ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1914 ไม่สนใจแล้ว + ตอนที่ 1915 ให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่า
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1914 ไม่สนใจแล้ว + ตอนที่ 1915 ให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่า
ตอนที่ 1914 ไม่สนใจแล้ว
“งั้นทำไมเธอถึงไม่กรีดข้อมือล่ะ? ซื้อมีดปอกผลไม้สักเล่มแล้วกรีดที่ข้อมือมันง่ายกว่าเธอมากระโดดตึกเยอะเลยนะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆก็ผูกคอฆ่าตัวตายจะได้จบ ๆไป สวีจื่อเซวียนเธอจงใจข่มขู่ให้ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับเธอไม่ใช่หรือไง?”
เหมยเหมยชี้ไปที่เจียงจื้อหรู่แล้วตะโกนพูดเสียงดัง ลิ้นแข็งไปหมด พร้อมกับความอดทนที่หายไปเพราะความหนาวเช่นกัน
หากสวีจื่อเซวียนคิดจะตายจริงคงรีบกระโดดลงไปให้มันจบ ๆแล้ว แต่นี่ดันทำให้เธอต้องมาทนหนาวตัวสั่นแบบนี้อีก!
คุณนายเจียงสายตาเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยกับสวีจื่อเซวียนเสียงนิ่ง “คุณสวี ฉันกับเจียงจื้อหรู่จะจัดงานแต่งงานขึ้นในวันคริสต์มาส หวังว่าตอนนั้นคุณจะมาร่วมงานด้วยนะ!”
คิดจะใช้การกระโดดตึกข่มขู่เธอหรือ?
เหอะ ดูถูกเธอเกินไปแล้ว!
แน่จริงก็กระโดดลงไปสิ อย่างมากเธอก็ช่วยบริจาคค่าหลุมศพให้!
เจียงจื้อหรู่หันมองมาทางคุณนายเจียงอย่างไม่พอใจ เวลานี้ทำไมต้องพูดจาแทงใจจื่อเซวียนอีก?
คุณนายเจียงปรายตามองเขาอย่างเย็นชาไร้ซึ่งความนอบน้อมตามใจเหมือนอย่างเคยแต่กลับดูเย็นชาขึ้นกว่าเดิม เจียงจื้อหรู่ไม่ชินกับคุณนายเจียงในอิริยาบถนี้อย่างมาก ต่อหน้าผู้หญิงที่หน้าตาไม่งดงามคนนี้เขามีแต่ความได้ใจ แต่ตอนนี้–
เขาเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว
“บริษัทฉันยังมีลูกค้าสำคัญรอฉันอยู่ ขอไม่อยู่เสียเวลาตรงนี้แล้วกัน ขอตัวก่อน” คุณนายเจียงเอ่ยเสียงเรียบแล้วหมุนตัวเดินลงบันไดไป
เมื่อครู่เองที่อยู่ ๆเธอก็คิดได้
พ่อแม่พี่น้องหรือญาติคนสนิทล้วนด่าเธอโน้มน้าวเธอแต่เธอก็ยังยึดติดอยู่กับเจียงจื้อหรู่จนถอนตัวไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอหลุดพ้นแล้ว
ผู้ชายอย่างเจียงจื้อหรู่ไม่ว่าจะเรื่องพื้นหลังครอบครัว ความสามารถหรือนิสัยใจคอล้วนสู้เธอไม่ได้สักอย่าง แม้แต่ข้อดีเพียงข้อเดียวที่เคยมีอย่างเรื่องหน้าตา ตอนนี้กลับดูโทรมจนไม่เหลือเค้าเดิมและไร้ซึ่งความดูดีสง่างามอย่างที่เคยเป็น กลับกันตอนนี้ดูหน้าตาโรคจิตขึ้นเล็กน้อยจนทำเอาเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนใจไปพักใหญ่ ๆ
หรือว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอตาบอดไปจริง ๆ?
