ลืมรักเลือนใจ - ตอนที่405อย่าสมมติเรื่องที่น่ากลัวแบบนี้ตอนที่406หวาน
ตอนที่ 405 อย่าสมมติเรื่องที่น่ากลัวแบบนี้
เมื่อหลินเยียนรู้ตัวว่าพลั้งปากออกไปจึงรีบพูดแก้ขึ้นมาว่า “คือว่า พูดผิดๆ น่ะ! ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงิน แต่ชั้นไม่มีความสามารถแบบนั้นจริงๆ นะ…”
ซิงเฉินได้ยินก็มีสีหน้าสิ้นหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่อยากล้มเลิกอยู่ดี เขาพูดเสียงสั่นออกมาว่า “คุณหลินเยียน บางทีคุณอาจยังไม่รู้ว่าคุณมีความสำคัญต่อพี่อวี้มากแค่ไหน เขาให้ความสำคัญกับคุณมากนะครับ คำพูดของคุณมีประโยชน์มากกว่าคำพูดของพวกเรา
แน่นอน ผมรู้ว่าการขอให้คุณเสี่ยงอันตรายแบบนี้มันออกจะเกินเลยไป ผมรู้ว่าบางทีต่อให้คุณไปพูดก็ไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของพี่อวี้ได้ เพียงแต่ผมขอร้องไม่มาก แค่ขอให้คุณ…ขอให้คุณลองดูสักหน่อย ได้หรือเปล่าครับ? ผมยินดีจ่ายค่าตอบแทนเท่าไหร่ก็ได้เพื่อเรื่องนี้!”
ซิงเฉินพูดพลางงอเข่า กำลังจะคุกเข่าให้หลินเยียน
หลินเยียนรีบหยุดการกระทำของซิงเฉิน “อย่า ฉันรับไม่ไหว”
หลินเยียนเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากครุ่นคิดอยู่นานจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “แบบนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะหาโอกาสเหมาะๆ เลือกช่วงเวลาที่คุณเผยอวี้เฉิงเขาอารมณ์ดีแล้วพูดถึงสักหน่อย ฉันจะพยายามลองดู แต่ผลลัพธ์หลังจากการลองทำแล้วจะเป็นยังไง ฉันไม่กล้ารับประกันอะไรทั้งนั้นนะ…”
ซิงเฉินเมื่อได้ฟังคำพูดของหลินเยียนก็แสดงความตื่นเต้นขึ้นมาบนใบหน้าทันที “ขอบคุณ! ขอบคุณครับ คุณหลิน! ถ้าคุณอยากให้ผมทำอะไร ต่อให้บุกน้ำลุยไฟ ผมจะไม่ปฏิเสธเลย!”
หลินเยียนกล่าวด้วยสีหน้าจนปัญญา “ฉันไม่ได้มีคำขออะไรหรอกนะ หวังแค่ว่า…วันหลังถ้า…ถ้าหาก…ฉันพูดว่าถ้าหากนะ…ถ้าหากฉันเลิกกับคุณเผยของพวกนาย…ถึงเวลาถ้าเกิดต่อสู้กันขึ้นมา พวกนายจะช่วยฉันหนีเอาชีวิตรอดอะไรทำนองนี้…”
ซิงเฉิน “…”
ฉินฮวน “…”
พอสองคนได้ยินคำพูดของหลินเยียนก็หลั่งเหงื่อเย็นทันที
ฉินฮวนพูดด้วยความประหวั่นลนลานทำอะไรไม่ถูก “แม่เจ้าประคุณรุนช่องของผม คุณอย่าสมมติเรื่องน่ากลัวแบบนี้สิครับ! ถึงยังไงถ้าวันหลังคุณเจอเรื่องลำบากอะไรเข้า ผมกับซิงเฉินก็ต้องพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ ไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้วล่ะครับ!”
ซิงเฉินพอได้ฟังก็ออกแรงพยักหน้า
หลินเยียนถอนหายใจ “เอาเถอะ งั้นก็เอาตามนี้ เพียงแต่พวกนายอย่าเพิ่งร้อนใจไปก่อนเลย ฉันต้องให้ผ่านไปสักช่วงหนึ่ง หาโอกาสเหมาะๆ แล้วค่อยพูด ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้พวกนายเพิ่งจะทำให้เขาโมโหไป แล้วฉันเข้าไปพูดอีก ผลลัพธ์ต้องยิ่งแย่มากกว่าเดิมแน่นอน”
ซิงเฉินผงกศีรษะอย่างต่อเนื่อง “ผมจะเชื่อฟังคุณหลินทุกอย่าง ถ้าต้องการอะไร คุณติดต่อผมได้ทุกเมื่อนะครับ”
“ได้”
เนื่องจากห่วงว่าเผยอวี้เฉิงจะรู้ตัวว่าพวกเขากำลัง ‘วางแผนลับ’ อยู่ที่นี่ ดังนั้นเมื่อคุยเสร็จแล้ว หลินเยียนจึงรีบให้ทั้งสองคนจากไปทันที
และตอนนี้น้ำแกงแก้เมาก็ทำเสร็จแล้วพอดี
หลินเยียนยกน้ำแกงออกมา ตัวเองชิมก่อนคำหนึ่ง เปรี้ยวๆ แถมยังคล่องคอมากอีกด้วย ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์
เมื่อชิมเสร็จ หลินเยียนก็กะพริบตา ถึงยังไงเผยอวี้เฉิงก็ไม่รู้รสชาติอะไรอยู่แล้ว จะอร่อยหรือไม่อร่อยก็ไม่สำคัญนี่นา?
หลินเยียนยื่นหน้าออกไปมองที่ห้องรับแขก จากนั้นก็ยกน้ำแกงเดินเข้าไปทันที
เผยอวี้เฉิงยังคงนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขก
ตอนนี้เขาถอดเสื้อนอกออกแล้ว สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีอ่อนตัวหนึ่งเท่านั้น เอกสารในมือก็หล่นกระจัดกระจาย โดยรอบมีกลิ่นไอที่ห้ามคนเข้าไปใกล้แผ่ซ่านออกมา
หลินเยียนลอบถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม จากนั้นก็แข็งใจยกน้ำแกงแก้เมาเดินเข้าไปหาทันที
“คุณเผย น้ำแกงแก้เมาทำเสร็จแล้ว คุณจะกินตอนนี้เลยไหมคะ?” หลินเยียนถาม
“ได้”
ขณะที่เผยอวี้เฉิงกำลังยื่นมือออกไปรับ หลินเยียนก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ร้อนมากนะคะ ให้ฉันทำเองเถอะ ฉันป้อนคุณนะคะ”
ครั้นเผยอวี้เฉิงได้ยิน ดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจออกมาวูบหนึ่ง มองไปทางหญิงสาวด้วยแววตาอันลุ่มลึกเล็กน้อย
“ขอบคุณ”
ตอนที่ 406 หวาน
“ไม่ต้องเกรงใจๆ สมควรแล้วล่ะค่ะ…”
หลินเยียนนั่งลง จากนั้นก็เป่าให้เย็นด้วยความระมัดระวัง ป้อนส่งถึงริมฝีปากเผยอวี้เฉิง
เผยอวี้เฉิงก้มหน้า จิบไปคำหนึ่ง
ถึงจะรู้ว่าเผยอวี้เฉิงกินไม่รู้รสชาติ แต่หลินเยียนก็ยังสนใจคำวิจารณ์จากอีกฝ่ายอยู่ดี “เป็นยังไงบ้างคะ?”
ชายหนุ่มสบกับสายตามุ่งหวังรอคอยของหญิงสาว ริมฝีปากบางขยับเบาๆ พร้อมพูดว่า “หวาน”
“…” เมื่อหลินเยียนได้ยินก็นิ่งอึ้ง หวานงั้นเหรอ
เปรี้ยวชัดๆ นี่นา แถมเขาไม่รู้รสชาติไม่ใช่รึไง
“หา? คุณไม่…”
คล้ายเผยอวี้เฉิงจะมองความสงสัยของหญิงสาวออก ดังนั้นจึงหัวเราะเบาๆ พร้อมตอบว่า “ฉันไม่รู้รสชาติจริงๆ มีคนบอกว่า ‘ความหวาน’ คือรสชาติที่ทำให้คนมีความสุขอย่างหนึ่ง”
ดังนั้นเขาจึงคิดว่าของที่เธอทำมาจะต้องหวานอย่างงั้นเหรอ
ดวงใจน้อยๆ ของหลินเยียนเริ่มเต้นกระดอนไปมาอีกแล้ว…
ตอนที่ผู้ชายคนนี้สูญเสียการควบคุมจนบ้าคลั่งนั้นน่ากลัวแทบตาย แต่ตอนไม่โมโหก็มีความสามารถทำให้คนตายได้เหมือนกันนะ!
“เอ่อ คุณชอบก็ดีแล้วล่ะค่ะ…” หลินเยียนสองแก้มร้อนลวกเล็กน้อย พูดเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนา “จริงสิคะ คุณเผย ของในห้องนี้มีหลายอย่างที่ฉันไม่รู้ว่าอันไหนควรแตะต้อง อันไหนไม่ควรแตะต้อง!
