ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 327
ตอนที่ 327 รสชาติของการมีความรัก
ชายหนุ่มใช้มือลูบไปยังกรอบแว่นสีทอง “เจ้านายของผมคือใคร คุณชายสวีอย่าถามจะดีกว่าครับ สั้นๆประโยคเดียว……คนที่มีอำนาจและอิทธิพลในเมืองหลวงไม่ได้มีแค่ตระกูลสวีของพวกคุณ อีกอย่าง ที่นี่คือเมืองเจียง เป็นที่ที่คนไม่เปิดเผยความสามารถของตนเอง ผมขอเตือนคุณชายสวีว่าทำตามที่ผมบอกจะปลอดภัยกว่านะครับ”
พูดจบ ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นยืน แล้วยัดเอกสารต่างๆใส่ในมือสวีจื๋อ
“เอกสารพวกนี้ให้คุณชายสวีเก็บไว้เป็นของที่ระลึกแล้วกันนะครับ ด้านล่างสุดจะมีตั๋วเครื่องบินกลับเมืองหลวง ถือว่าเป็นของขวัญจากเจ้านายผมแล้วกันนะครับ”
สวีจื๋อถือเอกสารพวกนั้นเอาไว้ และไม่กล้ามีความคิดที่จะแค้นอีก
เพราะคนคนนี้ รู้เรื่องด้านแย่ๆของเขาทั้งหมด ยังไงเขาก็สู้ไม่ไหว ท้ายสุด สวีจื๋อที่โกรธแค้นแค่ไหนก็ทำได้แค่กลืนน้ำลายตัวเอง
ถือตั๋วเครื่องบินเอาไว้ด้วยใบหน้าอมทุกข์ ในเย็นวันนั้นก็ออกจากเมืองเจียงทันที
เดิมทีหวาผิงนึกว่าหลังจากที่สวีจื๋อโดนทำร้ายแล้ว คงจะแวะกลับมาหาเรื่องเธอ เพราะเขาก็เคยอวดเอาไว้ว่าตัวเองนั้นเป็นคนมีอำนาจในเมืองหลวง บอกว่าใหญ่สุดในละแวกนั้นแล้ว
ใครจะไปรู้ว่านายนั่นจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลย หลังจากที่หวาผิงได้ยินข่าวหลากหลายเสียง ก็ได้รู้ว่า สวีจื๋อได้กลับเมืองหลวงไปแล้ว
“คงไม่ใช่กลับไปหาพวกหรอกมั้ง?” หวาผิงรู้สึกตื่นตัวและกังวลเล็กน้อย
เธอไม่กลัวว่าสวีจื๋อจะทำอะไรเธอ แต่กลัวว่าสวีจื๋อพบเจอว่าหวางเซียวอี้เป็นคนลงมือ แล้วจะมีภัยต่อตระกูลหวาง
ท้ายที่สุดเธอคิดไปคิดมา ก็ส่งข้อความวีแชทให้หวางเซียวอี้
หวาผิง : อยู่ไหม?
หวางเซียวอี้ : ?
หวาผิง : ได้ข่าวมาว่าสวีจื๋อกลับเมืองหลวงแล้ว
หวางเซียวอี้ : แล้ว?
หวาผิง : ก็ไอ้เลวชั้นต่ำนั่นฉันเกรงว่าเขาโดนตีแล้วจะไม่พอใจ กลับไปหาพวกแล้วมาสู้กับพวกเรา นายก็ระวังตัวด้วยนะ
หวางเซียวอี้ : มันไม่กล้าหรอก หายห่วงได้เลย
หวาผิง : นายรู้ได้ไงว่ามันไม่กล้า? ไม่เคยได้ยินหรือไงว่าจะหาเรื่องใครก็ได้แต่อย่าได้หาเรื่องคนชั้นต่ำ?
หวางเซียวอี้ : จัดการกับคนชั้นต่ำก็ต้องมีวิธีที่จะจัดการกับพวกมัน
หวาผิง : หืม? พูดงี้แปลว่านายมีวิธีรับมือ?