คุณนายเจียงส่ายหน้าแล้วเดินลงไปอย่างแน่วแน่ เสียงร้องเท้าส้นสูงค่อย ๆหายไป
เจียงจื้อหรู่ใจร้อนรน เขารู้สึกว่าตัวเองได้สูญเสียบางอย่างไปแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเยอะเพราะเรื่องสวีจื่อเซวียนนั้นรีบร้อนกว่า
ในฐานะผู้หญิงเหมือนกันอย่างเหมยเหมยก็พอจะดูออกว่าคุณนายเจียงได้สติแล้วจึงรู้สึกยินดีด้วย เห็นทีชีวิตอนาคตของเจียงจื้อหรู่จะไม่ได้สบายเหมือนเดิมแล้วละนะ!
จู่ ๆเธอก็เริ่มหมดอารมณ์พลางคิดว่าตัวเองยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนแม่พระเข้าไปทุกที สวีจื่อเซวียนอยากตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอกัน!
“เราก็ไปกันเถอะ ชีวิตเป็นของเธอ แม้แต่เธอยังไม่คิดจะรักษาไว้เราก็จนปัญญาแล้ว ไป ๆ ฉันจะหนาวตายอยู่แล้ว ไปทานหม้อไฟกัน!”
เหมยเหมยกระทืบเท้าปึงปังแล้วชิงเดินลงบันไดไปก่อนหนึ่งก้าว อีกประเดี๋ยวจะขอสั่งน้ำซุปต้มกระดูกร้อน ๆสักหม้อแล้วให้เจ้าของร้านต้มหน่อไม้แห้งกับฟองเต้าหู้เยอะ ๆรสชาติสดใหม่หอมหวาน ทานแล้วไม่อ้วนด้วย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมองหน้ากัน ทำไมอยู่ ๆสถานการณ์ถึงพลิกแบบนี้ไปได้ล่ะ?
เมื่อกี้ยังกังวลแทบตายไม่ใช่หรือไง?
“ไปสิ พวกเธอไม่หนาวเหรอ?” เหมยเหมยมาเร่ง
ทั้งสองคนรีบย่นคอ ทำไมจะไม่หนาวล่ะ นี่หนาวแทบตายอยู่แล้ว พวกเธอมองสวีจื่อเซวียนที่ยังนั่งเหม่ออยู่บนพื้นแวบหนึ่งและเจียงจื้อหรู่ที่แอบเขยิบเข้าไปหา ส่วนทางฝั่งเหมยเหมยก็เร่งเร้าอีกครั้งจนทั้งคู่ตัดสินใจเดินตามลงไปอย่างแน่วแน่เมื่อนึกถึงหม้อไฟน้ำซุปรสชาติดีและร้อนระอุ
เหมยเหมยพูดถูก แม้แต่ตัวเองยังไม่คิดจะมีชีวิตต่อไปคนนอกอย่างพวกเธอจะทำอะไรได้?
ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีที่สุดสิถึงจะถูก!
พอมาถึงชั้นสามก็เจอเจ้าหน้าที่ฝ่ายดับเพลิงที่กำลังขึ้นมาอย่างเร่งรีบ พวกเหมยเหมยทักทายพวกเขาครู่หนึ่งแล้วอธิบายเหตุการณ์ไปคร่าว ๆก่อนจะเดินลงไปต่อ
เพราะทานหม้อไฟสำคัญกว่า!
พื้นที่ลานว่างใต้หอสมุดถูกปูด้วยฟูกหนาไว้เสร็จสรรพ คุณนายเจียงไม่ได้กลับไปทันทีแต่เลือกจะแหงนหน้ามองขึ้นมาชั้นบนด้วยสายตาเรียบเฉย พอเห็นพวกเหมยเหมยก็ยิ้มผงกศีรษะให้เล็กน้อย
“กรี๊ด…”
มีนักศึกษาหญิงขี้กลัวคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมา ที่แท้ก็เพราะเจียงจื้อหรู่กอดสวีจื่อเซวียนไว้ แต่สวีจื่อเซวียนดิ้นตะเกียกตะกายไม่หยุด ทั้งคู่ที่กระชากกันไปยื้อกันมาทำเอาคนมองรู้สึกปวดหนึบที่ใจไปหมด!
