ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 209 นายท่านช่างเป็นคนสุภาพอ่อนโยน / ตอนที่ 210 ฉันล้ำเส้นเกินไปแล้วค่ะ
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 209 นายท่านช่างเป็นคนสุภาพอ่อนโยน / ตอนที่ 210 ฉันล้ำเส้นเกินไปแล้วค่ะ
ตอนที่ 209 นายท่านช่างเป็นคนสุภาพอ่อนโยน
เผยอวี้เฉิงได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของกรรมการเฉียนและเหลือบไปมองชายหนุ่มที่เพิ่งสร้างแผลให้กับกรรมการเฉียนด้วยสายตาเย็นชา “ฉันสั่งให้นายทำแล้วหรือไง”
ขณะที่เผยอวี้เฉิงพูด ดวงตาของเขาเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม
ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ และกลืนน้ำลายดังเอื้อก ด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม เขาตอบกลับ “ผมพลั้งมือ…”
ชายหนุ่มผมลอนมองเผยอวี้เฉิงที่แสดงท่าทีไม่พอใจด้วยความอิ่มเอมใจ “สมน้ำหน้า! ไม่รู้หรือไงว่านายท่านเกลียดความรุนแรง”
ชายหนุ่มในชุดสูทพึมพำ “ช่าย ช่าย นายท่านเกลียดความรุนแรงเป็นที่สุด นายท่านช่างเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ฉันยังไม่ชินซะที…”
ชายหนุ่มผมลอนจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อยขณะเอาอมยิ้มออกจากปาก เขารับกองเอกสารจากหญิงสาวและเดินทอดน่องไปหาบรรดาคณะกรรมการ จากนั้นก็ค่อยๆ แจกเอกสารให้พวกเขาทีละคนอย่างสุภาพ
ขณะที่แจก เขากล่าว “ต้องขออภัยที่เสียมารยาทเมื่อครู่นะครับ โปรดอภัยให้เราด้วย เอกสารพวกนี้จัดเตรียมมาเป็นพิเศษให้พวกคุณ ผมมั่นใจว่าพวกคุณทุกคนจะต้องพอใจ”
ไม่กี่อึดใจทุกคนในห้องประชุมก็ถือเอกสารอยู่ในมือ
ทีแรกพวกเขารอด้วยความงุนงงว่าเผยอวี้เฉิงจะเสนออะไร
แต่ตอนนี้หน้าของพวกเขาซีดเป็นไก่ต้มทันทีที่อ่านเอกสาร
กรรมการเฉียนไม่สนความเจ็บปวดที่มือ เขากำเอกสารแน่น คนอื่นๆ ต่างก็ทำเช่นเดียวกัน พวกเขาหน้าซีดและเหงื่อตกไปตามๆ กัน
เนื้อหาในเอกสารสร้างความอัปยศอดสูให้พวกเขาสุดแสนจะบรรยาย ชื่อเสียงที่สะสมมาถูกทำลายย่อยยับ และพวกเขาอาจจะต้องมาตายอย่างอนาถ…
ทุกอย่างในเอกสารเป็นความลับสุดยอด! เผยอวี้เฉิงทำได้ยังไง…เขากล้าขุดเรื่องพวกนี้ออกมาได้ยังไงกัน
สามคนที่เพิ่งโผล่มาก็ดูไม่ใช่คนธรรมดา…
ทุกคนจ้องเผยอวี้เฉิงราวกับนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเขา…
ความกังวลและความกลัวฉายวาบในดวงตา…
กรรมการเฉียนเลือดขึ้นหน้า เขาหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัดจากความอับอายและแผดเสียงตะคอก “เผยอวี้เฉิง…คุณ! นี่มันหมายความว่ายังไง คุณกล้าใช้ลูกไม้เหลี่ยมจัดนี้ได้ยังไง! คุณมันไอ้เด็กอมมือ ไอ้ไก่อ่อน! คุณเป็นใครถึงกล้ามาหลอกผม ผมจะโทรหาท่านเผยเดี๋ยวนี้และบอกท่านถึงสิ่งเลวทรามที่คุณทำ! คุณคิดเหรอว่าสิ่งที่คุณทำกับผมทั้งหมดจะหยุดผมได้ คุณคิดเหรอ…”
เผยอวี้เฉิงไม่ได้ส่งใครไปอุดปากเขา เขาทำเพียงเอนหลังลงไปนั่งพิงเก้าอี้อย่างช้าๆ และจุดบุหรี่สูบ
ไม่กี่อึดใจเขาก็ผงกหัวขึ้นท่ามกลางควันบุหรี่จางๆ ดวงตาคู่ที่อยู่หลังแว่นและควันบุหรี่หันไปทางหน้ากรรมการเฉียนและหยุดจ้องมองที่เขา…
กรรมการเฉียนเงียบกริบราวกับมีใครเฉือนคอเขา คำพูดจุกอยู่ในลำคอ เขาทำได้เพียงส่งเสียงครวญครางหงิงๆ
ชายหนุ่มยังคงดูสง่าผ่าเผยและเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว แต่สายตาของเขาสามารถปลิดชีพคนได้
ห้องประชุมโอ่โถงเงียบราวป่าช้า
แม้แต่เฉิงมั่วรวมถึงคนอื่นๆ พากันกลั้นหายใจและหลบสายตาชายหนุ่ม
