ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 451 ผมไม่สนใจเรื่องเงิน ตอนที่ 452 เห็นเธอเป็นคนสติไม่ดี
ตอนที่ 451 ผมไม่สนใจเรื่องเงิน
“นายไม่สนใจเรื่องค่าจ้าง แค่อยากเรียนรู้เท่านั้นเองเหรอ?” หลินเยียนพลันมองอวิ๋นเซวียน ดวงตาสาดประกายวาววับเล็กน้อย
“อืม…ผะ ผมไม่สนใจเรื่องเงินครับ…” เด็กหนุ่มผงกศีรษะ “แต่…แต่ผมอยากเรียนรู้มากกว่านี้…เพื่อข้ามขีดจำกัดครับ…”
“ดีมาก!” หลินเยียนตบบ่าอวิ๋นเซวียนพร้อมพูดแฝงความหมายลึกซึ้ง “คนที่อยากจะทะลวงขีดจำกัดของตัวเองโดยปราศจากความคิดเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นอย่างนายเป็นคนที่ทีมเราชื่นชมมากมาตลอด นายยังหนุ่มขนาดนี้ หาเงินได้ไม่จบไม่สิ้น สิ่งสำคัญคือต้องฉวยโอกาสช่วงที่ยังหนุ่มเรียนรู้ให้มาก!”
อวิ๋นเซวียนจ้องมองหลินเยียน “ครับ…”
“ดังนั้นอยากจะเข้าทีมของฉันหรือเปล่า” หลินเยียนเข้าประเด็นทันที
“พี่สาวครับ ทีมพี่คือทีมอะไร พอจะบอกผมได้หรือเปล่า?” อวิ๋นเซวียนสงสัยอย่างยิ่ง
“เอ่อ ตอนนี้ทีมฉันกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มทีมใหม่น่ะ ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ เคยได้ยินไหม?” หลินเยียนตอบ
“ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ?” อวิ๋นเซวียนขมวดคิ้วทันที “แต่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับ…”
หลินเยียน “…”
มันก็จริง ทีมเล็กระดับล่างที่ไม่มีชื่อเสียง แถมยังแทบจะไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันครั้งใหญ่อะไร มิหนำซ้ำยังเคยชนะแค่ไม่กี่ครั้งอย่างทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อจะมีคนรู้จักน้อยมาก
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหลินเยียนเป็นตัวแทนทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเอาชนะทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูซึ่งเป็นหนึ่งในทีมรถแข่งยักษ์ใหญ่ระดับประเทศได้ และเนื่องจากเป็นการท้าแข่ง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้กันทั่วไป อวิ๋นเซวียนจะไม่รู้จักก็ถือเป็นเรื่องปกติมาก
หลินเยียนมองอวิ๋นเซวียนพร้อมพูดอธิบาย “ตอนนี้จะไปเทียบกับทีมรถแข่งดาวรุ่งที่นายอยากเข้าไม่ได้แน่นอน แต่พอนายเข้าทีมของเราแล้ว นายจะได้ความรู้และเทคนิคต่างๆ มากมายเลยนะ”
ถ้าอวิ๋นเซวียนเข้าทีมรถแข่งเพื่อชื่อเสียง เกียรติยศ หรือกระทั่งเพื่อเงินทอง อย่างนั้นหลินเยียนคงทำให้เขาพึงพอใจไม่ได้แน่ แต่ถ้าแค่อยากจะเรียนรู้เพื่อทำให้ตัวเองเก่งมากขึ้น เรื่องนี้ถือว่าไม่ลำบากสำหรับหลินเยียน
“ฉันเพิ่งอ่านเรซูเม่ของนายไป เลยยื่นข้อเสนอให้นายแบบนี้ ด้วยสถานการณ์ของนายตอนนี้ การเข้าทีมเล็กถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แน่นอนว่าต่อให้นายยินดี แต่ช่วงท้ายก็ต้องมีการทดสอบกันบ้าง ถ้านายไม่ถึงเกณฑ์ แม้แต่ทีมเล็กๆ ก็ไม่เอานายแล้วล่ะ” หลินเยียนมองอวิ๋นเซวียนและพูดเปิดอกตามตรง
