ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่ 679 จิตสำนึกนี้คือใครกันแน่ ตอนที่ 680 ของขวัญที่ดีที่สุด
- Home
- ลืมรักเลือนใจ
- ตอนที่ 679 จิตสำนึกนี้คือใครกันแน่ ตอนที่ 680 ของขวัญที่ดีที่สุด
ตอนที่ 679 จิตสำนึกนี้คือใครกันแน่?
น่าแปลก หรือว่าจะบังเอิญ…
หลินเยียนสงสัยอยู่ในใจ เธอขบคิดไปพลาง รวบรวมความกล้าคีบเนื้อผัดหน่อไม้จำนวนหนึ่งไปพลาง
เธอจำได้ว่ารสชาติที่ทำให้คน ‘ยากจะลืม’ มากที่สุดของอาหารที่เผยอวี้เฉิงทำนั้นคือรสชาตินี้
ของที่พี่สาวคนนั้นทำคงไม่ได้รสชาติห่วยแบบนี้ทั้งหมดหรอกนะ?
ถึงกระนั้นเมื่อรสชาติของหน่อไม้และเนื้อผัดแผ่ซ่านอยู่บนปลายลิ้นและภายในช่องปาก จิตวิญญาณของหลินเยียนก็ถูกโจมตีทำลายอีกครั้งหนึ่ง…
หลินเยียน “…!!!”
เธอหลบหลีกและพยายามมานับครั้งไม่ถ้วน พูดจนปากจะฉีกถึงโน้มน้าวให้เผยอวี้เฉิงเข้าครัวให้น้อยลง กินอาหารที่เผยอวี้เฉิงทำให้น้อยลงได้
คิดไม่ถึงว่าวันนี้กลับทำให้ตนเองจนเต็มโต๊ะเสียได้…
ถัดมาหลินเยียนก็ชิมอาหารอื่นอีกหลายจาน พบว่าทุกจานนั้นมีรสชาติยากจะกลืนกินอย่างยิ่ง
ที่น่าแปลกยิ่งไปกว่านั้นก็คือรสชาติของอาหารเหล่านี้ช่างเหมือนรสชาติอาหารที่เผยอวี้เฉิงทำเสียเหลือเกิน…
ยากจะกลืนกินเหมือนกันมาก…
เรื่องนี้ทำให้คิดไม่ตกอยู่บ้างจริงๆ
นี่มันช่าง…มันช่างเหมือนเผยอวี้เฉิงทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างเธอ จากนั้นก็ทำอาหารให้เธอมื้อหนึ่งจริงๆ
หลินเยียนกัดตะเกียบ มองเผยอวี้เฉิงพร้อมเลียบเคียงถาม “คุณเผย…”
“มีอะไรเหรอ?” เผยอวี้เฉิงช้อนดวงตาขึ้นมองหญิงสาว
“มะ…ไม่มีอะไรค่ะ…” หลินเยียนรีบโบกมือ
เธอคงไม่ได้คิดมากเกินไปหรอกนะ?
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากเรียนทำอาหารกับคุณเผยสักหน่อย ไม่รู้ว่าคุณเผยไปเรียนการทำอาหารมาจากใครเหรอคะ? คุณชิมไม่รู้รสชาติ แต่ก็ยังทำอาหารได้อร่อยมากขนาดนี้ ฉันเลยอยากเรียนจากคุณมากเลยค่ะ!” หลินเยียนถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ได้ตั้งใจถาม
“เรียนจากตำราอาหาร ถ้ามีเวลาจะสอนเธอก็ได้” เผยอวี้เฉิงตอบ
หลินเยียน “…”
เมื่อฟังคำตอบของเผยอวี้เฉิง หลินเยียนก็เงียบงันอย่างน่าประหลาด
ถ้าหากทำตามตำราอาหาร รสชาติของอาหารที่ทำก็ต้องเหมือนกันเป็นธรรมดา
เพียงแต่…มีตำราอาหารที่มืดมนมากขนาดนี้ด้วยเหรอ? เชฟคนไหนเป็นคนเขียน? ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ใช่หรือเปล่า?
ถึงแม้ใจของหลินเยียนจะเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามตามตรง
คงพูดว่าเธออาจเป็นโรคจิตเภท อาจเจอผี หรืออาจถูกปีศาจอะไรเข้าสิง จากนั้นก็ทำอาหารรสชาติกินไม่ได้เหมือนเผยอวี้เฉิงออกมาทั้งโต๊ะแบบนี้ใช่หรือเปล่า?
