ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น - บทที่ 2307 ซื้อเกี๊ยวกลางดึก + ตอนที่ 2308 ฉันกับเธอไม่สนิทกัน
- Home
- ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น
- บทที่ 2307 ซื้อเกี๊ยวกลางดึก + ตอนที่ 2308 ฉันกับเธอไม่สนิทกัน
ตอนที่ 2307 ซื้อเกี๊ยวกลางดึก
เหยียนหมิงซุ่นขับรถยี่สิบกว่านาทีถึงจะมาถึงตลาดฝั่งตะวันออก แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นแล้วแต่ตลาดตะวันออกยังสว่างโร่บรรยากาศครื้นเครง ร้านแผงลอยขายปิ้งย่างเอยของทานเล่นเอยยิ่งขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ในตลาดล้วนแต่เป็นเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวย้อมผมทองแต่งตัวแบรนด์ปลอม หยอกเอินกันคิกคัก ดื่มเบียร์ ทานปิ้งย่างในวันอากาศหนาวเหน็บที่พ่นคำหยาบออกมาเป็นระยะ ๆและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดี
รถยนต์ของเหยียนหมิงซุ่นดูไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมบนท้องถนนสายนี้อยู่บ้างเพราะตลาดตะวันออกเป็นชาวบ้านปุถุชนธรรมดาที่ส่วนมากปั่นจักรยานยุคเก้าศูนย์ แม้แต่จักรยานยนต์ยังมีไม่มากเท่าไรเลย
“ไม่ทราบว่า…ร้านเกี๊ยวป้าหวังอยู่ทางไหนเหรอครับ?”
เหยียนหมิงซุ่นไล่ถามจากลูกค้าที่นั่งทานปิ้งย่างจนเกือบหมดตลาดก็ยังไม่เจอร้านเกี๊ยวป้าหวังที่เหมยเหมยพูดถึงเลย เขาถึงขั้นสงสัยว่าเหมยเหมยจำผิดหรือเปล่า ในเมื่อร้านเกี๊ยวนี้มีชื่อเสียงถึงเพียงนั้นทำไมถึงได้หายากหาเย็นขนาดนี้ล่ะ?
ท้องทีก็โง่ไปสามปีประโยคนี้คงไม่น่าผิดแน่ เขาสังเกตเห็นว่าระดับสติปัญญาของภรรยาตนลดฮวบลงตั้งแต่ตั้งครรภ์อย่างเห็นได้ชัด เดิมทีก็ไม่สูงมากอยู่แล้ว ตอนนี้น่าจะติดลบไปแล้วละมั้ง!
เขาถามเองดีกว่า!
“เข้าไปในซอยนี้จนสุดซอย รถของคุณขับเข้าไปไม่ได้หรอก ต้องจอดข้างนอก เราจะช่วยดูให้เอง” กลุ่มวัยรุ่นผมทองกลุ่มหนึ่งพูดอย่างกระตือรือร้นพลางมองไปที่รถยนต์ของเหยียนหมิงซุ่นอย่างชื่นชม
“ขอบคุณนะ…”
พอเหยียนหมิงซุ่นจอดรถชิดริมถนนดีแล้วก็กระชับคอเสื้อเดินเข้าไปในซอย เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีสาวคนหนึ่งในร้านปิ้งย่างจดจ้องมองตัวเขาอยู่ตั้งแต่ต้นด้วยสายตาดีใจ
“ฉันไปซื้อเกี๊ยวสักหน่อย พวกเธอจะเอาไหม?” สาววัยรุ่นคนนั้นลุกพรวด
“เอา…ฉันเอาเกี๊ยวไส้หัวผักกาดหมูสับ ราดน้ำส้มสายชูเยอะหน่อย” เพื่อนของเธอตะโกนบอก
