ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 64
ตอนที่ 64 ยืมไหล่
หลังหวาเหวินคุญโทรศัพท์จบก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ช่างพอเหมาะพอดีที่เจียงหยู่ยังไม่นอน หลังถามชัดเจนแล้ว ก็รีบขับรถพาหวาเหวินกลับบ้านตระกูลหวาทันที
คุณหญิงใหญ่ของบ้านตระกูลหวาเป็นโรคชรา ที่จริงก็รู้อยู่แล้วว่าถึงเวลาแล้ว
คนในบ้านก็ไม่อยากที่จะพาไปโรงพยาบาล และตัวท่านเองก็ไม่ยินดีที่จะไปด้วย
เลยต้องเชิญหมอมาฉีดยา ใส่เครื่องช่วยหายใจให้ที่บ้าน
ตอนที่หวาเหวินเดินทางออกไปก็ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว
คนบ้านตระกูลหวาต่างก็กลับมากันแล้ว หวาฟ่านก็อยู่ มองยังหวาเหวิน ซึ่งสองคนก็ไม่ได้ทักทายอะไรกัน
ทุกคนต่างก็ล้อมรอบอยู่ด้านหลังหญิงชรา สีหน้าท่านดูไม่ค่อยดีนัก หายใจก็แผ่วเบา
คนดูแลหญิงท่านพูดไปร้องไห้ไป “ตอนแรกท่านก็ยังดีดีอยู่หรอก ตอนทานข้าวเย็นท่านยังทานโจ็กไปตั้งครึ่งถ้วย พอตอนสามทุ่มบอกว่าแน่นหน้าอก ฉันก็เลยเอาพัดมาพัดให้ท่าน จากนั้นสีหน้าท่านก็ไม่สู้ดี หลังนั้นก็หายใจไม่คล่องแล้ว”
“แม่ แม่ทรมานมากพอแล้ว” หวาเจิ้นเยว่จับมือหญิงชราไว้
ที่ผ่านมาหวาเจิ้นเยว่ทำธุรกิจได้ไม่ดีนักแต่พูดถึงความกตัญญูแล้ว เธอปฏิบัติต่อคุณหญิงท่านอย่างสุดแรงใจ
สำหรับหวาเหวิน ถึงแม้เธอจะไม่ได้รับความสนใจ แต่อยู่กับยายก็ไม่ได้ลำบากอะไร ก็ถือว่าได้รับผลพลอยได้อยู่
หญิงชราได้รับออกซิเจนอยู่เป็นพักอาการจึงค่อยๆดีขึ้นมาหน่อย
เธอมองไปรอบๆ สุดท้ายหยุดสายไปที่หวาเหวิน
ยกมือเพื่อเรียกเธอ…..
“ดูเหมือนคุณยายจะเรียกเธอนะ”เจี่ยงหยู่พูดข้างหูหวาเหวินเบาๆ
หวาเหวินค่อยๆเดินเข้าไปหา ที่ข้างเตียงของยาย
คุณยายพูดออกมาไร้ซึ่งเสียง ท่านจับมือหวาเหวินไว้
สายตามองที่เธอและเต็มไปด้วยน้ำตา….
หวาเหวินกลั้นเอาไว้ ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
“คุณหมอหวัง อาการของยายฉันเป็นไงบ้าง?”
หวาซวงถามหมอประจำบ้าน
“เอาจริงๆนะครับ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดี นี่เป็นโรคชรา อาการป่วยของคุณหญิงท่านไม่ใช่เพิ่งเป็นแค่วันสองวัน ตอนนี้ก็เหมือนแค่รอให้เทียนเผาไหม้จนหมดเท่านั้น…..เมื่อครู่ผมฉีดยาการเต้นของหัวใจไปเข็มนึง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื้อไว้ได้นานแค่ไหน พวกคุณก็ต้องเตรียมใจกันเอาไว้ เตรียมใจกับสิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เพราะท่านอาจจะจากเราไปตอนไหนก็ได้”
ฟังคุณหมอพูดอย่างนี้ ทุกคนต่างก็ใจคอไม่ดี
โดยเฉพาะหวาเหวินรู้สึกแย่จนพูดไม่ออก
คุณหญิงท่านอยากจะพูดอะไรแต่ไม่มีแรงอ้าปาก
หวาเหวินอยู่เป็นเพื่อนพักหนึ่ง เธอลุกขึ้น
คนดูแลคุณหญิงท่าน แอบพาหวาเหวินเข้าไปในห้องเล็กๆ
“หญิงห้า ช่วงไม่กี่วันนี้คุณหญิงท่านทำรองเท้าอยู่จนดึกจนดื่น นี่ก็เหลือแค่เย็บขอบเท้านิดเดียวเอง แต่คุณหญิงท่านไม่ให้พูด กลัวว่าคนอื่นจะเห็นจะว่าเอา….รองเท้าคู่นี้คงเป็นคู่สุดท้ายที่ท่านทำ บอกว่าจะมอบให้หลานคนสำคัญ ต่อไปถ้าคุณหนูมีลูกจะได้ใส่”
พยาบาลผู้ดูแลหยิบถุงผ้าเล็กๆขึ้นมา ค่อยๆเปิดออก
ข้างในเป็นรองเท้าที่ทำขึ้นอย่างประณีต
ด้วยฝีมือของคุณยายเย็บเองทั้งหมด
สีน้ำเงินบนผิวผ้า การปักรูปผีเสื้อที่ดูจะเหมือนจริง
แต่น่าเสียดายที่มีเพียงข้างนึงยังเย็บตะเข็บไม่เสร็จ
หวาเหวินหยิบรองเท้าขึ้นมา ในใจรู้สึกหนักอึ้ง…..
“คุณหนูห้าน่าจะรู้ได้แล้วว่า คุณหญิงท่านห่วงที่สุดก็คือคุณหนูนะคะ คุณหนูอยู่กับคุณท่านมาตั้งแต่เด็ก….ไม่เหมือนกับคนอื่น สองสามวันก่อนคุณท่านพูดถึงคุณให้ฉันฟังว่าอยากเห็นคุณมีหลานมากๆ แต่ร่างกายคงรอไม่ไหวแล้ว อยากให้คุณดูแลตัวเองดีดี เข้ากับบ้านตระกูลให้ได้ ต่อไปอนาคตจะได้ไม่มีปัญหา”
สองมือของหวาเหวินอุ้มถือรองเท้าไว้ น้ำตาไหลราวกับลูกปัดที่แตก ไหลหยดเผละผละ
เจียงหยู่เดินตามหาหวาเหวินทั่ว จนได้มาเจออยู่ในห้องเล็กๆห้องนี้
ช่วงที่เขาเข้าเดินเข้าไป พี่เลี้ยงพยาบาลก็ได้ออกไปแล้ว หวาเหวินยังคงถือรองเท้าเด็กอยู่อย่างนั้นไม่ขยับ
“อาเหวิน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หวาเหวินเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มด้วยน้ำตา “เจียงหยู่ ขอยืมไหล่หน่อยได้มั้ย?”