ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1906 ยั่วโมโหอู่เยวี่ย + ตอนที่ 1907 ของจริงของปลอม
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1906 ยั่วโมโหอู่เยวี่ย + ตอนที่ 1907 ของจริงของปลอม
ตอนที่ 1906 ยั่วโมโหอู่เยวี่ย
ทางอู่เยวี่ยร้อนใจมากจนอดไม่ได้ที่จะโทรหาอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ห้ามใจไว้ เธอไม่ควรจะทำทีเป็นเบี้ยล่างต่อหน้าเหมยเหมย เพราะศักดิ์ศรีของเธอไม่อนุญาต!
ถ้าหากยัยชั่วจ้าวเหมยคิดจะเล่นแง่กับเธอ งั้นก็อย่ามาโทษว่าเธอไม่ไว้หน้า อย่างมากก็แค่สู้จนตัวตายกันไปข้าง ใครก็อย่าได้ดีไปกว่าใครเลย!
ในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น…
“โอหยางซานซาน ฉันถามพี่สามแล้วนะ เขาบอกว่าได้ใบอนุญาตถ่ายทำมาแล้ว ประสิทธิภาพค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว!” เหมยเหมยพูดพลางกินคุกกี้ เสียงเคี้ยวกรุบ ๆดังลอดผ่านปลายสายไปถึงหูของโอหยางซานซานอย่างชัดเจน เป็นอีกครั้งที่ทำให้ความโมโหปะทุขึ้นมา
อู่เยวี่ยกำสายโทรศัพท์แน่น โมโหจนควันออกตา สมควรตายนักนะยัยจ้าวเหมย เธอร้อนใจดั่งไฟแผดเผาแต่ยัยชั่วช้านี่กลับมีกะจิตกะใจนั่งกินขนม?
เห็นได้ชัดว่าจ้าวเหมยรู้แต่แรกแล้วว่าใบอนุญาตถ่ายทำดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่กลับจงใจยื้อเวลาไว้ ซ้ำยังแกล้งโง่ใส่เธออีก น่าเกลียดจริง ๆ!
“เจ้าเหมยเธอนี่อารมณ์ดีจริง ๆเลยนะ มีกะจิตกะใจกินขนมด้วย” อู่เยวี่ยถากถางอย่างอดไม่ได้
เหมยเหมยคว้าคุกกี้ขึ้นมาอีกชิ้นหนึ่งส่งเข้าปากเคี้ยวเสียงดังกรุบ ๆพร้อมยกชานมขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ถอนหายใจอย่างพึงพอใจ “มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องกินให้อิ่มหนำสำราญ พี่หมิงซุ่นชอบบ่นว่าฉันผอมเกินไป วัน ๆเอาแต่สั่งทำของอร่อย ๆให้ฉันกิน แต่นับว่าโชคดีที่ฟ้าประทานหุ่นอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้มาให้ฉัน กินยังไงก็ไม่อ้วน ถ้าเป็นพวกอ้วนง่ายละก็เกรงว่าป่านนี้คงกลายเป็นหมูไปนานแล้ว”
อู่เยวี่ยถูกแทงใจดำเข้าอย่างจัง เธอก็คือพวกอ้วนง่ายที่จ้าวเหมยพูดถึงนั่นแหละ!
กว่าจะรักษาหุ่นมาได้จนถึงตอนนี้ เธอกินแต่น้ำผักต้มมาสองปีเต็มโดยไม่แตะต้องน้ำมันเลย สำหรับคุกกี้ช็อกโกแลตเนื้อสัตว์พวกนั้น เธอลืมเลือนรสชาติของมันไปนานแล้ว
เธอไม่กล้ากินอะไรเลยแต่ยัยชั่วจ้าวเหมยกลับกินดื่มได้อย่างเต็มที่ หนำซ้ำรูปร่างยังเพรียวบางเหมือนเคย!
ฟ้าดินไม่ยุติธรรม!
เธอไม่พอใจเอาเสียเลย!
“โอหยางซานซาน ฉันจำได้ว่าเธออ้วนง่ายนี่นา ขนาดดื่มน้ำก็ยังอ้วนเลย แต่ตอนนี้เธอกลับท้องอยู่ด้วย เธอต้องกินให้มาก ๆเพื่อบำรุงลูกน้อยในท้องของเธอด้วยนะ อย่างมากก็คงอ้วนขึ้นแค่สิบห้ายี่สิบโลเท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่”
เหมยเหมยพูดพลางยิ้มตาหยีกินคุกกี้เสียงดังกรุบ ๆต่อไป อู่เยวี่ยเป็นคนอ้วนง่าย ตอนอยู่อเมริกาผอมจนเหมือนนกขนาดนั้น!
วัน ๆคงกินแต่ผักหญ้าแน่นอน!
แต่ตอนนี้ต่อให้เธออยากจะกินผักกินหญ้าทุกวัน หนิงเฉินเซวียนก็ไม่มีทางยอมหรอก เหอะ ๆอยากเห็นอู่เยวี่ยกลายร่างเป็นหมูจัง!