หวางเซียวอี้ : เรื่องนี้ฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องห่วง
หวาผิง : ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย คุณเป็นคนใจเย็น แต่มีความคิดที่ดีน่ะ
หวางเซียวอี้ : นี่กำลังชมฉันหรอ?
หวาผิง : ถุย ฝันกลางวันอยู่หรือไง
หวางเซียวอี้ : วันนี้เลิกงานกี่โมง?
หวาผิง : ดึกๆนู่นเลย ทำไม?
หวางเซียวอี้ : เธอคิดว่าไงล่ะ?
หวาผิงที่มองจอโทรศัพท์ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ช่วงนี้ทั้งคู่ดูเหมือนจะนอนด้วยกันบ่อยเกินไป หวาผิงรู้สึกนอนหลับไม่เพียงพออยู่ตลอด ดูเหมือนว่าช่วงนี้หวางเซียวอี้ก็ไม่ค่อยมีแรง?
หวาผิง : ไม่คุยกับนายแล้ว เหอะ ทำงานต่อละ
หวางเซียวอี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วางโทรศัพท์ลง แล้วประชุมต่อ
แท้จริงแล้วหวางเซียวอี้ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า ตัวเองจะมาตกหลุมรักผู้หญิงอย่างหวาผิง ทั้งแข็งแกร่ง ทั้งร้อนแรง ทั้งยากที่จะเข้าหา
แต่ตอนอยู่ในอกของเขานั้น ก็เชื่องอย่างกับแมวน้อย ความรู้สึกที่ทำให้จักจี้ในหัวใจ
ตอนนี้เขาก็เริ่มจะเข้าใจ ว่าทำไมเจียงหยู่ถึงเอ็นดูหวาเหวินขนาดนั้น ทำไมฉินชุงเจี้ยนถึงลืมรักแรกไม่เคยได้
ที่จริงแล้ว เรื่องของความรักนั้น แค่เผลอไปลอง ก็ทำให้เสพติดได้……
ทางอีกด้านหนึ่งหลังจากที่หวาเหวินพาอวู๋ผิงไปตรวจกับหมอเสร็จ หมอได้ให้แนวทางในการศัลยกรรมมา รวมถึงตาสองชั้นหรือเปิดหางตา ใช้ซิลิโคนเสริมจมูก ปรับทรงหน้าให้เป็นวีเชป ทำริมฝีปาก แล้วก็สักคิ้วกับสักอายไลน์เนอร์ง่ายๆ รวมทั้งชุดแล้ว ราคาทั้งหมดคือหนึ่งแสนสี่หมื่น
แต่เพราะหวาผิงเป็นคนแนะนำ หมอคนนั้นก็เลยให้ส่วนลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ราคาทั้งสิ้นจึงเป็นเจ็ดหมื่น เหมาะสมอย่างมาก
อวู๋ผิงดีใจอย่างมาก รูดบัตรอย่างเต็มใจแล้วนัดทำศัลยกรรมเป็นอาทิตย์หน้า
หลังจากที่ หวาเหวินส่งเธอกลับโรงเรียน ก็กลับไปยังเฟิงหวาหลี่ทันที
ในตอนที่เธอกลับไป เจียงหยู่ก็เพิ่งถึงบ้าน พอเห็นหวาเหวิน เจียงหยู่ก็เป็นฝ่ายเริ่มเดินมาหา ช่วยเธอถอดรองเท้า แล้วยื่นสลิปเปอร์ให้
“คุณนายเจียง ฉันมีเรื่องหนึ่ง ที่ต้องขออณุญาตเธอก่อน ได้ไหม?” เจียงหยู่แกล้งทำเป็นลีลา
“ว่า” หลังจากที่หวาเหวินเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ก็โน้มตัวลงอุ้มเสี่ยวเฮยแล้วเดินไปยังโซฟา