หลินเยียนพูดต่อไปโดยไม่เปิดโอกาสให้อวิ๋นเซวียนอ้าปาก “แน่นอนว่าถ้านายผ่านการทดสอบและพิสูจน์ได้ว่าตัวเองมีความสามารถอยู่จริง งั้นฉันรับประกันว่าขอเพียงนายเข้าทีมของเรา นายก็จะได้สิ่งที่นายต้องการ และในทางกลับกัน นายจะออกจากทีมได้ทุกเมื่อ”
ตอนนี้อวิ๋นเซวียนมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย
แต่เขากลับรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่หลินเยียนพูดนั้นเป็นความจริง
ช่วงนี้อวิ๋นเซวียนไปสมัครเข้าทีมดังมากมาย มีแค่ทีมซีเอ็ชวันเท่านั้นที่ให้ความเห็นเหมือนหลินเยียน กระทั่งว่ามีทีมดังบางทีมที่ปฏิเสธเขาทันที
ถึงจะบอกว่าอวิ๋นเซวียนไม่อยากเข้าทีมเล็ก แต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เหมือนจะมีแค่เส้นทางนี้เท่านั้น
สาเหตุที่อวิ๋นเซวียนไม่อยากเข้าทีมเล็กนั้นกลับไม่ได้มีสาเหตุอื่นเลย นอกจากอวิ๋นเซวียนแค่รู้สึกว่าการอยู่ทีมขนาดเล็กนั้นรังแต่จะเสียเวลาช่วงวัยหนุ่มกับเสียความกระตือรือร้นที่อยากจะฝึกฝนตัวเองไปเท่านั้น ด้วยประสบการณ์ของเขา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้เรียนรู้อะไรจากทีมขนาดเล็ก
“พี่สาวครับ ที่จริงผมไม่ใช่มือใหม่ที่ไร้ฝีมือ…ดังนั้นผมเลยรู้สึกว่าถ้าผมไปอยู่ทีมระดับต้นหรือแม้กระทั่งทีมระดับกลาง ผมจะไม่ได้เรียนรู้อะไรที่มีประโยชน์เลยครับ” หลังจากผ่านไปสักครู่หนึ่ง อวิ๋นเซวียน มองหลินเยียนพร้อมตอบตามความสัตย์จริง
ตอนที่ 452 เห็นเธอเป็นคนสติไม่ดี
เมื่อได้ฟังคำพูดของอวิ๋นเซวียน หลินเยียนก็ยกมุมปากเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ พร้อมตอบเขากลับไปว่า “ถ้าฉันคิดว่านายเป็นแค่มือใหม่ที่ไร้ฝีมือ คงไม่เชิญนายเข้าทีมของฉันแล้วล่ะ อีกอย่าง…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินเยียนก็หยุดเล็กน้อย สายตาตกอยู่บนร่างอวิ๋นเซวียน “ไม่ว่านายจะเป็นนักแข่งที่อยู่ในระดับไหน หรือต่อให้นายเคยเข้าแข่งเวิลด์แชมเปียนชิป พออยู่ทีมของเราแล้ว นายจะได้เรียนรู้มากมาย…นายอาจคิดว่าฉันพูดปากเปล่าไร้หลักฐาน แต่ฉันยังพูดเหมือนเดิมแบบเมื่อกี้ พอเข้าทีมของเราแล้ว ขอเพียงนายคิดว่าตัวเองไม่ได้เรียนรู้อะไร นายจะจากไปเมื่อไหร่ก็ได้ เรื่องนี้จะอยู่ในสัญญา”
หลินเยียนพูดมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอวิ๋นเซวียนยังดูถูกทีมระดับต้นอีก อย่างนั้นเธอก็หมดหนทาง ได้แต่ล้มเลิกไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากอวิ๋นเซวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ผงกศีรษะให้หลินเยียนพร้อมพูดว่า “ได้ครับ…ถ้าเรื่องที่พี่สาวพูดเป็นความจริง อย่างงั้นผมก็ยินดีที่จะเข้าทีมรถแข่งของพี่สาว…นอกจากผมเข้าทีมเพื่อเรียนรู้แล้ว ผมจะพยายามนำชื่อเสียงมาให้ทีมอย่างสุดความสามารถด้วย…นี่คือคำสัญญาของผม กะ…ก่อนที่จะเข้าทีม ผมขอไปเยี่ยมชมทีมก่อนได้หรือเปล่าครับ”
