ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 599 หรือว่าจะเป็นมุกใหม่ ตอนที่ 600 ฉันหัวไวมาก!
ตอนที่ 599 หรือว่าจะเป็นมุกใหม่?
ทันใดนั้นหลินเยียนสังเกตบางอย่างได้ หรือว่า…นี่จะเป็นมุกใหม่ของเจ้าหื่นกาม?
แกล้งประชดให้บอสโกรธ ทำให้บอสเกิดความสนใจอย่างรุนแรงต่อเธอ
หลินเยียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกมีความเป็นไปได้สูง
ลองคิดทบทวนดูแล้ว สภาพแซวกันไปแซวกันมาของทั้งสองคน ก็แลดูมีซัมติงกันอยู่นะเนี่ย!
“ไม่ได้ ผมทนไม่ได้ ผมจะบอกพี่ใหญ่ผม ผมจะบอกเขาว่าพี่เดทกับผู้ชาย จีบกันอีกด้วย!” เผยอวี่ถังรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยสีหน้าคับแค้น
แต่แล้ว ‘หลินเยียน’ มองไปทางเผยอวี่ถังด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ตอบโต้ใดๆ
หลินเยียน “…”
ไอ้เด็กนี่ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าเขาซื่อสัตย์กับพี่ใหญ่เขาขนาดนี้
“หึ พี่อย่ามามองผมแบบนี้นะ ผมจะบอกพี่ใหญ่ผมแน่ๆ !” เผยอวี่ถังกัดฟันขบเขี้ยวพลันพูดขึ้น “นอกจากพี่ตกลงแข่งรอบคัดเลือกให้ทีมรถของผมฟรี!”
หลินเยียน “…” เธอผิดไปเอง เธอไม่น่าคิดว่าเผยอวี่ถังซื่อสัตย์กับพี่ใหญ่เขาเลย
“ทีมรถของเธอ”
เผยอวี้เฉิงที่ไม่ได้เอ่ยปากพูดนั้น มองไปทางเผยอวี่ถังแล้วเอ่ยปากขึ้น
“ใช่แล้ว ทีมรถแข่งของผม!” เผยอวี่ถังพยักหน้า “แค่พ่อลงแข่งแมตซ์ควอลิฟายให้ทีมรถผม ผมจะหลับตาข้างหนึ่งกับการกระทำของพี่ในวันนี้”
“อ่อ เธอไม่บอกพี่ใหญ่เธอแล้วเหรอ” เผยอวี้เฉิงพูดขึ้น
“แค่พ่อลงแข่งให้ผม ผมคงไม่บอกอยู่แล้ว เขาว่ากันว่าคนเราท่องอยู่ในแดนยุทธภพ มีที่ไหนจะไม่โดนดาบฟัน ชีวิตมันก็ต้องมีสีสันหน่อยถึงจะสดชื่นไงล่ะ” เผยอวี่ถังเผยยิ้มบางๆ
ได้ยินแบบนั้นแล้ว เผยอวี้เฉิงครุ่นคิดสักพัก “เธอโดนพี่ชายจำกัดการใช้เงินแล้วไม่ใช่เหรอ ยังติดต่อทีมรถได้อีกเหรอ”
“แหะๆ ถึงแม้พี่ใหญ่ผมจะจำกัดวงเงินผม แต่ผมมีเงินเก็บไงล่ะ” เผยอวี่ถังหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“เธอ…ไม่กลัวพี่เธอรู้เหรอ” เผยอวี้เฉิงถามขึ้นอีก
“พูดเป็นเล่นไป ผมจะไปกลัวอะไรล่ะ ผมอยากบริหารทีมรถของผม ใครจะมาขวางทางผมได้? อย่าว่าแต่พี่ใหญ่ผมไม่รู้เลย ต่อให้พี่ใหญ่ผมรู้ เขาจะทำอะไรกับผมได้ล่ะ” เผยอวี่ถังพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
หลินเยียน “…”
ต้องยอมรับว่าตอนที่เด็กบ้านี่ขี้โม้แลดูเป็นเรื่องเป็นราวมาก ถ้าเผยอวี้เฉิงอยู่ข้างๆ เขา ตอนนี้เขาคงกลัวจนต้องคุกเข่าลงพื้นแล้วมั้ง
“ดีมาก” เผยอวี้เฉิงเลิกเพ่งมองไปยังเผยอวี่ถัง “หวังว่าปากของเธอจะดีแบบนี้ต่อไป”
เผยอวี้เฉิงพูดจบ ไม่ปล่อยให้เผยอวี่ถังมีโอกาสได้พูดต่อ เขาเหยียบคันเร่งทันที ปล่อยให้เผยอวี่ถังยืนอยู่กับที่แบบนั้น
เห็นหลินเยียนขับรถออกไป เผยอวี่ถังยืนงงอยู่อย่างงั้น “พี่สะใภ้ พ่อครับ! พี่จะแข่งแมตซ์ควอลิฟายให้ทีมผมหรือเปล่าน่ะ ถ้าพี่ไม่ตกลง ผมจะบอกพี่ใหญ่จริงๆ นะ ผมอัดคลิปไว้แล้วนะเฮ้!”