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนต่างปิดบังเผยอวี้เฉิงเรื่องที่เขาทำอาหารรสชาติห่วย เพราะกลัวว่าเขาจะเสียใจ
สุดท้ายหลินเยียนจึงได้แต่สะกดกลั้นคำถามเอาไว้ในใจ
ก่อนหน้านี้จู่ๆ เธอก็ถูกอีกจิตสำนึกหนึ่งควบคุมร่างกาย เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกตื่นตระหนกมาก
เพียงแต่ความตื่นตระหนกและความประหวั่นลนลานที่เกิดขึ้นในทีแรกนั้น สุดท้ายเธอก็รู้สึกชาชิน
หลังจากถูกลักพาตัวตอนเด็ก ร่างกายเธอก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนคนปกติตั้งมากมาย ระดับมาตรฐานการแพทย์ในปัจจุบันไม่อาจตรวจสอบสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ออกมาได้เลย
เพียงแต่ตอนนี้เธอรู้สึกสงสัยมากจริงๆ จิตสำนึกที่มาควบคุมร่างกายเธอเป็นใคร…ในเมื่อมันไม่ใช่โรคจิตเภท แล้วมันคืออะไรกันแน่?
ในนิยายมีเนื้อหาของการทะลุมิติ และการถูกยึดชิงร่างตั้งมากมายหลายแบบ ส่วนด้านวิทยาศาสตร์ก็มีคำอธิบายอยู่อย่างหนึ่งเช่นเดียวกัน นั่นคือคลื่นสมองของคนคนหนึ่งอาจเข้าสิงร่างคนอีกคน หรือกระทั่งอาจควบคุมร่างกายอีกคนหนึ่งได้
ดังนั้นจะมีความเป็นไปได้นี้หรือเปล่านะ…
ถ้าไม่ใช่โรคจิตเภท จิตสำนึกที่อยู่ในร่างเธอนี้จะเป็นอีกคนหนึ่งหรือเปล่า?
คนคนนี้อาจมาจากโลกคู่ขนานอื่น หรือกระทั่งว่าคนคนนี้อาจอยู่ในมิติเดียวกันกับเธอ เป็นคนในโลกแห่งความเป็นจริง
หลินเยียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนจะเป็นไปได้มากจริงๆ
ถ้าเป็นแบบนี้…
อย่างนั้นจิตสำนึกนี้คือใครกันแน่?
หรือจะเป็น…แฟนคลับเผยอวี้เฉิง?
ตอนที่ 680 ของขวัญที่ดีที่สุด
และเพราะเป็นแฟนคลับเผยอวี้เฉิง ดังนั้นถึงเข้าใจเผยอวี้เฉิงมากขนาดนี้ ถึงรู้ว่าก่อนหน้านี้เผยอวี้เฉิงเข้าโรงพยาบาล ถึงเข้าออกคฤหาสน์เผยอวี้เฉิงได้อย่างอิสระ ถึงรู้ความชอบของเผยอวี้เฉิงเป็นอย่างดี กระทั่งว่าแม้แต่รสชาติของอาหารก็ยังทำออกมาเหมือนเผยอวี้เฉิงราวกับแกะ…
หลินเยียนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้…
เพียงแต่ในช่วงที่เธอคบหากับเผยอวี้เฉิงอยู่นี้ เหมือนจะไม่เห็นว่ามีคนแบบนี้อยู่ข้างกายเผยอวี้เฉิงเลยนี่นา?
อีกอย่างถ้าหากมีแฟนคลับแบบนี้จริง ตัวเธอในโลกแห่งความเป็นจริงไปไล่ตามจีบเอาเองก็ได้ ทำไมต้องเข้าสิงร่างเธอเพื่อช่วยเธอจีบเผยอวี้เฉิงด้วยล่ะ
ยัยนั่นโง่หรือไงกัน? นี่ไม่ใช่การปักชุดวิวาห์ให้คนอื่นงั้นเหรอ
หรือว่าจะ…มีเหตุผลจำเป็นอะไรบางอย่าง
ไม่อาจครอบครองในโลกแห่งความเป็นจริง เลยเข้าสิงร่างเธอด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ใช้ร่างของเธอคบหากับเผยอวี้เฉิงไปเลย?