“ได้แน่นอน” หลินเยียนมองอวิ๋นเซวียน “พวกเราแลกวิธีการติดต่อสื่อสารกันก่อน ถึงเวลาฉันจะบอกที่อยู่และเวลานัดให้นายเอง”
เมื่อแลกหมายเลขโทรศัพท์กับอวิ๋นเซวียนเรียบร้อย หลินเยียนก็แยกจากอวิ๋นเซวียน
หลินเยียนกลับมีความคาดหวังต่ออวิ๋นเซวียนคนนี้อยู่บ้าง หลินเยียนค่อนข้างชื่นชมความเข้าใจด้านการแข่งรถของหนุ่มน้อยคนนี้ หวังว่าอวิ๋นเซวียนจะไม่ใช่เก่งแค่ด้านความรู้และทฤษฎี
……
การมาทีมดาวรุ่งครั้งนี้กลับทำให้หลินเยียนรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย
ถึงแม้จะบอกว่ายังไม่ได้เข้าแม้แต่ประตูใหญ่ของทีมดาวรุ่ง ถึงกระนั้นกลับเจออวิ๋นเซวียนที่มาสมัครล้มเหลวอย่างเหนือความคาดหมาย ทั้งยังทำให้อวิ๋นเซวียนเข้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อได้อีกด้วย นี่ถือว่าเก็บตกได้หรือเปล่านะ
ฉวยโอกาสที่ยังเช้าอยู่ หลินเยียนไม่คิดที่จะแอบอู้ เธอมุ่งหน้าไปยังทีมดังทีมต่อไป
ไม่นานนักหลินเยียนก็มาถึงทีมเคเอ็นที หนึ่งในทีมยักษ์ใหญ่ระดับสุดยอดของเมืองตี้ตู
ทีมเคเอ็นทีเป็นทีมรถแข่งช่วงแรกสุดของประเทศจีน ซึ่งเคยมีความสามารถและขนาดระดับท็อป แต่ช่วงนี้เถ้าแก่ทีมเคเอ็นทีบริหารผิดพลาดจนทำให้หลายปีนี้ทีมเคเอ็นทีมีสถานการณ์ไม่สู้ดี กระทั่งว่าไม่ได้เข้ารอบเวิลด์แชมเปียนชิปลีก 3 มาสี่ฤดูกาลแล้วอีกด้วย
ช่วงหลายวันนี้หลินเยียนพบว่าหากคิดจะใช้วิธีการของตัวเองเพื่อตามหานักแข่งรถที่มีฝีมือนั้นยากเย็นยิ่งนัก นั่นเพราะทุกคนไม่มีทางเชื่อคำพูดของเธอ เห็นเธอเป็นแค่คนสติไม่ดีเท่านั้น
ถ้ายังรับคนไม่ได้อีก บางทีเธอคงต้องลองเปลี่ยนวิธีใหม่ดู
แน่นอนว่าหากจำเป็นต้องทำ หลินเยียนเคยคิดที่จะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเยวาต่อหน้าคนจำนวนน้อยด้วยเช่นกัน
“ไสหัวไปซะ!”
หลินเยียนเพิ่งมาถึงหน้าประตูสำนักงานใหญ่เคเอ็นทีก็ได้ยินเสียงตวาดอย่างมีน้ำโหดังอยู่ข้างใบหู
สายตาหลินเยียนมองไปข้างหน้าแทบจะอัตโนมัติ
ชายหนุ่มหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลาคนหนึ่งถูกคนผลักออกมาจากสำนักงานใหญ่เคเอ็นที
ผู้ชายคนนี้สวมชุดสมาชิกทีมเคเอ็นที มีผมสีน้ำตาล
ชายหนุ่มเดินกะโผลกกะเผลก เหมือนเขาจะไม่สนใจเรื่องที่ถูกคนผลักออกมา ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันตัวเอง
“มั่วซูอวิ๋น นายหมดสัญญาแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายถูกไล่ออกจากเคเอ็นที!” ชายหนุ่มวัยกลางคนสวมชุดสูทรองเท้าหนังยืนอยู่หน้าประตูสำนักงานใหญ่เคเอ็นที มองมั่วซูอวิ๋นพร้อมพูดเย้ยหยัน
“งั้นเหรอ…งั้นก็ดีเหลือเกิน” มั่วซูอวิ๋นจ้องมองชายวัยกลางคน พูดด้วยน้ำเสียเย้ยหยัน “นับตั้งแต่ปีที่แล้วที่เคเอ็นทีเอาเกียรติยศหรือแม้กระทั่งคุณสมบัติและตำแหน่งของฉันไปให้คนอื่น ฉันก็คิดที่จะอยู่ไปวันๆ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว”