ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 80
ตอนที่80รักที่เปราะบาง
ป๋ายห้าวเงียบไม่พูดอะไร……..
เขาถอดหมวกตำรวจออกแล้วมองไปทางทะเลสาบภายในโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลนัก…..ด้วยความรู้สึกสับสน
เขารักหวาฟ้านไหม?
รักถึงแม้ว่าหวาฟ้านจะเป็นผู้หญิงที่ดูจะธรรมดาที่สุดในตระกูลหว่าแต่ความสามารถที่โดดเด่นไม่ถือตัวประพฤติตัวดี
คนที่ป๋ายห้าวต้องการมากที่สุดก็คือผู้หญิงแบบนี้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอในทุกวัน
เงินเดือนของป๋ายห้าวไม่สูงนักเรานัดเดทกันสองครั้งหวาฟ้านมักเลือกที่จะกินของทานเล่น
กินแฮมเบอร์เกอร์ขนมปังอาหารฟาดฟู๊ดป๋ายห้าวรู้ว่าเธอประหยัดเพื่อเขา
ดังนั้นความรักที่มอบให้กับผู้หญิงคนนี้ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็นคนของตระกูลหวาบางทีทั้งสองคนอาจจะได้คุยเรื่องแต่งงานไปแล้ว
แต่…..ความจริงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เธอเป็นคนในตระกูลหวาไม่ผิด
“ป๋ายห้าวคนที่บอกเลิกคือนาย….คนที่ทำให้ฉันเจ็บก็คือนายคนที่บอกให้ฉันดูแลตัวเองดีๆก็คือนาย…..นายกำลังแสดงเป็นพระเจ้าผู้ช่วยชีวิตหรือแสดงเป็นคนนอกเหรอ?เอาอะไรมาคิดว่านายสามารถควบคุมฉันได้ทุกอย่าง?ในเมื่อเลิกกันแล้วฉันจะเป็นหรือจะตายมันเกี่ยวอะไรกับนาย?”
หวาฟ้านเป็นผู้หญิงที่จิตใจเข้มแข็งมากหลังจากถูกบอกเลิกภายในใจของเธอก็อ่อนไหวต่อความรู้สึกมาโดยตลอด
เมื่อหวาฟ้านพูดขนาดนี้ป๋ายห้าวก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง
“เสี่ยวฟ้านขอโทษ…ที่ฉันทำร้ายเธอ…….”
“พูดเรื่องนี้แล้วจะมีความหมายอะไร?คุณตำรวจป๋ายมาจัดการคดีงั้นรีบกลับไปทำงานเถอะ”
เมื่อพูดจบหวาฟ้านก็หมุนตัวจากไป
“เสี่ยวฟ้าน…..ถึงแม้ว่าฉันเป็นเพียงแค่ตำรวจธรรมดาๆคนหนึ่งแต่ถ้าเธอมีเรื่องอะไรให้ช่วย….ฉันจะไปช่วยโดยไม่ปฏิเสธแน่นอน”
ป๋ายห้าวเองก็ยังไม่วางใจเพราะยังรู้สึกผิดต่อหวาฟ้านอยู่
ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขนาดนั้นก็ตามแต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือนความทรงจำที่แสนหอมหวานกลายเป็นมีดที่ทิ่มแทงในช่วงพริบตาเดียว
ผู้หญิงอ่อนแอมากกว่าผู้ชายดังนั้นป๋ายห้าวเองก็เจ็บปวดและทรมานเหมือนกัน
หวาฟ้านหยุดก้าวลงอย่างฉับพลันแล้วหันกลับไปมองก่อนทิ้งท้ายว่า“ฉันไม่ชินกับการเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าคุณตำรวจป๋ายก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจอะไรอีกแล้วนะคะ”
หลังจากเลิกกันเรื่องที่ยังเป็นเพื่อนกันได้มันค่อนข้างจะขัดแย้งกับตัวเอง
หลังจากเลิกกันเป็นเพื่อนกันไม่ได้เพราะเคยถูกทำร้ายมาก่อน
หลังจากเลิกกันไม่สามารถเป็นศัตรูได้เพราะเคยรักกัน
หลังจากเลิกกันทำได้เพียงแค่คนแปลกหน้าที่คุ้นเคยที่สุดเท่านั้นหลังจากนี้ก็ให้เวลาจะทำให้เจือจางไปทั้งหมดเอง
รวมทั้งคำสัญญาที่ว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลายและความรู้สึกที่ไม่มีวันลืมที่เคยให้ไว้
ดังนั้นคำพูดเหล่านี้ของป๋ายห้าวหวาฟ้านไม่รับฟัง
หลังจากที่หวาฟ้านเดินจากไปป๋ายห้าวก็พาคนขึ้นรถและจากไปเหมือนกัน
หลังจากที่หวาฟ้านกลับไปเธอกลับพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับทั้งคืนสุดท้ายก็ระบายความโกรธที่มีต่อตระกูลหวาและต่อป๋ายห้าวในกลุ่มเพื่อน
เธอเขียนว่า——
ถ้าชาติหน้ามีจริงฉันขอเกิดเป็นต้นไม้ยืนอยู่นิจชั่วนิรันดร์ไร้ซึ่งความโศกเศร้าเสียใจอีก
เยือกเย็นสุขุมท่ามกลางผงธุรีที่ปลิวว่อนท่ามกลางอากาศ
ร่มรื่นสง่างามอาบแสงแดดที่สาดส่อง
เงียบหยิ่งผยองไม่พึ่งพิงไม่เสาะหา
ถ้าชาติหน้ามีจริงขอกลายเป็นลมกลายเป็นชั่วนิจนิรันดร์
ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกไม่มีดวงตาที่เห็นทุกสิ่ง
สง่าท่ามกลางพายุฝนล่องลอยอยู่ในอากาศ
ท่องเที่ยวอย่างเงียบเหงาและโดดเดี่ยวนำพาความคิดคำนึงบางๆจากไปไม่คิดคำนึงไม่มีอารมณ์รัก
ประโยคนี้ของหวาฟ้านเป็นบทกลอนที่ถูกดัดแปลงมาจากSanMaoซึ่งเป็นชายในฝันที่เธอชอบที่สุด
เธออิจฉาความรักของSanMaoandJoseมาโดยตลอดแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่ใช่SanMaoป๋ายห้าวก็ไม่ใช่Jose
พวกเขาทั้งสองเป็นด่านแรกของประตูแห่งทางโลกที่ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถข้ามผ่านความรักและความอ่อนแอมากมายขนาดนี้ไปได้
หลังจากที่หวาเหวินเลื่อนผ่านกลุ่มเพื่อนจนเห็นโพสต์นี้ของหวาฟ้านก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมาทันที
เธอไม่เคยไม่มีความรักไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าคับอกคับใจได้แต่สงสาร
เมื่อคิดไปคิดมาหวาเหวินจึงได้คอมเม้นไว้ด้านล่างเขียนไว้ประโยคหนึ่ง