ต้องน่าเกลียดกว่าหมูแน่ ๆ!
อู่เยวี่ยได้รับการดูถูกจากเหมยเหมยจนปวดขมับไปหมด หลังจากที่เธอตั้งท้องน้ำหนักของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ท้องได้แค่สามเดือนกว่านิด ๆแต่เธอกลับอ้วนขึ้นตั้งสองกิโลครึ่ง เพราะหนิงเฉินเซวียนเอาแต่สั่งทำซุปบำรุงร่างกายให้เธอ ซ้ำยังจ้องดูเธอดื่มลงท้องอีก ไม่อ้วนก็แปลกแล้ว!
“จ้าวเหมยจะยุ่งย่ามเกินไปแล้วมั้ง ฉันจะอ้วนหรือไม่อ้วนมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? ฉันทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว เธอจะเอาสมุดบัญชีมาให้เมื่อไร?” อู่เยวี่ยพูดเสียงเย็นชา
เหมยเหมยเบะปากพลางวางคุกกี้ที่กินอยู่นานก็ไม่หมดสักทีลงในจาน “เธอนี่ช่างไม่เห็นถึงความหวังดีของคนอื่นเลยนะ จะว่าไปเราสองคนก็เคยผูกพันกันมาตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ ไม่คิดจะดีใจที่ฉันเป็นห่วงเธอหน่อยเหรอ?”
“ไม่จำเป็น!” อู่เยวี่ยกัดฟันแน่น เพราะมันเกินความอดทนของเธอแล้ว
“เฮ้อ ยาดีแม้มีรสขมแต่รักษาโรคได้ฉันใด คำพูดที่จริงใจแม้ฟังขัดหูแต่มีประโยชน์ต่อการกระทำฉันนั้น[1] โอหยางซานซานต่อให้เธอไม่ชอบฟังแต่ฉันก็ยังอยากเตือนเธออยู่ดี ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงเราถ้าคลอดลูกแล้วจะมีรอยแตกลายเยอะ หน้าอกหย่อนยานเหมือนกระเป๋าผ้าเลยนะ แล้วอย่างของเธอที่ใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะยิ่งหย่อนยานหนักกว่าเดิมอีก ส่ายไปส่ายมาอาจสะบัดไปถึงหลังเลยก็ได้นะ…”
“พอได้แล้วจ้าวเหมย สรุปเธอจะส่งสมุดบัญชีมาไหม?”
อู่เยวี่ยพูดตัดบทอย่างเย็นชา ขณะที่เหมยเหมยพูดไปก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการตามไปด้วย
[1] ปัจจุบันหมายความถึง ผู้ฟังควรน้อมรับความเห็นหรือการตำหนิติเตียนของผู้อื่น
………………………………………………………………………
ตอนที่ 1907 ของจริงของปลอม
ผู้หญิงหน้าอกหย่อนคล้อยเหมือนถุงผ้าที่เหมยเหมยพูดถึง เธอรู้ดี
เมื่อก่อนตอนอยู่อีจงมีแม่บ้านคนหนึ่ง ไม่มีการศึกษาแต่กลับมีลูกถึงห้าคน หน้าอกของผู้หญิงคนนี้เป็นเช่นนั้น หย่อนยานไปจนถึงท้องน้อย เธอเห็นกับตาตัวเองเลยว่าผู้หญิงคนนี้สามารถสะบัดหน้าอกไปถึงหลังได้…
อู่เยวี่ยพลันตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่กล้าจินตนาการอีกต่อไป
เธอจะกลายเป็นผู้หญิงต่ำทรามแบบนั้นได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
แต่ความกลัวในใจของอู่เยวี่ยมีมากขึ้นจึงก้มหน้าลงสำรวจหน้าอกของตัวเอง เพราะเธอไม่ชอบที่ของตัวเองเล็กเกินไป ดังนั้นตอนศัลกรรมจึงตั้งใจเพิ่มขนาดหน้าอกให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะมันทำให้เธอดูเซ็กซี่มากขึ้นและดูน่าค้นหาไม่น้อย
หาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาลสักหน่อยแล้วกัน ถ้าหากเป็นไปได้เปลี่ยนซิลิโคนข้างในให้เล็กลงกว่าเดิมหน่อย ตั้งแต่ตั้งท้องหน้าอกของเธอก็ขยายใหญ่ขึ้นเหมือนหมั่นโถว จากเดิมเป็นขนาดที่พอดีแล้วแต่ตอนนี้กลับดูใหญ่เกินไป มีผลกระทบต่อความสมดุลของร่างกายอย่างมาก
เหมยเหมยรับรู้ถึงความกลัวและความกังวลใจจากอู่เยวี่ยที่อยู่ปลายสาย จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างได้ใจ
เธอรู้ธาตุแท้ของอู่เยวี่ยดีเสียยิ่งกว่าใคร ไม่รู้จักประมาณตนเหมือนดั่งดอกแดฟโฟดิล ยึดมั่นในความเป็นตัวเองสูง มักจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงสวยเพียงหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ และสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือกลายเป็นคนอัปลักษณ์
เธอพูดยาวเหยียดไปขนาดนั้นอู่เยวี่ยต้องจำฝังใจบ้างล่ะ ต่อให้ไม่มีผลอะไรแต่ทำให้เธอสะอิดสะเอียนได้บ้างก็ยังดี
“สมุดบัญชีฉันจะให้คนเอาไปส่งให้ อันที่จริงข้อแลกเปลี่ยนครั้งนี้ฉันเสียเปรียบไม่น้อยเลยนะ!” เหมยเหมยไม่ได้แหย่เธออีก เปลี่ยนประเด็นมาคุยเรื่องสมุดบัญชีด้วยท่าทีจริงจังมาก
อู่เยวี่ยตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าจู่ ๆจ้าวเหมยจะจริงจังขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ เธอจึงเกิดความคลางแคลงใจ
“จ้าวเหมย เธอคงจะไม่เก็บของจริงไว้หรอกนะ?”
