ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 329
ตอนที่ 329 พูดจาเว่อร์วัง
เจียงหยู่ปกป้องภรรยาของเขาจนเป็นนิสัย เขายื่นมือไปจับมือของ หวาเหวิน มากุมไว้ในมือของเขา
“เสี่ยวเห้อ หยุดเลย พี่สะใภ้แกขี้อาย”
“โห แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว ยังจะอายอะไรอีก พี่สะใภ้ครับคุณต้องลองฝึกหน่อยแล้ว ดูผมสิ หนังหน้าหนาขนาดไหน……ไปขอข้าวเขากินฟรีทุกที่เลย……เอ๊ะ? โจ๊กกุ้งมังกรนี้ใครเป็นคนทำ ดูน่ากินใช่ย่อย?” เกาเห้อพูดจบก็ลุกขึ้นยืนตักใส่ถ้วยตัวเองอย่างชำนาญ
“อันนั้นหยินซิ่งเป็นคนทำ เป็นอาหารที่ถนัดของเธอเลย” หวาเหวินชื่นชม
“หยินซิ่ง? ชื่อนี้……” เกาเห้อพูดแขวะอย่างอดไม่ได้
หยินซิ่งเหล่มองเกาเห้อ “ทำไม?”
“ชื่อนี้ใครเป็นคนตั้ง นี่ก็เชยเกินไปหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าฉันว่าเธอนะ…… ฉันยังขี้เกียจที่จะแขวะเลย”
“งั้นก็หุบปากของนายซะ”
เจอกันครั้งแรก เกาเห้อก็ไม่ได้คิดว่าสาวใช้ของหวาเหวินจะกล้าขนาดนี้ โดนว่ากลับมาจนเขาแทบจะหมดไฟ
ตลกจนทำให้ทุกคนต้องหัวเราะ หวาผิงพูดแทรกขึ้นมา “ชื่อของหยินซิ่งกับชุนเถาจริงๆแล้วย่าของฉันเป็นคนตั้ง คนในยุคของย่าฉันพวกแกก็รู้”
ในขณะที่หวาผิงพูด หวางเซียวอี้แสร้งกวาดตามองลวกๆ แต่มองแค่แวบเดียว ก็หลบสายตามองไปทางอื่น
เจียงหยู่มองเห็นอย่างชัดเจนเต็มสองตา คิดในใจ ให้นายแสร้งอีกแล้วกัน เดี๋ยวก็จับพิรุธได้แล้ว
หวาฟ้านก็หัวเราะ “ใช่ๆ คนดูแลย่าฉันทั้งสองคนก็เหมือนกัน คนหนึ่งชื่อชิวจู๋ คนหนึ่งชื่อหงเหมย”
เกาเห้อ:……
“โอเค ย่าเธอชนะแล้ว” เกาเห้อไม่มีแรงจะแขวะด้วยแล้ว ตั้งชื่อให้สาวใช้ จริงๆก็เป็นแนวประมาณนี้ คงไม่มีใครชื่ออันฉี หวั่นโน่ แบบนั้นหรอก?
“เสี่ยวเห้อชอบแกล้งเล่น เธออย่าเอาไปใส่ใจนะ”
เจียงหยู่กลัวว่าคำพูดของเกาเห้อจะทำให้หวาเหวินไม่สบาย เขาเลยรีบอธิบายแก้สถานการณ์
“ไม่เป็นไร” หวาเหวินยังถือว่าอยู่ในสภาพที่ไม่แย่มาก ยังคงหัวเราะแล้วฟังทุกคนพูดคุยกัน
ระหว่างนั้น เจียงหยู่หวางเซียวอี้ ฉินชุงเจี้ยนพวกนักธุรกิจพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหุ้นและการเงิน
เกาเห้อคนปากเสีย พูดแขวะไปมากับชุนเถาและหยินซิ่งอย่างสนุกสนานชอบใจ
หวาเหวินกลัวว่าหวาฟ้านกับป๋ายห้าวจะอึดอัด ก็พูดคุยกันเรื่องชีวิตหลังแต่งงาน
ตอนแรกหวาผิงก็ก้มหัวใช้โทรศัพท์คุยกับทีมงานทางกองถ่าย หลังจากนั้นก็รู้สึกหิว จึงกินอาหารทะเลไปนิดหน่อย
ระหว่างนั้น ก็ส่งสายตากันไปมากับหวางเซียวอี้เป็นพักๆ แต่ก็กลัวคนอื่นจะจับได้ จึงแกล้งทำเป็นไม่สนิทกัน
ในที่สุดเจียงหยู่ก็ทนถามไม่ได้ “คุณหวัง นายกับหวาผิงเมื่อก่อนเคยผิดใจกันไม่ใช่หรอ? มา ชนแก้วกันหน่อยสิ ให้เกียรติฝ่ายหญิงเขาหน่อย กล้าๆหน่อยสิ”
หวางเซียวอี้มองตรงไปยังหวาผิง หวาผิงกัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วรีบก้มหัวดูโทรศัพท์
หวางเซียวอี้ลุกยืน เติมไวน์เต็มแก้ว
“คุณซุปตาร์ครับ ชนครับ……เรื่องที่ไม่ความสุขในอดีตก็ปล่อยมันไป จากนี้เรามาคุยกันดีๆนะครับ”
คำพูดนี้ดูมีเลศนัยเกินไป หวาผิงฟังแล้วยังรู้สึกมีพิรุธเกินไป เป็นห่วงตลอดว่าจะโดนจับได้หรือเปล่า
ความจริง คือเธอคิดมากไปเอง คนอื่นไม่มีใครได้ทันสังเกต นอกจากเจียงหยู่หวาเหวินกับฉินชุงเจี้ยนที่พอจะรู้เรื่อง
“ชนสิ ใครกลัว?”
หวางเซียวอี้เป็นฝ่ายเริ่มชนก่อนเชิงมารยาท หวาผิงลุกขึ้นอย่างงัวเงียทั้งสองชนแก้วก่อนจะจิบหนึ่งอึก
ฉินชุงเจี้ยนนั้นแกล้งแรงกว่าเจียงหยู่ถามหวาผิงตรงๆว่า “เธอกับแซ่จื๋อจ้วนพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
ถามจนหวาผิงร่างกระตุก หวางเซียวอี้ก็เริ่มจะไม่แฮปปี้แล้ว แอบหึงอยู่ในใจ
“เอ่อ……ฉันกับแซ่จื๋อจ้วนก็ไม่ได้เป็นอะไรกันอยู่แล้วหนิ” หวาผิงรีบแก้ตัว
ฉินชุงเจี้ยนยังพูดอย่างโอเว่อร์ว่า “ไม่จริงมั้ง ช่วงนี้ฉันเห็นว่าสื่อหลายแห่งกำลังวิเคราะห์เรื่องเธอกับแซ่จื๋อจ้วน ได้ข่าวว่าหลังจากได้เป็นแบรนด์แอมบาสยาของบริษัทยาจื๋อจ้วนจำกัดยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าเลยหนิ เมื่อไม่กี่วันก่อน แซ่จื๋อจ้วนยังจัดงานฉลองอยู่เลย ยังมีข่าววงในบอกว่า เขาซื้อรถสปอร์ตแลมโบกินีสีชมพูให้เธอด้วย เรื่องจริงไหม?”
“แค่กๆ……ใครมันสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา แม่จะลากไปตีให้ตาย” ใบหน้าของหวาผิงแสดงความแค้นออกมา พลางแอบมองไปยังหวางเซียวอี้ เพื่อดูว่าสีหน้าของเขาเป็นยังไง