หวาฟ้านไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เหวินเหวินคุณก็ใจเย็นๆก่อน แม้ว่าจะไปคิดบัญชีกับเธอก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้คุณต้องกลับไปนอนให้เต็มที่”
เจียงหยู่ก็ไม่สนใจว่าหวาเหวินจะยินยอมไหม เข้าไปกอดแล้วพาเดินลงไปทันที
คืนที่ไม่ค่อยสงบในที่สุดก็ผ่านไปแล้ว……
เที่ยงวันถัดมา
คุณนายแซ่เนื่องจากเป็นห่วงลูกสาวจึงส่งผลกระทบต่อโรคหัวใจ ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลทันที ตระกูลแซ่ก็เลยวุ่นวายกันไปหมด
แซ่เฟยโม่กับเฝิงหยู่สองสามีภรรยาต้องจัดการทั้งเรื่องบริษัท แล้วยังต้องดูแลนายหญิงอีกด้วย
แซ่จื๋อจ้วนก็โดนส่งให้ไปรับหลานสาวที่เรียนเปียโน
โรงเรียนสอนเปียโนนั้นแซ่จื๋อจ้วนเคยมาแล้ว ครูคนนั้น เอ่อ เขาก็ยังมีวีแชทอีกด้วย
ตอนที่แซ่จื๋อจ้วนมาถึง ก็เลิกเรียนแล้ว
ดงหยิงหยิงสวมสูทตัวเล็กเข้ารูปสีดำ ท่าทางนุ่มนวลอ่อนช้อยเหมือนกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ใบหน้ารูปไข่สวยงาม ยิ้มแล้วอ่อนหวานมาก เด็กๆล้วนแต่ชอบเธอกันทั้งนั้น
“ครูหยิงหยิง อาสองของหนูมารับแล้วค่ะ”
“จ๊ะ ครูเดินไปส่งนะ”
ดงหยิงหยิงจูงมือของแซ่หนิง ค่อยๆเดินไปที่ประตูทางเข้า
“ประธานแซ่” ดงหยิงหยิงยิ้มอย่างสดใส
“ครูดง” แซ่จื๋อจ้วนพยักหน้าอย่างมีมารยาท
“คุณครูทำไมหน้าแดงล่ะคะ?” แซ่หนิงเงยหน้ามองคุณครู แล้วพูดขึ้น
ดงหยิงหยิงหน้าก็ยิ่งแดงขึ้น อธิบายอย่างเขินอาย “คนที่ไม่เคยมีแฟน แค่เห็นหนุ่มหล่อก็รู้สึกเขินแล้ว เพื่อนครูล้วนแต่บอกว่าครูเป็นกระดาษสีขาว ไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเลย โง่จริงๆ”
ตามที่พูด ดงหยิงหยิงแสดงท่าทางน่ารักอย่างนี้แล้วก็ไม่มีประสบการณ์อะไรเลยจริงๆ แซ่จื๋อจ้วนอาจจะสนใจอยู่บ้าง
แต่ว่า……