สาววัยรุ่นรีบวิ่งตามไป เหยียนหมิงซุ่นเดินเร็วมากจนมองไม่เห็นเงาแล้ว แต่สาววัยรุ่นคนนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เดินตามไปด้วยจังหวะฝีเท้าสบาย ๆพร้อมสายตาเปื้อนยิ้ม
การออกมาทานมื้อดึกในวันนี้ต้องเป็นสวรรค์ลิขิตชะตาให้เธอได้พบเนื้อคู่ที่แท้จริงของเธอหลังจากเธอเคว้งคว้างมาหลายปีแล้วแน่นอน
ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็พบร้านเกี๊ยวป้าหวังในตำนานซึ่งไม่ได้หรูหราอะไร ภายนอกดูเหมือนชาวบ้านทั่วไปไม่มีแม้แต่ป้ายร้านด้วยซ้ำ มิน่าเขาหาอยู่นานก็หาไม่เจอ
แต่ภายในร้านกลับกว้างขวางไม่เบา ไอร้อนตลบอบอวล ลูกค้ามากมายล้วนแต่เป็นวัยหนุ่มสาวซึ่งคาดว่าน่าจะทำงานกะดึกกัน
“เถ้าแก่ เกี๊ยวไส้ขึ้นฉ่ายหมูสองที่แล้วก็ขอซื้อน้ำจิ้มพริกแยกอีกหนึ่งขวด ห่อกลับครับ” เหยียนหมิงซุ่นบอกเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านอายุราวสี่สิบกว่าปี รูปลักษณ์ภายนอกดูเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเช่นเดียวกับเถ้าแก่เนี้ยที่ดูก็รู้ว่าเป็นคนนิสัยใสซื่อไร้เดียงสา ดูแล้วน่าจะไว้ใจได้ไม่น้อย
“ได้เลย รอสักครู่นะ ต้องนึ่งตอนนี้”
เกี๊ยวหนึ่งที่มีสิบห้าชิ้น สองที่สามสิบชิ้น เถ้าแก่หยิบออกมาจากตู้เย็นสามสิบชิ้นแล้วยังแถมให้เพิ่มอีกสองชิ้น ไม่รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นอะไรไปจู่ ๆก็นึกอยากอาหารขึ้นมาเลยแก้คำพูดใหม่ว่า “รบกวนนึ่งเพิ่มอีกหนึ่งที่ ผมกลัวไม่พอทานครับ”
“ได้เลย…สามที่ เพิ่มให้พิเศษอีกห้าชิ้น”
เถ้าแก่เป็นคนคุยง่าย เขาหยิบเกี๊ยวถาดใหญ่ลงหม้อนึ่งพลางหัวเราะคิกคัก ส่วนเถ้าแก่เนี้ยไปเอาน้ำจิ้มพริกที่ทำสำเร็จรูปไว้แล้วมา เพราะน้ำจิ้มพริกของพวกเขาอร่อยมากเลยทำให้ลูกค้าประจำมากมายมาซื้อร้านเขาโดยเฉพาะ ฉะนั้นพวกเขาจึงมีน้ำจิ้มพริกขายแยกเป็นขวด
“เถ้าแก่…ฉันเอาเกี๊ยวไส้หัวผักกาดหมูหนึ่งที่ ไส้ผักกาดขาวหมูหนึ่งที่ ต้มหมดเลย ใส่น้ำส้มสายชูเยอะ ๆ ห่อกลับค่ะ” เสียงใสติดสำเนียงใต้ของหญิงสาวดังขึ้น
เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าตอบข้อความที่เหมยเหมยส่งมาสามฉบับรวดว่าเธอหิวจะตายอยู่แล้ว…
“เถ้าแก่เอาลงหม้อนึ่งแล้ว ใกล้จะเสร็จแล้ว เด็กดีนะ!” เหยียนหมิงซุ่นกดปุ่มส่งข้อความด้วยรอยยิ้ม และทำเป็นเพิกเฉยต่อหญิงสาวคนใหม่ที่เข้ามาในร้าน
หญิงสาวกัดปากล่างสายตาฉายแววน่าสงสาร เธอทั้งคนยืนอยู่ต่อหน้าแบบนี้จะไม่เห็นได้อย่างไร?