…
สำหรับเผยอวี่ถังที่ปรากฎตัวเมื่อกี้นั่น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงฝั่งคนนั่งแลดูไม่มีความสนใจใดๆ
ผ่านไปไม่นาน หลินเยียนพบว่าตัวเองได้อำนาจควบคุมร่างกายตัวเองกลับมาแล้ว
“เธอยังอยู่หรือเปล่า?”
หลินเยียนกำพวงมาลัยไว้แน่น แล้วถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
แต่แล้ว กลับไม่มีการตอบโต้ใดๆ
ขณะนี้ หลินเยียนถึงค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมา เจ้าหื่นกามนั่นไปสักที!
ทันใดนั้น หลินเยียนมองไปทางผู้ชายข้างๆ ยิ้มเจื่อนๆ พลันพูดขึ้น “บอส เอ้อ ดูนี่สิ ฝีมือการขับรถของฉันเทียบกับบอสไม่ติดเลยน่ะ”
ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยปากขึ้น “ยายผมเป็นคนสอนผมขับรถน่ะ”
หลินเยียน “…”
ผู้ชายคนนี้จำเก่งจริงๆ !
หลินเยียนยิ้มเจื่อนๆ ไม่กล้าพูดอะไรต่อ กลัวจะทำให้บอสที่อยู่ตรงหน้าโมโหอีก
ผ่านไปไม่นาน หลินเยียนจอดรถไว้ตรงลานจอดรถของบริษัท แล้วกลับเข้าออฟฟิศพร้อมชายหนุ่มคนนั้น
“บอสคะ ถ้าไม่มีอะไรล่ะก็ ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ” หลินเยียนมองไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟา เอ่ยปากถามขึ้น
“ไม่รีบ” นัยน์ตาสีมรกตของชายหนุ่มมองไปทางหลินเยียน “ผมรู้สึกว่าคุณเปลี่ยนไปอีกแล้ว”
“หืม?”
หลินเยียนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
“สภาพคุณก่อนหน้านั้น ผมขอชื่นชม” ชายหนุ่มพูดขึ้น
หลินเยียน “…”
ไม่ใช่แล้วมั้ง! แขวะเขาขนาดนี้แล้วเขายังชื่นชมอะไรอีก???
หรือว่าคนนี้จะเป็นพวกซาดิสม์?
ตอนที่ 600 ฉันหัวไวมาก!
แต่จะว่าไปแล้วถึงแม้เจ้าหื่นกามจะดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แขวะจนบอสของแทบขึ้น แต่พอคิดดูดีๆ แล้วก็เหมือนกลยุทธอ่อยอีกแบบหนึ่งนะ
อ้อ จริงด้วย เจ้าหื่นกามนั่นจะปล่อยบอสเธอไปไม่ได้ล่ะ!
ที่เผยอวี่ถังบอกว่าจีบกัน ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่!
“ช่วงนี้ต้องขอรบกวนคุณทำหน้าที่ซื้อของใช้ในออฟฟิศ ให้บริษัทดูเป็นบริษัทหน่อย” ชายหนุ่มมองไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้น
หลังจากชายหนุ่มพูดจบ หลินเยียนถึงกับชะงักอยู่กับที่
ซื้อของใช้ในออฟฟิศ? ทำให้บริษัทดูเป็นบริษัทหน่อย?
แบบนี้ยังเรียกว่าซื้อของใช้ในออฟฟิศอีกเหรอ ขั้นนี้ต้องรื้อแล้วรีโนเวทใหม่เลยเถอะ!
ไม่เปิดโอกาสให้หลินเยียนพูดต่อ ชายหนุ่มเผยยิ้มบางๆ พลันพูดขึ้น “อยากเล่นเกมไหม”
วินาทีนั้น หลินเยียนทิ้งเรื่องที่จะต้องซื้อของตกแต่งออฟฟิศไปทันที เธอเพ่งความสนใจไปที่เกมที่ชายหนุ่มพูดถึงเมื่อกี้แทน
“บอสคะ อยากให้เซียนเกมเล่นเป็นเพื่อนไหม ราคากันเอง จ่ายทุกตา ถ้าแพ้ฟรี ชนะจ่ายเงิน ฉันหัวไวมากเลยล่ะ!” หลินเยียนพูดกับชายหนุ่ม
“คุณอาจจะกำลังเข้าใจผิด” ชายหนุ่มส่ายหน้า “ผมหมายถึงเกมโฮโลกราฟิก”
“อ๋า?!” ได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเยียนตะลึง “เล่นสิ ตรงไหนเหรอ!”
