ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 62
ตอนที่ 62 จะขอบคุณฉันยังไง
ที่จริงนายคนนี้ไม่ควรจะเยินยอเลย เมื่อวานยังคิดว่าเป็นคนไม่เลวทีเดียว พอวันนี้มาเรียกร้องซะงั้น
หวาเหวินตอบไปอย่างเย็นชา “นายอยากได้อะไร?”
“เสียงอย่างนี้ ฉันขออะไรเธอก็ให้หมดใช่มั้ย?”
“ฉันต้องดูก่อนว่าฉันมีมั้ย?”
“ที่ฉันต้องการ เธอมีอยู่แล้วแหล่ะ” เขาทำทีลับลมคมใน
พอพูดถึงตรงนี้ ก็ดูมีเสน่ห์แพรวพราวอยู่นะ
ลักษณะแบบเจียงหยู่ เงินก็ไม่ขาด อำนาจไม่น้อย อยากได้ลมได้ฝนสั่งได้หมด
ยังจะต้องการอะไรอีกหรือ?
หรืออาจจะต้องการ…
หวาเหวินคิดต่อไปไกล หน้าเธอก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
ถ้าเจียงหยู่ขออะไรที่เป็นเรื่องไร้มารยาทอย่างนี้ขึ้นมา ต่อไปเธอคงต้องอยู่ห่างๆไม่สนใจเขาแล้วล่ะ
พักนึง
เจียงหยู่ส่งข้อความกลับมา เธอเปิดดู
ข้อความเขียนว่า——-“เพื่อเป็นการขอบคุณฉัน เธอไปดูหนังกับฉันได้ไหม?”
เอาจริงๆ หวาเหวินไม่เคยคิดสักนิดว่า เงื่อนไขของเจียงหยู่จะง่ายๆอย่างนี้เหรอ?
ไปดูหนังก็ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนได้เหรอ?
แต่ก็เถอะนะ หวาเหวินไม่ค่อยชอบดูหนัง สำหรับเธอแล้ว การดูหนังไม่เคยอยู่ในแผนเลย
แต่ในเมื่อเจียงหยู่พูดอย่างนี้แล้ว เธอคงต้องไปเป็นเพื่อน เพราะตามที่เขาเรียกร้องมันไม่ได้เกินไปสักหน่อย
“ได้” เธอแก้ไขข้อความและส่งไป
“งั้นเลิกงานฉันไปรับเธอที่บ้าน”
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก ฉันให้ชุนเถาขับรถไปส่งก็ได้ นายแค่ส่งที่อยู่โรงหนังมาให้ก็พอ”
หวาเหวินมักจะให้อิสระ ไม่จำเป็นว่าจะต้องให้ผู้ชายมารับเท่านั้น
ทั้งเจียงหยู่ก็เคารพในความคิดของเธอ ไม่ดื้อดึง
ที่ตั้งของโรงหนังถูกส่งมา พร้อมแนบตั๋วหนังมาด้วย
ขณะดูตั๋วหนัง หวาเหวินถึงกับพูดไม่ออก
เดิมทีเธอคิดว่าเจียงหยู่จะหนังแนวรักหรือไม่ดีเลยก็คงเป็นหนังฝรั่ง
ที่ไหนได้กลับเป็นเรื่อง อภินิหารไวกิ้งพิชิตมังกร 3
นี่มันการ์ตูนไม่ใช่เหรอ?
แต่…….รับปากเขาไปแล้วจะกลับคำก็ไม่ได้
หวาเหวินทำได้เพียงตอยกลับไปว่าOKเท่านั้น
ต่อนี้ไป สองคนก็คงไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างยุ่งแล้วล่ะ
พอตกเย็น 6 โมงครึ่ง ชุนเถาขับรถพาหวาเหวินเข้าไปในเมือง
คนที่นี่ก็ดูเยอะอยู่ หวาเหวินใส่ชุดกีฬาซึ่งปกติก็ไม่ค่อยได้ใส่เท่าไหร่นัก
เสื้อแขนสั้น กางเกงยาวเจ็ดส่วน สวมหมวกแก๊ป ปล่อยผมยาวสลวย ดูแล้วไม่มีรสชาติ
แต่งตัวลักษณะนี้ดูไม่ค่อยมีรสนิยม ไม่อยากให้ผู้คนสนใจ
ไม่งั้นเจอคนที่ไม่หวังดีเอาเธอไปพูดเสียๆหายก็จะไม่ดียิ่งไปอีก
เมืองเจียงเฉิงในปลายสิงหาคมค่อนข้างที่จะร้อน คู่รักหลายคนก็มักจะถือไอศกรีมหรือเครื่องดื่มเย็นๆไว้ในมือ เพื่อรอหนังเริ่มฉาย
ชุนเถากับหวาเหวินรออยู่นี่ไม่ถึงสองนาที เจียงหยู่ก็มาพอดี
ในมือถือไอศกรีมHäagen-Dazs แล้วก็มีป็อบคอร์นและโคล่า
ที่ชุนเถารู้สึกตะลึงเลยคือ คุณชายก็ซื้อให้เธอชุดนึง
“ขอบคุณค่ะ คุณผู้ชาย” เธอกล่าวขอบคุณ
“เธอไปดูกับเรามั้ย?” เจียงหยู่ไม่ได้คิดอะไร เพียงแค่รู้สึกว่าชุนเถาอยู่นี่คนเดียวจะเบื่อเอา
“ไม่ดีกว่า ฉันไปรอพวกคุณในรถดีกว่า”
ชุนเถาไม่ใช่คนที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เธอถือไอศกรีมและรีบวิ่งออกไป
เจียงอยู่พาหวาเหวินพร้อมกับขนมเข้าไปในโรงหนัง
หวาเหวินไม่ได้เข้าโรงหนังมาหลายปี พอได้มาในที่ที่มีคนเยอะ
ช่วงแรกๆเธอจึงไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่พอหนังเริ่มฉายก็เริ่มดีขึ้น
เธอเดิมทีไม่ชอบกินขนมขบเคี้ยว แต่วันนี้กลับกินป็อบคอร์น
หลังดูหนังจบเธอกินไปถึงครึ่งถังเลยทีเดียว
ตัวเธอเองยังต้องตกใจ……
เต็มเปี่ยมไปสองชั่วโมงเธอและเขาได้ออกจากโรงหนัง
“สนุกมั้ย?” เจียงหยู่ถามเธอ
“ก็ใช้ได้”
“บางครั้งการดูหนังก็ทำให้ใจเรารู้สึกพองโตนะ อาจเป็นเพราะโลกใบนี้มันมืดมิดเกินไป เราเลยต้องไปหาความสุขจากในหนัง” จู่ๆเจียงหยู่ก็พูดขึ้นมา
“อา?นายคิดว่าโลกนี้มันดูมืดมิดหรอ?”หวาเหวินมองเขาอย่างสนใจ