…………………..
ตอนที่ 2308 ฉันกับเธอไม่สนิทกัน
“พี่หมิงซุ่น…พี่ก็มาซื้อเกี๊ยวเหมือนกันเหรอ?” หญิงสาวทำหน้าดีใจเหมือนเจอกันโดยบังเอิญ
เหยียนหมิงซุ่นสะดุ้งเฮือกก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกพะอืดพะอมมวนท้องขึ้นมา
ชื่อของเขามีเพียงเหมยเหมยที่เรียกได้ ผู้หญิงคนอื่นไม่ว่าจะใครหากเรียกชื่อนี้แล้วล้วนแต่สร้างความรังเกียจแก่เขาและรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เขาปรายตามองหญิงสาวที่รนหาที่ตายด้วยสีหน้าเย็นชา “เธอคือใคร?”
หญิงสาวทำหน้าเจ็บปวดชั่ววูบแล้วชี้ที่ตัวเองพร้อมกล่าว “ฉันโม่เฉี่ยวหลิงไง อยู่หมู่บ้านโม่ พ่อของฉันชื่อโม่มู่เกิน เคยช่วย…”
“ที่เคยช่วยคุณตาฉันสินะ? แต่ตอนนั้นครอบครัวของเธอเอาเงินไปสองแสนหยวน อีกอย่างบ้านฉันก็เคยช่วยชีวิตคนในครอบครัวเธอไว้สองชีวิต ฉันว่าน่าจะจบได้แล้ว”
ความจริงระดับความจำขั้นสุดยอดของเหยียนหมิงซุ่นจะจำโม่เฉี่ยวหลิงไม่ได้ได้อย่างไร เขาแค่รำคาญครอบครัวนี้เท่านั้น ต่อให้โม่เฉี่ยวหลิงจะเป็นคนบริสุทธิ์หรือไม่แต่หากมีพ่อแม่ละโมบโลภมากเช่นนั้นก็ถือว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว!
“ฉัน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…เรื่องนั้นพ่อแม่ฉันผิดเอง…แต่ฉันเด็กกว่า พูดไปพวกเขาก็ไม่ฟัง พี่หมิงซุ่น พี่อย่าโทษฉันเลยนะ!” โม่เฉี่ยวหลิงอธิบายด้วยท่าทีสงสารและนึกเกลียดพ่อแม่ตัวเองจับใจ
ตอนนั้นเธอไม่เห็นด้วยกับการเห็นแก่เงินสองแสนตรงหน้าแต่เลือกสูญเสียผลประโยชน์ระยะยาวแบบนั้นสักนิด แต่แม่ของเธอดันถูกความคิดชั่วร้ายครอบงำไม่ยอมฟังเธอเลย
ในตลอดหลายปีที่ผ่านชีวิตของครอบครัวมาถูกยกระดับคุณภาพขึ้นอย่างชัดเจน ย้ายจากชนบทมาอยู่ในเมืองและใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่เงินสองแสนก็ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว สิ่งที่สร้างความรำคาญใจแก่โม่เฉี่ยวหลิงมากที่สุดคือเธอไม่สามารถหางานในเมืองหลวงได้หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย ตอนนี้จึงทำได้แค่หางานนอกเวลาที่พอจะประทังชีวิตอดมื้อกินมื้อไปได้บ้างและไม่รู้ว่าชีวิตแบบนี้จะไปจบที่ตรงไหน
ตอนเพิ่งเรียนจบหมาด ๆเธอไปสมัครงานที่บริษัทของโม่ซิวหย่วนซึ่งเดิมทีเธอคิดว่าจะไว้หน้ากันสักนิด แต่เธอกลับเพ้อฝันมากเกินไป เพราะเธอไม่แม้แต่จะได้เจอหน้าของโม่ซิวหย่วน และไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้สัมภาษณ์งานด้วยซ้ำ
ตอนนี้เธอเรียนจบมาได้ครึ่งปีแล้วแต่ไม่มีเงินออมเหลือแม้แต่หยวนเดียวและเช่าห้องใต้ดินอยู่ด้วยกันกับเพื่อน ทุกครั้งที่เธอคุยโทรศัพท์กับคนที่บ้าน เธอไม่กล้าบอกที่อยู่ที่แท้จริงของตัวเองไปเพราะกลัวว่าจะถูกแม่บังคับให้กลับบ้าน
เธอไม่อยากกลับบ้านเกิดเลยสักนิด กว่าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงได้ไม่ง่ายเลย เธอจึงต้องปักหลักอยู่ที่นี่ให้ได้ ถึงเวลาค่อยกลับบ้านเกิดอย่างเฉิดฉายให้ทุกคนได้ทึ่งในตัวเอง
โม่เฉี่ยวหลงคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นคือพรหมลิขิตที่พระเจ้ามอบให้เธอ
ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้มาเจอที่ร้านเกี๊ยวโดยบังเอิญหลังผ่านไปตั้งหลายปีล่ะ!
