ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 59
ตอนที่ 59 งานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง
“ไม่จำเป็น”
“เซิงเซิง เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วนะ คุณอย่าเกรงใจผมเลย เคมั้ย?”
“ฉันไม่ไม่ได้เกรงใจคุณ คุณชายแซ่ อย่าทำแบบนี้”
“เซิงเซิง ที่จริงแล้วฉันก็อยากเลี้ยงแมว อยากจะขอให้คุณช่วยแนะนำหน่อยจากประสบการณ์ของคุณ…..”
พูดยังไม่ทันจบ หวาเหวินก็ตัดสายทิ้งไป
สำหรับเธอแล้ว แซ่จื๋อจ้วนช่างเป็นคนที่น่าเบื่อแล้วก็ทำตัวเหมือนเด็กคนนึงเลย
เธอขี้เกียจเสียเวลาของตัวเองไปสนใจคนที่ไร้สาระแบบนี้
แต่ที่แซ่จื๋อจ้วนมองนั้น เป็นเพราะหวาเหวินยังมีอารมณ์โกรธ และยังถือสาเรื่องที่หนีงานแต่งคราวนั้น
ดังนั้นจึงแสดงท่าทีต่อเขาอย่างนี้
หลังโดนปฏิเสธไม่ต้อนรับ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ใหญ่ให้ไปทานข้าวที่บ้าน
จึงได้ขับรถกลับบ้านตระกูลแซ่
ครอบครัวแซ่จะมีโอกาสทานข้าวพร้อมกันอาทิตย์ละครั้ง นี่เป็นเงื่อนไขของแซ่หยาน หัวหน้าครอบครัวกำหนดขึ้น
ก็เพราะกลัวว่าทุกคนจะมีใจบาดหมางกัน จึงตั้งกฎนี้ขึ้น
ส่วนแซ่หลิงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่แคนาดา จึงไม่สามารถมาได้
ในบ้านจึงมีแค่คุณหญิงของบ้านแซ่ แซ่เฟยโม่ พี่ชายใหญ่ของแซ่จื๋อจ้วน
และภรรยาของแซ่เฟยโม่ เฝิงหยู่
เฝิงหยู่รู้จักกับแซ่เฟยโม่ตอนไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ เชื้อสายจีน พ่อแม่อาศัยอยู่ต่างประเทศ
ดังนั้นทุกคนในครอบครัวเป็นคนง่าย มีสัมพันธ์ดีต่อแซ่จื๋อจ้วนด้วย
พวกเขาแต่งงานได้หลายปีแล้ว ลูกสาว แซ่หนิงก็5ขวบแล้วด้วย
เป็นขวัญใจของจื๋อจ้วน
และก็เป็นหลานรักของแซ่จื๋อจ้วนด้วย พูดได้ว่าเป็นหลานคนโปรดของบ้านแซ่
แซ่จื๋อจ้วนถือกุญแจรถเฟอรารี่พอกำลังจะเข้าบ้าน หลานสาวตัวน้อยก็กระโดดเข้าหา
“คุณอา คุณอา อุ้มหน่อยๆ”
เสียงเล็กๆแบ๊ว ทำเอาคนฟังใจละลายไปเลย
“อัยยา ตัวเล็กของอา เหมือนจะหนักขึ้นนะเนี่ย” แซ่จื๋อจ้วนอุ้มหลานด้วยมือเดียว
“หม่ามี๊บอกว่าให้กินข้าวเยอะๆจะได้โตสูงๆ”
“อืม แม่พูดถูก หนูต้องกินข้าวนะรู้ไหม? กินขนมน้อยๆ”
เมื่ออยู่กับหลานสาวคนนี้ เขาก็ถือว่ามีความอดทนอย่างมากเลยทีเดียว
“จื๋อจ้วนมาแล้ว” เฝิงหยู่ยิ้ม
“พี่สะใภ้” เขาก้มหัวทักทาย
“อืม แม่ยังพูดอยู่เลยว่า ไม่รู้ช่วงนี้เธอยุงอะไร ไม่เห็นแม้แต่เงาเลย”
“ผมยุ่งมากๆเลย” เขาเกาหัว
“คุณอา ยังคบกับน้าสาวสวยๆคนนั้นอยู่ไหมคะ?”
“ชู่ อย่าพูดถึงเรื่องนั้น เดี๋ยวปู่ได้ยินเข้าจะตีอาเอานะ”
“แกมีความกลัวด้วยเหรอ?” แซ่เฟยโม่เข้ามาทางข้างหลังเขา ในมือถือแท็บเล็ต
“พี่ก็เหมือนกันนะ ไม่สอนลูกพูดดีดี สอนแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ใช่มั้ยเนี่ย?” แซ่จื๋อจ้วนกล่าวโทษ มองบนพี่ชายใหญ่
แซ่จื๋อจ้วนหัวเราะ “จะโทษฉันได้ไง ไม่ใช่เพราะนายโพสบ่อยๆเหรอ หนิงหนิงเค้าเล่นเฟสบุ๊คออกบ่อย เค้าก็เห็นรูปนายสิ นายอ่ะนะ…ถ้าอยากที่จะไม่เป็นจุดสนใจ ก็อย่าคบกับคนในวงการบันเทิงสิ ไม่งั้นกันทั่ว”
“วางใจได้ ครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในวงการนี้หรอก” แซ่จื๋อจ้วนท่าทีพอใจ
“มีเป้าหมายแล้ว?”
แซ่เฟยโม่และเฝิงหยู่มองไปยังเขา
“เดี๋ยวไว้จะเล่าให้ฟังนะ” เขาทำทีลับลมคมใน
เวลาจากนั้นทุกคนก็ทานข้าวกัน เพราะเรื่องที่หนีงานแต่งครั้งนั้น แซ่หยานจึงไม่สบอารมณ์กับลูกชายคนสอง
ทานข้าวก็นั่งห่างกันไกล
ส่วนแซ่หนิงนั้นชอบอาสอง จึงตัวติดหนึบเขาตลอด ให้เขาแกะกุ้งให้ตัวเอง
“จื๋อจ้วน ลูกถือเวลาที่แม่กับพ่อของลูกยังไม่แก่เท่าไหร่นี้ สร้างครอบครัว มีลูกสิ ตอนนี้เราก็ยังพอช่วยดูแลหลานได้…ลูกดูหนิงหนิงสิไม่ทันไรก็ห้าขวบแล้ว” คุณหญิงแซ่พูดขึ้น
“คุณอา หนูอยากได้น้องชายมาเล่นกับหนู” แซ่หนิงพูดขึ้น คงเป็นเพราะความคิดของยายปลูกฝังแน่ๆ
แซ่จื๋อจ้วนเอื้อมมือไปลูบหัวหลานสาว
“อัยยา ยัยตัวน้อย ร้ายนะเรา…กล้ากดดันอาแล้วเหรอ หนูอยากได้น้องชาย ก็ให้พ่อแม่มีสิครับ”
“ทำไมต้องโบ้ยมาที่เราสองคนล่ะ? นายน่ะ…” แซ่เฟยโม่ทำไรไม่ถูก ตั้งแต่เล็กจนโต ก็เป็นแพะรับบาปแทนน้องไม่น้อยเลย
แต่แซ่จื๋อจ้วนดูออกแล้ว วันนี้ใช่วันฉลองทานข้าวพร้อมกันธรรมดาซะที่ไหน ชัดเจนเลยว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่
แซ่หยานจ้องไปที่ลูกชาย ถามขึ้นมาทันที “ช่วงนี้แกไปบริษัทบ้างไหม?”