………………………..
ตอนที่ 1915 ให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่า
ในที่สุด–
ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เมื่อทั้งสองคนซัดกันไปซัดกันมาจนเผลอลื่นแล้วร่วงตกลงไปด้วยวิธีการตกแบบอิสระ[1]
คนหนึ่งนำหน้า อีกคนหนึ่งตามหลัง
สวีจื่อเซวียนอยู่ล่างเจียงจื้อหรู่อยู่บน ซึ่งต่อให้อยู่กลางอากาศทั้งคู่ก็ไม่แยกจากกันบ่งบอกว่าเป็นรักแท้ของจริง แต่เสียดายที่ไม่มีเงิน ต่อให้รักมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
คุณนายเจียงหรี่ตาลงมือกำหมัดแน่นแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นกัน
“ตุบ…”
แรงโน้มถ่วงของตึกเจ็ดชั้นไม่เบาจริง ๆ ทั้งคู่ร่วงตกบนฟูกตามกันติด ๆจนเกิดเสียงดังสนั่นและหิมะกระจัดกระจายท่ามกลางอากาศ ทีมดับเพลิงที่เฝ้ารออยู่ก่อนแล้วรีบใช้ผ้านวมห่อตัวสองคนที่หมดสติไปและรถพยาบาลก็มาถึงพอดี
“ไปกันเถอะ ไม่ตายแน่ ๆล่ะ เราไปทานหม้อไฟกัน!” เหมยเหมยเร่ง มีฟูกรองอยู่อย่างมากก็แค่กระดูกหักบ้างอะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแน่นอน
รักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งแล้ว!
คุณนายเจียงก้มหน้าแล้วยิ้มให้พวกเหมยเหมย “ให้พวกเธอเห็นเรื่องตลกเข้าแล้ว”
เหมยเหมยยิ้มแห้งหลายทีนึกในใจว่าประโยคนี้ต่อยากเสียจริงเธอจึงเลือกจะเปลี่ยนประเด็นโดยยิ้มกล่าว “ยินดีกับคุณนายเจียงด้วย ขอให้รักกับอาจารย์เจียงไปนาน ๆนะคะ”
คุณนายเจียงยิ้มเย้ยตัวเองทีหนึ่งแล้วตอบเสียงเบา “ขอบคุณนะ!”
เธอหันหลังเดินไปยังรถที่จอดทิ้งไว้เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ดูปล่อยวางแต่ที่มากกว่านั้นคือความเศร้าโศก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามเสียงเบา “อาจารย์เจียงกับอาจารย์แม่กลับมาคืนดีกันแล้วจริงเหรอ?”
“อืม จัดงานแต่งงานวันคริสต์มาสอย่างใหญ่โตเลยล่ะ ถึงตอนนั้นเธอไปทานของฟรีได้อีกมื้อเลยนะ” เหมยเหมยกระทืบเท้าเอามือล้วงกระเป๋าก้มหน้าเดินไปยังถนนซอยหลังมหาวิทยาลัย เวลานี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดก็คือซดน้ำซุปร้อน ๆสักคำให้ความอุ่นแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจกล่าว “หรือว่าสวีจื่อเซวียนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายจริง ๆ เหอะ ผู้หญิงคนนี้โง่จริง ๆ ผู้หญิงอย่างอาจารย์แม่ต้องใจกว้างแน่ ๆถึงเอาเงินก้อนหนึ่งให้ไปเสวยสุขที่ต่างประเทศ แบบนี้ดีจะตายไป ทำไมต้องมายึดติดกับอาจารย์เจียงคนเดียวด้วยนะ!”
