ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 1998 ไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่า + ตอนที่ 1999 เด็กแข็งแรงดี
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 1998 ไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่า + ตอนที่ 1999 เด็กแข็งแรงดี
ตอนที่ 1998 ไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่า
ความขัดแย้งระหว่างเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อที่มีต้นชนวนมาจากเรื่องผู้หญิง ดูท่าเหมือนจะเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นายใหญ่จึงเรียกทั้งคู่ไปด่ายกหนึ่งก่อนที่ไฟความขัดแย้งนี้จะดับมอดลง
ชาวเมืองหลวงที่รอดูเรื่องสนุก ๆ นึกเสียดายเพราะไม่มีละครฉากใหญ่ให้ดูอีกแล้ว!
ความจริงทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าจากสถานการณ์ของเฮ่อเหลียนเช่อ เกรงว่าต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุใด ๆก็คงไม่มีลูกเป็นคนปกติได้หรอก!
เหยียนหมิงซุ่นเองก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเฮ่อเหลียนเช่ออีก เสี่ยวกัวมาหาเขาแล้ว เหยียนหมิงซุ่นให้เขาไปตามเก็บรวบรวมรูปถ่ายในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาของเฉินซาน ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายดายเลย
เฉินซานเป็นคนเก็บตัวและน้อยนักที่จะทิ้งรูปถ่ายไว้ข้างนอกจึงทำให้เสียเวลากับงานนี้ไปมากทีเดียว อีกทั้งนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้สั่งให้เสี่ยวกัวไปทำ
“เกือบจะอยู่นี่หมดแล้ว ทำเอาฉันเหนื่อยแทบแย่”
เสี่ยวกัวโยนรูปถ่ายหนึ่งปึกราว ๆยี่สิบกว่ารูปไปบนโต๊ะทำงานของเหยียนหมิงซุ่น
เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอย่างละเอียดทีละรูป เสี่ยวกัวเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่แล้ว รูปถ่ายพวกนี้ส่วนมากเป็นรูปช่วงวัยหนุ่มของเฉินซานซึ่งตอนนั้นเฉินซานยังไม่มีฐานะมั่งคั่ง และไม่ได้ถือตัวเหมือนตอนนี้ฉะนั้นทำให้มีรูปถ่ายค่อนข้างมาก
เฉินซานในรูปผอมมากจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกซึ่งดูต่างไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังแตกต่างไปจากช่วงวัยเยาว์ของเขาอีกด้วย
เสี่ยวกัวเจอรูปถ่ายใบหนึ่งที่เฉินซานเพิ่งมาอยู่เมืองหลวงใหม่ ๆ อายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี หน้าตาใสซื่อยืนยิ้มเหนียมอายอยู่บนท้องถนน
ดูแล้วก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่รูปร่างไม่ผอมไม่อ้วน ใบหน้ามีความบริสุทธิ์ใสซื่อถึงขั้นไม่กล้ามองกล้องตรง ๆ
“ฉันตามสืบดูแล้ว เมื่อสามสิบปีก่อนเฉินซานเคยไปชายแดนเหมียวเจียงและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยครึ่งปีกว่า แล้วก็ปรากฏตัวอย่างน่าสงสัย หลังจากนั้นมาจู่ ๆก็ซูบผอมลง”
เสี่ยวกัวทำหน้าตื่นเต้นแล้วแสดงความคิดเห็นที่เป็นเพียงการคาดเดาของเขา “ฉันมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเฉินซานก็คือไอ้ชั่วที่ทำพิษกู่ใส่เรา”
เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยตาเรียบเฉยแวบหนึ่ง “คนที่โดนพิษคือคุณ ไม่ใช่ผม”
เสี่ยวกัว ‘…เจ้างั่ง คิดว่าฉันโง่เหรอ?’
“ใช่ คนโดนพิษคือผมเอง คุณไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ!” เสี่ยวกัวเอ่ยหน้ายิ้มฝืดเคือง
เจ้าหมอนี่เป็นงูประจำถิ่น เขาจะมีเรื่องด้วยไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นวางรูปไว้บนโต๊ะแล้วกล่าว “ผมจะมอบอีกภารกิจหนึ่งให้คุณ ไปตามจับเฉินซานกลับมาจากอเมริกา”
เสี่ยวกัวสีหน้าเปลี่ยนไป อะไรนะ กว่าจะกลับมาได้ยังไม่ทันจู๋จี๋กับภรรยาก็ต้องถูกส่งตัวไปอีกแล้ว
นี่จะทำบ้าอะไร?
