ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 103 มีคนอยากได้พี่สะใภ้
บทที่ 103 มีคนอยากได้พี่สะใภ้
เห็นแค่ ลู่เจิงยื่นมือถือให้เจียงสื้อสื้อ แล้วพูดว่า “แอดวีแชตหน่อยสิ อีกหน่อยมีเรื่องอะไรจะได้ติดต่อสะดวก”
เจียงสื้อสื้อเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ รับมือถือมาแล้วก็แอดวีแชตของตัวเองไปแล้วก็ยื่นให้กับลู่เจิง
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะ ไว้ติดต่อกัน”
“ ได้ค่ะ รุ่นพี่เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“อืม”
ลู่เจิงตอบกลับไปด้วยเสียงคมเข้ม เขาเดินกลับไปที่รถ ก่อนจะไปก็ส่งสายตาอ่อนโยนให้กับเจียงสื้อสื้อ จากนั้นก็สตาร์ทรถขับออกไป
แต่ภาพเมื่อสักครู่ ก็บังเอิญให้ซูซานที่เพิ่งกลับจากงานข้างนอกมาเห็นเข้า
มองดูรถที่ขับออกไป ซูซานเอ่ยปากถามว่า “สื้อสื้อ ใครส่งเธอกลับบริษัทหรือ?”
เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดว่า “อ้อ ผู้จัดการซู คือผู้จัดการของบริษัทLGค่ะ ฉันไปพบเขาเพื่อคุยงานเมื่อตอนบ่าย ถึงรู้ว่าเขาคือรุ่นพี่ของฉัน”
ระหว่างที่พูดทั้งสองก็เดินเข้าไปในบริษัท
“โอ้ ใช่หรือ? ทำไมบังเอิญจัง!” ซูซานหัวเราะ แต่สีหน้าท่าทางดูแปลก ๆ
ในใจซูซานรู้สึกเหมือนจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล แค่จากสายตาที่เขามองเจียงสื้อสื้อนั้นก็ต้องคิดอะไรแน่นอน แล้วยังเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยอีก ดูแล้วคงจะไม่ธรรมดา!
กลับมาที่ออฟฟิศ ซูซานก็รีบโทรหาจิ้นเฟิงเหรา รายงานเรื่องนี้ให้กับเขา
หลังวางสาย จิ้นเฟิงเหราไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบวิ่งไปที่ห้องทำงาน รีบเอ่ยปากบอกจิ้นเฟิงเฉิน “พี่ พี่ พี่ ไม่ดีแล้ว มีผู้ชายแอบอยากได้พี่สะใภ้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินที่กำลังดูเอกสาร ได้ยินแล้ว สายตาเขาค่อย ๆ มองลึกลงไป
สองวันมานี้ เขาค่อนข้างยุ่ง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเวลาพาเสี่ยวเป่าไปหาเจียงสื้อสื้อ
ตอนนี้เมื่อได้ยินจิ้นเฟิงเหราพูดแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินจึงเอ่ยปากถามว่า “เรื่องเป็นยังไง”
“ยังจะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ ในมือของพี่สะใภ้มีโปรเจคหนึ่ง แล้วก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง”
จิ้นเฟิงเฉิน……
เขาไม่ได้พูดอะไรและมองไปที่จิ้นเฟิงเหรา เม้มปากแล้วพูดว่า “เป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้”
“ไม่ใช่นะ พี่ พี่ฟังผมพูดให้จบก่อน! ผู้ชายคนนั้นเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยของพี่สะใภ้ ตอนที่ผมไปสืบประวัติพี่สะใภ้ก็รู้มาว่าเขาชอบพี่สะใภ้มาตลอด เพียงแต่ว่ายังไม่ทันได้สารภาพก็ถึงหลานซือเฉินแย่งไปก่อน ตอนนี้ทั้งคู่มาเจอกัน เห็นได้ชัดว่านายลู่เจิงคนนี้อยากจะจีบพี่สะใภ้แน่นอน”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินแล้ว ก็ตาวาว แต่สีหน้าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จิ้นเฟิงเหราดูท่าทีของเขาไม่ได้ร้อนรนอะไร ทนไม่ได้ที่เอ่ยปากพูดว่า “พี่ พี่จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะ จะปล่อยให้ผู้หญิงเหงาเดียวดายนานเกินไปไม่ดี ไม่อย่างนั้นเธออาจเปลี่ยนใจได้ทุกนาที และอีกอย่าง ลู่เจิงคนนี้ก็ไม่ได้แย่เลย เขาทั้งอ่อนโยนและหน้าตาดีทั้งยังรู้จักกับพี่สะใภ้มานาน พี่ไม่กลัวว่าพี่สะใภ้จะไปชอบเขาหรือ?”
จิ้นเฟิงเฉินพูด “เธอไม่ทำอย่างนั้นหรอก” เขานั้นเชื่อใจเจียงสื้อสื้อ หยุดไปสักพัก เขามองไปที่จิ้นเฟิงเหรา แล้วพูดอีกว่า “ช่วงนี้ว่างมากเกินไปใช่ไหม ถ้าไม่มีอะไรจะได้สั่งงานให้ไปทำเอาไหม?”