“โง่เองโทษใครได้? ฉะนั้นวันหน้าถ้าพวกเธอมีลูกสาวก็ต้องอบรมสั่นสอนพวกเธอดี ๆอย่าไปโง่ผูกตัวเองอยู่กับผู้ชายคนเดียว จะว่าไปแล้วผู้ชายไม่น่าพึ่งพาเท่ากับเงินหรอก และไม่ซื่อสัตย์ภักดีเท่าเงินด้วย”
เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะพูดสอนแต่เธอก็เอ่ยเสริมไปอีกประโยค “แน่นอนว่ายกเว้นพี่หมิงซุ่นของฉัน เขาเก่งกว่าเงินหลายร้อยล้านเท่า!”
ก่อนจะโดนสายตาสองคู่มองบนใส่!
“เธอเก็บไว้สอนลูกสาวตัวเองเถอะ ฉันกับฉีฉีเก๋อจะต้องมีลูกชายแน่ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างมีความสุข
“เธอให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเหรอ!” เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ หากแม่หนูคนนี้กล้าพยักหน้ารับละก็เธอจะต้องเคาะศีรษะเรียกสติอีกฝ่ายให้ได้
“ไม่นี่ เธอดูสิฉันกับฉีฉีเก๋อหน้าตาไม่สวยกันทั้งคู่ ถ้ามีลูกชายอย่างน้อยก็มีส่วนสูงแต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคงคิดหนัก ไม่เหมือนเธอที่หน้าตาสวยไม่ว่าจะมีลูกเพศไหนก็ดูดีทั้งนั้น” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดประโยคหนึ่งฉีฉีเก๋อก็พยักหน้ารับประโยคหนึ่งอย่างเห็นด้วย
เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกันเนี่ย?
เรื่องราวกระโดดตึกฆ่าตัวตายอันน่าสะเทือนใจของสวีจื่อเซวียนก็จบลงอย่างงงงวยเช่นนี้
ได้ข่าวว่าอาการไม่สาหัสกันทั้งคู่ เจียงจื้อหรู่ออกจากโรงพยาบาลภายในวันนั้นโดยมีกระดูกช่วงแขนแตกร้าวนิดหน่อยเลยต้องใส่เฝือกข้างหนึ่งไว้ ส่วนสวีจื่อเซวียนจะอาการหนักกว่าเล็กน้อยโดยแขนหักไปหนึ่งข้าง แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือขาทั้งสองข้างของเธอบาดเจ็บเพราะอากาศที่หนาวจัด ถึงแม้จะไม่ต้องตัดขาทิ้งแต่เรียวขาสวยในอดีตก็เปลี่ยนรูปไปแล้ว หนำซ้ำยังจะเกิดอาการแทรกซ้อนตามมาภายหลังอีกด้วย
เหมยเหมยฟังมาจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเธอกับฉีฉีเก๋อได้ไปเยี่ยมเยียนสวีจื่อเซวียนที่โรงพยาบาลถึงได้กลับมาเล่าให้เธอฟัง
“ใครดูแลเธอที่โรงพยาบาลเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“อาจารย์เจียงจ้างพยาบาลคนหนึ่งมา แต่ฉันคิดว่าสวีจื่อเซวียนน่าจะคิดได้แล้ว คงไม่คิดสั้นอีกแล้วละ”
“แล้วแต่เธอเลย อยากตายก็เชิญ!”
เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชาประโยคหนึ่งก่อนจะเลิกถามเรื่องสวีจื่อเซวียน ไม่นานวันคริสต์มาสก็มาถึง เหล่านักศึกษาวัยหนุ่มสาวดีใจตื่นเต้นกันอย่างมากพลางจัดตกแต่งมหาวิทยาลัยกันอย่างร่าเริงเพื่อต้อนรับการมาถึงของวันคริสต์มาส
………………………..
[1] การตกแบบอิสระ (free fall) ศัพท์เฉพาะทางวิศวกรรมที่หมายถึงการตกของวัตถุในแนวดิ่งจากแรงโน้มถ่วงของโลก