“ตามผมมา”
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟา ใส่เสื้อคลุมไว้ที่ไหล่ขวา แล้วค่อยๆ เดินหน้าไป
เห็นเช่นนั้นแล้ว หลินเยียนเดินตามไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มเปิดประตูห้องๆ หนึ่งในบริษัทออก
ภายในห้องเต็มไปด้วย ‘โรงศพ’ ที่ดูไฮเทค
“โรงศพ?” หลินเยียนอึ้ง
ได้ยินที่เธอพูดแล้ว ชายหนุ่มเหลือบมองหลินเยียน “นี่คือเกมมิ่งแคปซูล”
“เกมมิ่งแคปซูล?” เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่หลินเยียนได้ยินชื่อเรียกนี้
“คุณคิดซะว่ามันคือเครื่องเล่นเกมที่เชื่อมโยงระหว่างเกมกับความคิดของเรา” ผู้ชายอธิบายให้หลินเยียนฟัง “หลังจากเข้าไปในแคปซูลแล้ว ข้างในจะมีหมวกกันน็อกอันหนึ่ง ใส่หมวกแล้วมันจะเชื่อมโยงกับระบบประสาทของคุณ พาคุณเข้าไปในโลกของเกมเสมือนจริง” ชายหนุ่มพูดขึ้น
“นั่นก็คือเกมโฮโลกราฟิกไม่ใช่เหรอ!” หลินเยียนเผยสีหน้าตะลึง
เธอท่องโลกเกมมิ่งมานาน เกมที่เคยเล่นสามารถเอาไปพันรอบโลกสองครั้ง แต่ก็ยังต้านทานเสน่ห์ของเกมโฮโลกราฟิกไม่ได้สักที
ลองคิดเล่นๆ ดู หลังจากจิตของเราเข้าไปในโลกของเกม ความเสมือนจริงแทบจะอยู่ในระดับร้อยเปอร์เซ็นต์ สามารถเหินฟ้ามุดดิน ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ นี่มันไอเดียขั้นเทพชัดๆ
หลินเยียนเคยได้ยินว่าเหมือนต่างประเทศจะคิดค้นเกมโฮโลกราฟิกได้แล้ว แต่ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ยังไม่สามารถกลายเป็นที่แพร่หลายได้
“ลองเข้าไปดูสิ” ชายหนุ่มมองไปทางหลินเยียนแล้วพูดขึ้น
ถึงแม้หลินเยียนจะสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังไม่เคยได้สัมผัส เธอยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย
ทันใดนั้น ชายหนุ่มเปิดเกมมิ่งแคปซูลออก ให้หลินเยียนถอดรองเท้าแล้วนอนอยู่ในนั้นอย่างสงบ
เขาใส่หมวกเกมมิ่งให้หลินเยียนด้วยตัวเอง
หลังจากใส่หมวกเกมมิ่งแล้ว หลินเยียนแค่รู้สึกชาๆ บนหัว ผ่านไปไม่นาน ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้หลินเยียนถึงกับตะลึง
ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในเกมมิ่งแคปซูลอะไรนั่นหรอกนะ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเมืองสวรรค์ ทิวทัศน์งดงาม
นอกจากนั้น ณ ท้องฟ้าสดใสที่อยู่ห่างออกไปนั้น มีมังกรยักษ์สีมรกตกำลังโบยบินอยู่เหนือฟ้า
“บ้า…บ้าเอ๊ย”
ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้หลินเยียนตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ได้แล้ว
อย่าบอกว่าเธอกำลังฝันอยู่นะ!
หลินเยียนเอื้อมมือจะตบหน้าตัวเองตามจิตใต้สำนึก
แต่หลินเยียนกลับพบว่า…
บ้าเอ๊ย มือเธอล่ะ!
เธอไม่มีมือซะอย่างงั้น!
ไม่ใช่แค่มือ เธอไม่มีร่างกายด้วยซ้ำไป!
“ยินดีต้อนรับ กำลังเรียกตัวละครที่คุณเคยสร้างกลับมา” เสียงลอยๆ ดังมาจากที่ไหนไม่รู้พุ่งเข้ามาในส่วนลึกของสมองหลินเยียน