“พี่หมิงซุ่น…ฉัน…” พอโม่เฉี่ยวหลิงเห็นเหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่คิดจะสนใจเธอสักนิดจึงอดเรียกอีกทีไม่ได้ ภายในใจยิ่งหมายมั่นจะครอบครองเหยียนหมิงซุ่นให้ได้
โทรศัพท์ที่เหยียนหมิงซุ่นกำลังเล่นอยู่เป็นโมโตโรลารุ่นใหม่ล่าสุดที่มีวางขายตามห้างสรรพสินค้าที่เธอกำลังทำงานอยู่ เครื่องหนึ่งขายราคาเจ็ดแปดพัน เงินเดือนทั้งเดือนของเธอแค่หกร้อยซึ่งต่อให้ไม่กินไม่ใช้ตลอดทั้งปีก็ยังไม่พอซื้อเครื่องหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
นี่จึงบ่งบอกว่าเหยียนหมิงซุ่นต้องมีชีวิตที่ดีในเมืองหลวงแน่ ไม่ใช่ทหารยาจกอย่างที่แม่เธอว่าเอาไว้
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วพูดเสียงเย็น “ฉันไม่สนิทกับเธอ รบกวนช่วยระวังคำเรียกด้วย”
ตอนเหมยเหมยเรียกเขาว่าพี่เขามีแต่จะรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ แต่พอโม่เฉี่ยวหลิงเรียกกลับมีแต่ความหงุดหงิดงุ่นง่าน เขาตะโกนถามเจ้าของร้านโดยไม่แม้แต่จะชายตามองใบหน้าสลดของโม่เฉี่ยวหลิงเลยว่า “เกี๊ยวของผมได้หรือยังครับ?”
“ใกล้แล้ว อีกไม่กี่นาทีก็จะได้แล้ว ต้องนึ่งให้สุกถึงจะทานได้ ไม่อย่างนั้นจะท้องเสียเอานะ”
เถ้าแก่พูดอย่างไม่รีบร้อน เหยียนหมิงซุ่นนั่งลงอีกครั้งแล้วเล่นโทรศัพท์ต่อ ไม่อย่างนั้นเงยหน้าขึ้นก็ต้องเห็นหญิงสาวที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทั้งยังไล่ไม่ได้อีกต่างหาก น่ารำคาญจริง ๆ
“แม่หนู เกี๊ยวของเธอได้แล้ว” เถ้าแก่เนี้ยหิ้วถุงพลาสติกมาสองถุงยื่นให้โม่เฉี่ยวหลิง
โม่เฉี่ยวหลิงจ่ายเงินแต่กลับไม่อยากกลับ คลาดกันคราวนี้ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกทีเมื่อไร เธอต้องคว้าโอกาสที่ไม่ได้มาง่าย ๆครั้งนี้เอาไว้
……………………..