“โอหยางซานซานเธอนี่มันเอาใจคนชั้นต่ำมาวัดท้องสุภาพบุรุษ[1] ในเมื่อเธอไม่เชื่อใจฉัน ก็ยกเลิกข้อตกลงนี้ไปเลยสิ สมุดบัญชีนี้ไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา”
“ฉันอยากได้สมุดบัญชีอยู่แล้วแต่ฉันไม่เชื่อใจเธอต่างหากจ้าวเหมย ฉันจะให้คนมาตรวจสอบสมุดบัญชีว่าเป็นของจริงหรือของปลอม” อู่เยวี่ยพูดขึ้น
“ได้สิ เธอเชิญคนมาตรวจสอบได้เลย ตรวจสอบเสร็จแล้วบอกฉันด้วยนะ เออใช่ ช่วงบ่ายไม่ต้องไล่จิกฉันล่ะ ฉันจะนอนเพื่อความงาม”
เหมยเหมยตัดสายโทรศัพท์ ฮึมฮัมอย่างได้ใจ
อู่เยวี่ยนี่ก็ช่างคิดว่าตัวเองฉลาดเสียจริง เหยียนหมิงซุ่นตั้งใจจะกำจัดหนิงเฉินเซวียนทิ้ง แล้วเขาจะปล่อยให้เห็นจุดน่าสงสัยได้เหรอ?
แต่ถึงอย่างไรหลุมพรางนี้ ต่อให้อู่เยวี่ยไม่อยากกระโดดก็ต้องกระโดดอยู่ดี ช่วยไม่ได้นะ!
อู่เยวี่ยเองก็เข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดีแต่เธอไม่มีทางเลือก ไม่มีอำนาจต่อรองแต่อย่างใด
เธอได้เชิญเจ้าหน้าที่การเงินของมูลนิธิมาตรวจสอบสมุดบัญชีที่เหมยเหมยเอามาให้โดยเฉพาะ เหมยเหมยท่าทีแน่นิ่ง ไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะถูกจับได้ เหยียนหมิงซุ่นบอกเธอแล้วว่าสมุดบัญชีสมบูรณ์ไร้ที่ติ ไม่มีปัญหาอะไรเลย
มูลนิธิก่อตั้งขึ้นมาเป็นระยะเวลาสิบกว่าปีจึงมีพนักงานผลัดเปลี่ยนกันเป็นรุ่น ๆ สมุดบัญชีจึงปลอมแปลงได้อย่างง่ายดาย พนักงานบัญชีเซ็ทนี้เพิ่งเข้ามาใหม่จึงไม่รู้สถานการณ์ของมูลนิธิอย่างแน่ชัด
อีกทั้งลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็มีความสามารถในการปลอมแปลงเอกสารอย่างดีเยี่ยม ปลอมแปลงสมุดบัญชีได้เหมือนของจริงทุกประการ เกรงว่าแม้แต่คนที่ทำบัญชีเองยังยากที่จะแยกแยะระหว่างของจริงและของปลอมได้เลย
คงไม่ต้องเอ่ยถึงนักบัญชีที่เพิ่งมาใหม่หรอก สีหน้าของเธอมีแต่ความลังเลและไม่สบายใจ
ดูเหมือนจะเป็นของจริง เพราะแม้แต่มุมกระดาษที่ถูกพับไว้ยังเหมือนกันทุกอย่าง เธอเคยเห็นสมุดบัญชีตัวจริงมาก่อนซึ่งเหมือนแบบนี้ทุกประการและลายมือก็คล้ายกันมาก จุดที่ถูกแก้ไขก็เหมือนกันเป๊ะ
อู่เยวี่ยได้รับคำยืนยันจากลูกน้องก็โล่งใจ ขอแค่สมุดบัญชีตัวจริงอยู่ในมือก็พอแล้ว
“คุณชายหมิงคงไม่ได้คัดลอกเก็บไว้หรอกใช่ไหม?” อู่เยวี่ยถามหยั่งเชิงด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
…………………………………………………………………………….
[1] ใช้ความคิดเห็นที่เลวทรามดั่งพวกชั้นต่ำไปคาดเดาบุคคลที่มีคุณธรรมสูงส่ง