พวกเขาไม่สามารถทานทนแรงกดดันที่บีบคั้นนี้ได้เช่นกัน…คนธรรมดาใครจะไปทำได้…
กรรมการเฉียนเหงื่อแตกพลั่ก ร่างอวบท้วมสั่นงันงก ไม่น่าเชื่อว่าเขากลัวจนฉี่ราด…
หัวใจของทุกคนแทบหยุดเต้น…
ตอนที่ 210 ฉันล้ำเส้นเกินไปแล้วค่ะ
ขณะที่ทุกคนหัวใจกำลังจะหยุดเต้นเพราะบรรยากาศที่แสนจะบีบหัวใจ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เสียงโทรศัพท์ของเผยอวี้เฉิง
เผยอวี้เฉิงพ่นควันบุหรี่ เขาไม่เหลือบหันไปมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยซ้ำขณะรับสาย
ทันใดนั้นเสียงอึกอักของหญิงสาวปลายสายก็ดังขึ้น “คุณเผย…”
วินาทีที่หญิงสาวเอ่ยคำ ความกดดันอึดอัดชวนหายใจไม่ออกภายในห้องก็ผ่อนคลายลงทันใดราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นภาพลวงตา
เผยอวี้เฉิงถือโทรศัพท์อย่างอดกลั้น
แม้แต่บรรยากาศก็ดูเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เผยอวี้เฉิงถาม “เรียกหาฉันเหรอ”
“เอ่อออ…ค่ะ ฉัน…คืนพรุ่งนี้…เจอกันไหมคะ” หญิงสาวถาม
เผยอวี้เฉิงตอบ “ได้สิ”
เขาวางสายและหันมามองทุกคนอีกครั้ง “จากวันนี้เป็นต้นไปเริ่นหงจื้อจะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการฝ่ายการเงิน เขาจะเป็นผู้ดูแลการเงินในฝั่งทวีปเอเชียทั้งหมด มีใครมีความเห็นอะไรไหม”
ถ้าเป็นวันอื่นคณะกรรมการบริหารคงโวยวายทักท้วงการเปลี่ยนตำแหน่งนี้กันยกใหญ่แน่ แต่ถึงกระทั่งตอนนี้ห้องประชุมกลับเงียบเชียบไม่มีแม้แต่เสียงประท้วงจากผู้ประชุมสักคนเดียว
“ถ้าทุกคนเห็นด้วย ผมก็ขอยุติการประชุมเพียงเท่านี้”
เผยอวี้เฉิงยืนขึ้นก่อนที่จะเดินออกไป
เหลือแต่เฉิงมั่วที่ยังอยู่ในห้องเพื่อเก็บกวาดงานที่เหลือ
หญิงสาวในชุดสีดำจ้องหน้าเผยอวี้เฉิงไม่วางตาขณะเดินตามเขาออกไปในระยะประชิด ชายหนุ่มทั้งสองตามหลังเธอไปติดๆ เสียงฝีเท้าของพวกเขาก้องกังวานทั่วทางเดินที่ไร้ผู้คน
หญิงสาวลังเลราวกับมีบางอย่างจะพูด สุดท้ายเธอก็พูดออกมา “พี่อวี้ ง่ายจะตายที่จะทำให้คนพวกนี้เชื่อฟังและทำตามคำสั่ง พวกมันข่มเหงคนที่ด้อยกว่าและไม่มีวันสำนึกหรอกจนกว่าความตายจะมาเคาะที่หน้าประตู เราน่าจะเล่นพวกมันให้หนักกว่านี้เพื่อให้พวกมันอยู่เงียบๆ และอยู่ในโอวาท ทำไมเราต้องเสียเวลาตั้งมากมายไปกับการพยายามสืบหาความจริง ยุ่งยากปวดหัวเปล่าๆ”
เผยอวี้เฉิงชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวข้องใจ เขาหันหลังและมองไปที่เธอ
หญิงสาวสั่นด้วยความกลัวเมื่อสบตากับเขา เธอก้มหัวลงอย่างสำนึกผิดและกระซิบ “ฉันล้ำเส้นเกินไปแล้วค่ะ”
เผยอวี้เฉิงหันหลังกลับและเดินต่อ
สองสามวินาทีต่อมาชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีผ่อนคลาย “เธอไม่ชอบแบบนั้น”
หญิงสาวอึ้งไปพักใหญ่นึกว่าตัวเองหูฝาดก่อนแสดงท่าทีตอบรับเบาๆ เผยอวี้เฉิงตอบคำถามเธอ
เธอไม่ชอบแบบนั้น…
หญิงสาวหน้าซีดเป็นไก่ต้มยืนตกตะลึงและจ้องชายที่เดินนำหน้าเธอเขม็ง
ชายหนุ่มในชุดสูทถอนหายใจและพูดอย่างหน้าชื่นตาบาน “จี้หลาน ทำไมไม่ปรึกษาพวกเราก่อน เธอไม่เห็นเหรอว่าทำไมนายท่านถึงมีนิสัยใจคอและอารมณ์เปลี่ยนไปเมื่อสองปีที่แล้ว”
เขาเก็บดอกทิวลิปที่มีคราบเลือดติดอยู่เข้ากระเป๋าเสื้อ
ขณะที่เขาพูด หน้าจอโทรศัพท์เขาก็เด้งเตือนข้อความข่าว [แฟนหนุ่มของหลินเยียนที่ลือกันให้แซด…]
ชายหนุ่มยิ้มเยาะแกมขบขันกับข่าวที่เห็นและพูดต่อ “ไงก็อย่าท้อไปเลยน่า ตราบใดที่สถานการณ์ยังดำเนินไปตามปกติ นายท่านฝืนตัวเองได้อีกไม่นานหรอก…
ฉันได้ยินมาจากเสี่ยวมั่วว่าคืนนี้นายท่านโกรธจัดจนทำโต๊ะและแก้วกาแฟแตกเป็นผุยผง ฉันละสงสัยจริงๆ ว่ามีอะไรไปยั่วโมโหนายท่าน”