“คุณมีลูกน้องตั้งเยอะ ทำไมยังจะให้ผมไปอีก?” เสี่ยวกัวคัดค้านอย่างหนัก
“พวกเขาไม่ได้โดนพิษกู่และตระกูลไม่ได้ขาดคนสืบทอดสักหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบเพราะจับจุดอ่อนของเขาไว้ได้
ไฟโทสะของเสี่ยวกัวดับมอดลงทันทีพลางเบิกตากว้างด้วยความเครียดขึ้นมา
ให้ตายเถะ อยากบอกเขาประโยคหนึ่งว่า ‘ฉันไม่เอาลูกชายแล้ว!’
แต่–
“ไปเมื่อไร?” เสี่ยวกัวถามเสียงอ่อน
มังกรแกร่งยากจะเอาชนะงูประจำถิ่นได้ อีกอย่างแม้เขาจะไม่ได้ยึดติดกับลูกชายนักแต่หากเขาไม่มีลูกชาย แม่ของเขาคงไม่ยอมจบง่าย ๆแน่!
“ไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้!”
เสี่ยวกัวเบิกตากว้าง “อย่างน้อยก็ต้องให้ฉันอยู่กับภรรยาหลายวันหน่อยสิ…ก็ได้ ๆ จะไปตอนนี้เลย กลัวคุณแล้วจริงๆ…”
พอเห็นสีหน้าเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่นเสี่ยวกัวก็รู้สึกกดดันจนไม่กล้าพูดขัดขืนใด ๆ ยอมไปซื้อตั๋วเครื่องบินแต่โดยดี
เพื่อลูกชายเขาทุ่มหมดหน้าตักแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอีกครู่หนึ่งด้วยใจที่หนักอึ้ง
เฉินซานเอ๋ยเฉินซาน หวังว่าคุณจะมีเหตุผลดี ๆสักเหตุผลนะ
ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าแล้วกัน!
…………………….
ตอนที่ 1999 เด็กแข็งแรงดี
พอเหยียนหมิงซุ่นได้ยินลูกน้องรายงานว่าเสี่ยวกัวเอาภรรยาไปประเทศอเมริกาด้วยก็หลุดขำอย่างอดไม่ได้
ดีที่เรื่องนี้เขาไม่รีบร้อนนัก แม้คราวก่อนเหมยเหมยจะเคยเอ่ยถึงแต่พอฟังคำโน้มน้าวของเขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีก คงน่าจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ในเมื่อเช่นนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีก รออู่เยวี่ยคลอดลูกก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าและเริ่มใกล้วันคลอดของอู่เยวี่ยเข้ามาเรื่อย ๆ
วันกำหนดคลอดของอู่เยวี่ยน่าจะอยู่กลางเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เพียงเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้นที่ให้ความสนใจเด็กคนนี้ คนที่เป็นห่วงยิ่งกว่าคือหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ
“ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนดได้? พวกแกทำงานกันอย่างไร?”
หนิงเฉินเซวียนฟังจากคำรายงานของลูกน้องว่า จู่ ๆเช้าวันนี้อู่เยวี่ยก็น้ำคร่ำแตกใกล้คลอดแล้ว
แต่นี่เพิ่งจะกลางเดือนพฤษภาคมเอง ห่างจากวันกำหนดคลอดอีกตั้งหนึ่งเดือน หนิงเฉินเซวียนได้ยินดังนั้นจึงบันดาลโทสะแทบจะสั่งฆ่าคุณหมอประจำตัวของอู่เยวี่ยทั้งสองคนทันที
คุณหมอเกาสะดุ้งกลัวจนเหงื่อไหลไม่หยุด ดึงดันหาข้ออ้างให้ตัวเองว่า “ครรภ์ครั้งนี้ของคุณนายอาการไม่ค่อยคงที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเป็นไข้หวัดจากงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคราวก่อนที่ไม่มีท่าทีจะหายขาดสักที บวกกับสองเดือนก่อนที่สะเทือนอารมณ์จนมีวี่แววว่าจะคลอดก่อนกำหนดอยู่หลายครั้ง เรื่องนี้ผมได้รายงานกับคุณชายเช่อไปแล้ว”
ในเวลานี้คุณหมอตู้แค่อยากเอาตัวรอดให้ได้ย่อมไม่มีทางคัดค้านคำพูดของคุณหมอเกาอยู่แล้ว
ต่อให้เขาจะมีข้อสงสัยมากมายว่าทำไมอยู่ดี ๆถึงน้ำคร่ำแตกได้ล่ะ?