ไม่อย่างนั้นอีกสักครู่คุณช่วยบอกฉันให้ละเอียดหน่อยว่าของชิ้นไหนต้องห้าม จะได้ไม่แตะต้องซี้ซั้วน่ะค่ะ ไม่อย่างงั้นถ้าหากฉันไปแตะต้องของที่ไม่ควรแตะต้องอะไรเข้าอีก คงไม่ดีแน่…”
พอเผยอวี้เฉิงได้ยินก็ดันแว่นตากรอบทองขึ้น เอ่ยปากพูดอย่างแช่มช้าออกมาว่า “ในบ้านหลังนี้ ขอเพียงเป็นของของฉัน ไม่มีอะไรที่เธอแตะต้องไม่ได้”
ไม่รอให้หลินเยียนเอ่ยปากพูด เผยอวี้เฉิงหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แน่นอนว่ารวมถึงฉันด้วย”
“แค่กๆๆๆ…” หลินเยียนตกใจจนเกือบสำลักน้ำลาย ไอออกมาทันที
แตะต้องของของเผยอวี้เฉิงอะไรก็ได้ตามใจชอบ…
หนักแน่นเข้าไว้ๆ! เธอไม่ได้มีความคิดผิดคุณธรรมแบบนั้นนะ!
นับตั้งแต่ถูกบีบบังคับให้ ‘กลัว’ เมื่อหลายวันก่อน และได้อยู่ร่วมห้องกับเขาคืนหนึ่ง เธอก็ไม่ได้มีพฤติกรรมที่เกินขอบเขตอีกเลย!
เมื่อป้อนน้ำแกงแก้เมาให้เผยอวี้เฉิงเสร็จแล้ว หลินเยียนก็กล่าวราตรีสวัสดิ์ กลับห้องไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นสิ่งที่เธอทำเป็นอันดับแรกก็คือทยอยส่งข้อความหาเผยอวี่ถังและเผยหนานซวี่คนละข้อความ ถามว่าในบ้านของพวกเขามีอะไรที่เป็นของพวกเขาสองคนบ้าง วันหลังตัวเองจะได้เลี่ยงการเหยียบกับระเบิดอีก
เมื่อส่งข้อความไปแล้ว เผยอวี่ถังก็ส่งรายการสิ่งของที่ยาวเป็นพรวนอย่างละเอียดลออมาให้ ทำให้หลินเยียนอ่านจนตาลาย
เด็กเปรตคนนี้นี่ แม้แต่ถุงเท้าที่เผลอทำหล่นใต้โซฟาก็เขียนมาเพื่ออะไรกันยะ
เธอว่างมากถึงขนาดไปเอาเจ้านี่มาเล่นรึไง?
ที่น่ารำคาญกว่านั้นก็คือ เธอพบว่าภาพอวตารในข้อความวีแชทของเผยอวี่ถังกลับเป็นภาพที่เขียนว่า ‘ขออวยพรให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่รักกันจนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร’
ช่างขัดลูกตาเสียจริง!
ต่อมาไม่เพียงเผยอวี่ถัง แม้แต่รายการสิ่งของที่เผยหนานซวี่ส่งมาก็ค่อนข้างละเอียดเช่นเดียวกัน กระทั่งว่ายังเน้นเวลาที่เขากลับมาในแต่ละวันอีกด้วย จะได้ให้เธอหลบเลี่ยงไม่ต้องเจอได้สะดวก
ความต้องการเอาตัวรอดของสองพี่น้องนี่ค่อนข้างรุนแรงเหมือนกันนะ…
ส่วนเรื่องที่รับปากซิงเฉิน หลินเยียนตัดสินใจว่ารอให้เธอเพิ่มระดับความรู้สึกดีๆ ของเผยอวี้เฉิงให้มากขึ้นอีกแล้วค่อยว่ากัน แบบนี้จะค่อนข้างปลอดภัยกว่า
ก่อนหน้านี้ซิงเฉินให้แอคเคาท์คิวคิวเธอไว้เพื่อใช้ในการติดต่อ หลินเยียนจึงส่งข้อความหาเขาข้อความหนึ่ง [รอโอกาส อย่าเพิ่งรีบร้อน]
ซิงเฉินตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว [ได้ครับ! ขอบคุณครับ คุณหลิน!]
เมื่อส่งข้อความเสร็จ หลินเยียนก็ปัดอ่านโพสต์เขียนบรรยายความรู้สึกของซิงเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ บังเอิญสังเกตเห็นคิวคิวหนึ่งของซิงเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ [พี่อวี้พี่สะใภ้อวี้รักกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย จิตใจผูกพันนิรันดร!]
หลินเยียน “…”
พวกนายพอหรือยังยะ…
ในละครโทรทัศน์ทั่วไป เนื้อเรื่องระหว่างซินเดอเรลลาที่มีความรักกับท่านประธานเผด็จการแบบนี้ คนที่อยู่รอบตัวท่านประธานเผด็จการควรออกมาคัดค้านกันหมดไม่ใช่รึไง?
นี่มันบทแปลกประหลาดพิสดารอะไรกันเนี่ย