ยังมีความเป็นไปได้ที่น่ากลัวอีกอย่างหนึ่ง
ตอนนี้อีกฝ่ายแค่เข้าสิงร่างเป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่หากวันหลังร่างกายถูกอีกฝ่ายยึดครองไปโดยสิ้นเชิงจะทำอย่างไรล่ะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินเยียนก็รู้สึกตกใจอยู่บ้าง
แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ค่อยได้ อัตราที่อีกฝ่ายเข้าสิงร่างมีน้อย มิหนำซ้ำเธอจำได้อย่างเลือนรางว่าตอนบ่ายในชั่วพริบตาที่อีกฝ่ายรูดบัตรของเธอ มีอยู่หลายวินาทีที่เธอได้สิทธิ์ในการควบคุมร่างกายกลับคืนมา นั่นหมายความว่าขณะที่ถูกอีกฝ่ายควบคุมอยู่นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสช่วงชิงสิทธิ์ในการครอบครองร่างกลับคืนมาเสียทีเดียว…
หลังจากกินอาหารมื้อนี้จบ ภายในสมองน้อยๆ ของหลินเยียนก็จินตนาการพล็อตเรื่องออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน…
ไม่ว่าอย่างไรวันเกิดของเผยอวี้เฉิงก็ถือว่าผ่านพ้นไปโดยปราศจากความเสี่ยงใดๆ เสียที
“วันนี้มีความสุขมาก ขอบใจนะ” เผยอวี้เฉิงเอ่ย
“ไม่ต้องเกรงใจๆ ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ฉลองวันเกิดให้คนอื่น ไม่รู้ว่าควรทำยังไงเหมือนกัน คุณเผย คุณมีความสุขก็ดีแล้ว! ครั้งหน้าฉันต้องเตรียมของขวัญวันเกิดที่ดีกว่านี้ให้คุณเผยแน่นอนค่ะ!” หลินเยียนพูดด้วยใบหน้าประจบสอพลอ
เผยอวี้เฉิงมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอันลึกซึ้ง เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ ออกมาว่า “คุณหลินรู้หรือเปล่าว่าของขวัญวันเกิดที่ดีกว่านี้คืออะไร”
หลินเยียนครุ่นคิด “ก็คือ…แพงกว่านี้?”
ก่อนหน้านี้เธอเคยถามพี่สาวคนนั้นด้วยคำถามเดียวกัน ตอนนั้นไม่ได้รับคำตอบ ต่อมาพอครุ่นคิดด้วยตัวเอง รู้ว่าของขวัญที่ดียิ่งกว่านี้จะต้องเป็นของที่แพงมากกว่านี้แน่นอน
พอคิดถึงตรงนี้หลินเยียนก็อดบ่นกับเผยอวี้เฉิงไม่ได้ “ก่อนหน้านี้มีคนบอกฉันว่าวิธีการเบสิกก็คือซื้อของขวัญ วิธีที่ดีกว่านั้นอีกหน่อย ก็คือเตรียมของขวัญด้วยตัวเอง และยังมีวิธีการที่ดียิ่งกว่านี้ ไม่ต้องใช้เงิน และไม่ต้องทำด้วยตัวเองอีกด้วยค่ะ
แต่ฉันคิดว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย มีของขวัญที่ทั้งถูกทั้งไม่ต้องทำอะไร ของขวัญที่ทั้งไม่ต้องเสียเงินและไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงอยู่ที่ไหนกัน เห็นชัดว่าไม่มีความจริงใจมากเลยนะคะ!”
เผยอวี้เฉิงได้ยินถึงตรงนี้ก็มองหญิงสาวด้วยท่าทีแฝงความนัยลึกซึ้ง “แต่ก็มีของขวัญแบบนั้นอยู่จริงๆ นี่”
“หา? คืออะไรเหรอคะ” หลินเยียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างยิ่งทันที
เผยอวี้เฉิงยื่นฝ่ามือกว้างออกไป ขยี้ศีรษะหญิงสาวเบาๆ เสียงที่เย็นยะเยือกเล็กน้อยดังขึ้นภายในห้องโถงอันเงียบสงัด “ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือตัวเธอ”
หลินเยียน “…”
ชั่วพริบตาที่เผยอวี้เฉิงพูดจบ หลินเยียนก็ตะลึงงันอยู่กับที่
หลายวินาทีหลังจากนั้นใจของเธอก็เริ่มมีกวางน้อยวิ่งห้อตะบึงอย่างเร็วรี่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง…
ของขวัญที่ดีที่สุด…ก็คือๆๆ…คือตัวเธอ?
คงไม่ได้หมายความอย่างที่เธอเข้าใจหรอกนะ?
เธอคงความรู้สึกที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งต่อเผยอวี้เฉิงมาโดยตลอด ปราศจากความคิดที่ไม่ให้เกียรติอื่นใดทั้งสิ้น โอเคไหม!
มิน่าพี่สาวคนนั้นถึงบอกว่าไม่เหมาะกับเธอตอนนี้…