เพราะตอนที่เขาตรวจเช็กอาการให้อู่เยวี่ยตามปกติเมื่อสองวันก่อนไม่เห็นวี่แววว่าจะคลอดก่อนกำหนดเลย แต่ครั้งนี้กลับเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป
หนิงเฉินเซวียนคงฆ่าคุณหมอสองคนนี้ไม่ได้จริง ๆ เมื่อกี้แค่พูดตามอารมณ์เท่านั้น
“ถ้ามีอุบัติเหตุอะไรก็เลือกรักษาเด็กไว้ก่อน!”
หนิงเฉินเซวียนสีหน้าเย็นชาและสายตาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
“ครับ!” คุณหมอเกากับคุณหมอตู้สะท้านเฮือกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แอบรู้สึกโชคดีที่ผ่านพ้นมาได้
อู่เยวี่ยไม่ได้ทำการคลอดที่โรงพยาบาลเพราะในคฤหาสน์ตระกูลหนิงมีอุปกรณ์แพทย์อยู่อย่างครบครัน ไหนจะมีคุณหมอมากฝีมือสองคนคอยดูแลจึงสะดวกยิ่งกว่าอยู่โรงพยาบาลเสียอีก
คุณหมอเกาแนะนำให้อู่เยวี่ยผ่าคลอดเพราะสภาพร่างกายของเธอไม่สู้ดีนัก อาจจะทำให้หมดแรงตอนเบ่งคลอดได้
“ไม่ ฉันจะคลอดธรรมชาติ!”
อู่เยวี่ยปฏิเสธเสียงแข็งกร้าว เธอไม่อยากทิ้งรอยแผลเป็นจากมีดหมอไว้บนหน้าท้องเพราะมันน่าเกลียดเกินไป
………
หลังทุกข์ทรมานมาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดอู่เยวี่ยก็ได้ให้กำเนิดชีวิตทายาทผู้สืบทอดตระกูลหนิงก่อนที่ฟ้าจะรุ่งสาง
“นายท่าน เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเลย” คุณหมอเกาอุ้มเด็กที่เปื้อนเลือดมาให้หนิงเฉินเซวียนดู ซึ่งด้านข้างมีเฮ่อเหลียนเช่อที่เฝ้ารอคอยอยู่อีกคนเช่นกัน
หากนับจากสายเลือดเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นน้องชายแท้ ๆของเขา
หนิงเฉินเซวียนรับเด็กมาไว้ในอ้อมแขนอย่างดีใจ เด็กหน้าตาน่ารักกว่าเด็กทั่วไปไม่ได้หน้ายับยู่ยี่เหมือนตาแก่ตัวน้อยอย่างเด็กที่เพิ่งคลอดทั่ว ๆไป แม้เด็กคนนี้จะน้ำหนักค่อนไปทางเบาแต่ผิวหน้าเรียบเนียนไร้รอยย่น
ผิวขาวใส ดวงตากลมโต จมูกโด่ง แล้วก็ผมสีดำขลับ…
แม้จะตัวโตกว่าสุนัขตัวน้อยไม่เท่าไรแต่ใครเห็นเด็กคนนี้ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
น่ารักมากจริง ๆ!
ราวกับเทวดาตัวน้อยที่ตกมาจากสรวงสวรรค์ ใครเห็นก็ต้องใจอ่อนไม่อาจทำร้ายเขาได้ลงคอ!
“ทำไมเด็กไม่ร้องไห้ล่ะ?”
หลังจากหนิงเฉินเซวียนดีใจจนอิ่มเอมแล้วก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เด็กในอ้อมแขนเขาเงียบเชียบไม่เหมือนเด็กที่เพิ่งคลอด เด็กทั่วไปเวลาคลอดออกมาต้องร้องไห้เสียงใสกังวานกันไม่ใช่หรือ?
แต่เด็กนี่กลับไม่ปริเสียงสักนิด แค่ลืมตามองเงียบ ๆราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
วันที่สองเหมยเหมยก็รู้ข่าวเรื่องที่อู่เยวี่ยคลอดลูก อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง อีกอย่าง–
เด็กหน้าตาน่ารักไม่เหมือนผู้ชายคนนี้แข็งแรงสมบูรณ์ดีเสียด้วย!
นี่ต่างหากคือเรื่องที่เหนือความคาดหมาย!
……………………..