ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 67
ตอนที่ 67 กลับไปบ้านเดิม
“ยังจะมาพูดเหวินเหวิน ไม่กระดากบ้างรึไง? น้องห้าฉันได้ยินนายพูดกับนางอย่างนี้จะเดียดฉันท์นายเอามาก”
หวาผิงยังเข้าใจในนิสัยความเย็นชาของหวาเหวินเลย
ยังไงก็ไม่ถูกใจเขยที่ชอบพูดโอ้คุยโวและหยาบคายอย่างแซ่จื๋อจ้วนคนนี้
“แล้วอยู่ไหนล่ะ? แซ่จื๋อจ้วนไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับหวาผิง เขาอยากจะเจอแค่หวาเหวินเท่านั้น”
“ไม่ได้มา”
“ไม่มา? จะเป็นไปได้ไง?”
แค่บอกว่าหวาเหวินไม่ได้มา แซ่จื๋อจ้วนก็ยังไม่เชื่ออีก
หวาผิงถือแอบเปิ้ล หัวเราะปานดอกไม้บาน
“นายมีอำนาจกว้างใหญ่ขนาดนี้ถ้าไม่เชื้อก็ลองไปเช็คที่ห้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเอาก็ได้ นางไม่ได้มาจริง…น้องห้าของฉัน…ไม่ชอบที่ที่คนพลุกพล่าน แล้วก็ยิ่งไม่ชอบพวกนักข่าว….แต่เธอน่ะโทรหาฉันแล้วทำซุปให้ฉัน ฝากให้เด็กที่บ้านเอามาให้ เธอก็ถือว่าใส่ใจอยู่แหล่ะ”
“งั้น…ฉันก็มาเสียเที่ยวน่ะสิ?” พอแซ่จื๋อจ้วนได้ยินว่าหวาเหวินไม่มา แล้วจะมัวพูดพร่ามอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย?
“ฮ่าๆ ใช่น่ะสิ นายมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ แถมยังเสียค่าพวกผลไม้ ดอกไม้เปล่าอีก ฉันต้องให้นายมั้ย?”
“เธอเลิกพูดไร้สาระได้ละ จะไปแล้ว…ดูแลตัวเองดีดีล่ะ ดารารุ่นใหญ่”
พอเห็นว่าหวาเวินไม่ได้มา แซ่จื๋อจ้วนก็รีบไปทันที
หวาผิงก็เหมือนได้ดูเหตุการณ์ตื่นตาตื่นใจตอนนึงยังไงยังงั้น
หวาเหวินอยู่ที่เฟิงหวาหลี่ลงมือทำซุปด้วยตัวเอง
ข้างในมีส่วนผสมของยาจากสูตรที่ตัวเองคิดขึ้น
เธออ่านตำราแพทย์แผนจีนตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอมีความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างยิ่ง
หลังตุ๋นจนได้ที่ ชุนเถาตักใส่ถุงเรียบร้อย
“เอาไปให้พี่สามหน่อย บอกให้เธอดื่มตอนร้อนๆ ช่วงนี้ฉันจะต้มให้เธอทุกวัน ให้เธองดของแสลง ช่วงนี้อย่าทานของเผ็ด ของคาว”
“ค่ะ คุณหนู”
“ไปเถอะ เดินทางระวังด้วยล่ะ”
ฝากฝังเรียบร้อย ชุนเถาจึงขับรถออกไปโรงพยาบาล
หวาเหวินนั่งอยู่ในห้องรับแขก ถอนหายใจเล็กน้อย
เวลานี้ ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของคนที่บ้าน
ครั้งนี้เป็นสายของพ่อหวาเหวิน หวาเจิ้นเยว่
ที่จริงแล้วหวาเจินเยว่ไม่ค่อยได้สนิทสนมกับลูกสาวคนนี้เท่าไหร่นัก หลายปีนี้แทบนับครั้งได้เลย
“อาเหวิน”
“มีอะไรหรือเปล่า?” เธอขี้เกียจเรียกพ่อ
“วันนี้ยายของเธอฟื้นขึ้นมาบ้างแล้ว”
“จริงเหรอ? แล้วยายกินอะไรแล้วหรือยัง?”
“กินข้าวต้มแล้วนิดหน่อย ยายแกถึงแต่ว่าจะกลับไปที่เขาจงชุ่ย…ฉันเลยคิดอยู่ว่าที่นั่นเธอจะคุ้นเคยที่สุด…ถ้าว่างล่ะก็ พอจะพา….คุณยายกลับไปบ้างได้ไหม พ่อกับแม่ก็ไปด้วย เพียงแต่ให้ลูกพูดคุยเป็นเพื่อนยายระหว่างทางก็พอ ไม่อย่างนั้นกลัวว่ายายแกจะ…อดทนไม่ไหว”
คำพูดของพ่อพูดออกมาได้อย่างชัดเจน ดูจากสายตาแล้วคุณยายก็คงอยู่ได้ไม่กี่วัน
ถึงวันนี้อยากจะกลับไปที่เขาจงชุ่ย ไม่ใช่เป็นเพราะ….หมายถึงใบไม้ที่กำลังร่วงโรยหรอกหรือ?
เพราะชีวิตนี้ คุณยายอาศัยอยู่ที่เขาจงชุ่ยนานที่สุด
สวนสาธารณะนั้น ก็สร้างขึ้นด้วยเงินของหญิงชราผู้นี้ทั้งสิ้น ใช้งบอยู่ประมาณ6-7ล้านบาท
“ได้ จะไปเมื่อไหร่คะ?”
“คงจะพรุ่งนี้เช้า ทางบ้านเตรียมรถบ้านไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะอยู่กี่วัน ลูกลองคุยกับเจียงหยู่ดู หากเขาไม่เห็นด้วย…ลูกไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร”
ชัดเจนเลยทีเดียว แม้แต่หวาเจินเยว่ยังเกรงใจบ้านเจียง ช่างน่าเศร้านัก
“ไม่ต้องถามเขาหรอก ฉันตัดสินใจเองได้ค่ะ”
“เธออย่ามั่นใจอะไรขนาดนั้นเลย ตอนนี้เธออยู่ในฐานะสะใภ้ตระกูลเจียงนะ ลูก…..”
ทางฝั่งของพ่อยังพูดไม่ทันจบ หวาเหวินก็ตัดสายทิ้ง
หลังวางสายโทรศัพท์ไป ใจของเธอรู้สึกหนักหน่วงและร้อนลุ่ม
เธอขึ้นบ้านไปจัดเตรียมกระเป๋า
ที่จริง อาการป่วยคุณยายไม่แน่นอน แล้วไปที่เขาจงชุ่ยก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กี่วัน?
ถึงแม้ว่าไม่ไกลนัก แต่ก็ถือว่าได้ห่างบ้าน
พอเจียงอยู่กลับมาบ้านตอนเย็น หวาเหวินก็คุยกับเขาเลย
“อาการของคุณยายไม่ค่อยดี ฉันเลยคิดว่าจะไปที่เขาจงชุ่ยเป็นเพื่อนท่านสองสามวัน”
“ให้ฉันไปเป็นเพื่อนเธอมั้ย?” เจียงหยู่ไม่มีความเห็นใด เพียงแต่คิดว่าถ้าเขาอยู่เป็นเพื่อนด้วยอาจจะดีขึ้นมาหน่อยหรือเปล่า?