ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 38
ตอนที่ 38 ดูดีอยู่นิดหน่อย
เจียงหยู่พยักศีรษะ “ในเมื่อเป็นวันครบรอบแซยิดของคุณแม่ทั้งที อย่างไรก็ต้องไปครับ”
“ดีค่ะ แล้วพอกันนะคะ”
“ได้ครับ”
หวาซวงทำงานรวดเร็วเฉียบขาดมาเสมอ และหลังจากเจียงหยู่นำสัญญามาแล้วก็ไม่โอ้เอ้นาน ออกจากบริษัทแม่ตระกูลหวาในทันที
เมื่อเจียงหยู่จากไป คนรองตระกูลหวา ซึ่งก็คือหวาหรงเดินเข้ามาหาหวาซวง
“สัญญาที่ดินเธอเซ็นไปแล้วหรือ?”
“อืม”
“โง่เง่า เหตุใดจึงยกให้ตระกูลเจียงไปฟรีๆ?” หวาหรงรู้สึกว่าการค้าขายครั้งนี้ไม่คุ้มกำไร
“ที่ดินผืนนี้ก่อนหน้าคุยกันแล้วว่าจะยกให้กับตระกูลเซี่ย ตอนนี้น้องห้ากลับแต่งเข้าตระกูลเจียง เงินทุนขอสำหรับหมุนเวียนของพวกเราตระกูลเจียงก็เป็นคนให้ ถ้าไม่ให้ที่ดิน แล้วเธอคิดว่าสมควรให้ใครจึงจะเหมาะสมล่ะ?” หวาซวงมองน้องสาวคนรองด้วยสายตาเย็นเยียบ ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของหวาซวงกับหวาหรงไม่ดีนัก
ทำงานในบริษัทเดียวกัน ทั้งคู่นั้นต่อหน้าเป็นมิตรลับหลังเป็นศัตรู
หวาซวงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานกรรมการบริหาร ดูแลในส่วนPrivate Kitchenของตระกูลหวา โดยตระกูลหวานั้นทำPrivate Kitchenมากว่ายี่สิบปี
ถึงแม้ปัจจุบันกิจการจะไม่ดีเท่าแต่ก่อน แต่ร้านเฟรนไชน์มีทั่วทั้งประเทศ
หวาหรงทำในส่วนโรงพยาบาลเสริมความงาม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมของตระกูลหวา
เนื่องจากการทำศัลยกรรมเพิ่มเยอะมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลงานของเธอจึงรุ่งโรจน์ดุจดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้า
ดังนั้นจึงไม่ยอมแพ้ที่จะอยู่ใต้ล่าง มักหาโอกาสที่จะขึ้นมาแทนพี่สาวคนโตอยู่เสมอ
ดังนั้นทั้งคู่จึงมักตาต่อตา ฟันต่อฟันกันในบอร์ดกรรมการบริหารอยู่ตลอด ทุกคนล้วนเคยชินรูปแบบการพบปะกันเช่นนี้
“แน่นอนที่ฉันรู้สึกว่าการเก็บไว้ให้ตัวเองเป็นสิ่งเหมาะสม พี่ก็รู้ว่ารัฐบาลจะพัฒนาซินเฉิงเขตใต้ ทะเลสาบเซียนหนี่ว์ล้อมรอบด้วยพื้นที่ใจกลางสำคัญที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ไม่ว่าตระกูลของพวกเราจะทำอะไร นั่นล้วนเป็นดินแดนสร้างความมั่งคั่ง”
“หลังจากนั้นล่ะ เธอคิดว่าตระกูลเจียงให้เงินเราห้าร้อยล้านโดยไร้เหตุไร้ผล เธอคิดว่าน้องห้าคุ้มค่ากับห้าพันล้านหรือ?”
“ก็แล้วยังไงล่ะ?”
“น้องรอง เธอไม่คิดดูบ้างล่ะว่าตระกูลเจียงเริ่มต้นจากอะไร ครอบครัวธุรกิจธนาคารเอกชน แต่ละปีกินดอกเบี้ยปล่อยสินเชื่อ…..เงินห้าร้อยล้านนี่คนเขาก็โอนมาแล้ว แล้วยังบอกอีกว่าสามารถให้พวกเรายืมในรูปแบบของสินเชื่อ เธอน่าจะรู้นะดอกเบี้ยห้าร้อยล้านปีนึงมันเท่าไหร่?”
หวาหรงไม่กล่าววาจา……
หวาเหวินยิ้มเยาะเย้ย “พูดขนาดนี้แล้ว เงินที่หาได้จากโรงพยาบาลศัลยกรรมของเธอ ไม่พอเศษด้วยซ้ำมั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นเธอยกที่ดินให้ คนเขาก็ไม่เอาดอกเบี้ยพวกเราแล้วงั้นหรือ?” หวาชิงไม่ยอมจำนน
หวาซวงดึงลิ้นชักออกมาอย่างไม่รีบร้อน ดึงเอกสารด้านในออกมาหนึ่งปึก
“ดูกันเอาเอง”
หวาหรงหยิบเอกสารมา บนนั้นระบุไว้ว่า เงินห้าร้อยล้านที่ตระกูลเจียงจ่ายมอบให้เป็นของขวัญ ไม่จำเป็นต้องทำการชำระคืนและไม่มีดอกเบี้ยใดๆทั้งสิ้น
มองไปยังวันที่ด้านล่าง ระบุไว้ว่าเป็นวันนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากที่ตระกูลเจียงเห็นว่าพวกเธอมอบที่ดินให้ จึงได้ให้สัญญาไว้เช่นนี้
ไม่อย่างนั้น หากคนถือโอกาสไปออกเอกสารจำนอง ก็จะเริ่มเก็บดอกเบี้ยพวกเธอ
หวาหรงขาดเหตุผลต่อรอง จึงไม่พูดอะไรมาก
ตระกูลเจียงทำเช่นนี้ ดูเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง แต่ทว่าก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
อย่างไรก็เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่คนโง่ โดยเฉพาะปัจจุบันที่ขึ้นเป็นตระกูลไฮโซอันดับหนึ่ง
ณ เฟิงหวาหลี่ สุ่ยหยุนเก๋อ
หวาเหวินเที่ยวเล่นตลาดของเก่าอยู่ค่อนวันก็ไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรมา กลับมาในช่วงบ่ายทานอะไรง่ายๆนิดหน่อยแล้วก็นั่งวาดรูปที่ระเบียง
ลมพัดตอนเย็นในช่วงเดือนเจ็ดชวนให้คนรู้สึกสบายยิ่ง
หวาเหวินนั่งอยู่บนระเบียงชั้นบนสุด จิบกาแฟ หยิบพู่กัน วาดทิวทัศน์ที่อยู่ออกไปไม่ไกล
ทุกช่วงเวลาแบบนี้ จะรู้สึกได้ว่าเวลาที่ผ่านไปนั้นสงบสุข
บางทีเธออาจจะทุ่มเทมากเกินไป ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาด้านหลังจึงไม่รู้ตัว
กระทั่งมือที่ขาวกระจ่าง หยิบแปรงพู่กันวาดห่านป่าสองสามตัวที่ข้างภูเขาบนผืนผ้าใบเบื้องหน้าเธอ เธอพลันตกตะลึง
เมื่อหันกลับไป บังเอิญว่าระยะห่างจากใบหน้าของเจียงหยู่นั้นใกล้มาก
เป็นครั้งแรกที่ได้มองเขาในระยะใกล้เช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า
รู้สึกว่าเขาดูดีอยู่นิดหน่อย ทันใดนั้นหวาเหวินตะลึงงัน