“ไม่ใช่นะ……พี่ ผม ผม ผม ผมยังมีงานต้องทำ ไม่รบกวนเวลางานพี่แล้วนะ”
พูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็รีบวิ่งออกจากห้องทำงาน
หลังออกจากห้องมาแล้ว เขาถึงค่อย ๆ เดิน มองไปที่ประตูห้องทำงาน ในใจของจิ้นเฟิงเหราก็ไม่วายที่จะรู้สึกว่า พี่ชายตัวดีของเขานี้ช่างไม่รับรู้ความหวังดีของเขาซะเลย อุตส่าห์ไปเตือนด้วยความหวังดี แล้วยังไม่หยุดอีก
รอวันเช็ดน้ำตาตอนที่โดนแย่งพี่สะใภ้ไปเลย แล้วเขาก็จะไม่สนใจเรื่องของทั้งสองคนอีก
จิ้นเฟิงเหราที่กำลังคิดอยู่ และว่ากำลังจะออกไป ก็เป็นจังหวะที่ซูชิงหยิงเดินมา
เธอใส่ชุดทำงานสีดำ ดูแล้วภูมิฐานมาก เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉิน ซูชิงหยิงก็เดินเข้ามาและยิ้มทักทายว่า “เฟิงเหรา ฉันมาหาพี่ชายคุณพอดี”
จิ้นเฟิงเหราเอ่ยปากบ่นว่า “อืม แต่ว่ายังไม่ทันพูดอะไรก็โดนไล่ออกมาแล้ว แล้วยังพูดต่ออีกว่า พี่ชิงหยิง ว่าพี่ชายผมสักคำสองคำ ให้เขาอย่าทำงานจนลืมเรื่องราวต่าง ๆไปหมด”
“ ฉันเคยพูดแล้ว แต่เธอก็รู้จักพี่เธอดีว่าไม่มีประโยชน์ เมื่อคืนไปหาลูกค้าจนดึก คืนนี้ยังจะไปอีก ไม่รู้ว่าจะดื่มอีกเท่าไหร่”
ซูชิงหยิงเองก็เตือนให้จิ้นเฟิงเฉินพักผ่อนมาก ๆ แต่ว่าเขาก็ไม่ฟัง ท่าทีของเขาที่มีต่อเธอก็ยังคงเย็นชา เธอเองก็จนปัญญา
“คุณบอกว่าวันนี้เขาจะไปสังสรรค์กับลูกค้าอีกหรือ”
ซูชิงหยิงพยักหน้าหงึก ๆ
จิ้นเฟิงเหราได้ยินแล้ว ก็หรี่ตา ในหัวเหมือนคิดอะไรได้ ยิ้มและพูดว่า “คืนนี้ผมจะไปด้วย ”
พูดจบ ซูชิงหยิงรีบพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันไปด้วยได้ ยังไงเสียฉันก็เป็นเลขาของประธานจิ้น เฟิงเหราคุณก็จะได้ไปทำงานอย่างอื่นหรือจะได้พักผ่อน”
“ไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ ผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่ดึก ๆ ไม่ปลอดภัย ผมจะไปเป็นเพื่อนพี่ชายคืนนี้เอง”
แม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่จิ้นเฟิงเฉินก็คิดพึมพำในใจว่า ถ้าหากคุณแอบเคลมพี่ชายผมตอนกลางคืนจะทำยังไง อืม แล้วเขาจะไว้ใจให้ซูชิงหยิงไปสังสรรค์กับลูกค้าพร้อมพี่ชายเขาได้ยังไง !
ซูชิงหยิงสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่จิ้นเฟิงเหราจากไปแล้ว เธอก็กลับไปที่นั่งของเธอ เพื่อนร่วมงานข้าง ๆ ก็ทักทายเธอด้วยความกระตือรือร้น
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลงานของซูชิงหยิงนั้นก็เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคน
บวกกับการที่เธอเป็นคนร่าเริงกระตือรือร้น และยังเป็นคุณหนูใหญ่ของ ตระกูลซู แต่ไม่ได้วางท่าทางใหญ่โตอะไร
เพราะฉะนั้นเพื่อนร่วมงานต่างก็ชอบคบหากับซูชิงหยิง และยิ่งรู้สึกว่าเธอกับเจินเฟิงเฉินนั้นเหมาะสมราวกับกิ่งทองทองใบหยก
เมื่อรู้ว่าทุกคนคิดแบบนี้ ในใจของเธอก็แอบดีใจไม่น้อย
ในหัวของเธอก็พลอยคิดไปถึงผู้หญิงที่ชื่อเจียงสื้อสื้อ วันสองวันมานี้ เธอใช้ให้คนไปติดตามดูเธอตลอด
ซูชิงหยิงเองก็รู้เรื่องที่แม่จิ้นไปหาเจียงสื้อสื้อ
ไม่ต้องคิด ซูชิงหยิงก็พอเดาได้ว่าแม่จิ้นพูดอะไรกับเจียงสื้อสื้อ
วันสองวันนี้ จิ้นเฟิงเฉินนั้นมัวยุ่งแต่กับงานไม่ได้มีเวลาไปหาเจียงสื้อสื้อเลย ส่วนเสี่ยวเป่าก็คู่ตายายของตระกูลจิ้นช่วยดูแลอยู่
เป็นแบบนี้ต่อไป เจียงสื้อสื้อก็จะต้องถูกลืมในไม่นาน
คิดแล้ว ซูชิงหยิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
……
เมื่อถึงเวลาค่ำ จิ้นเฟิงเหราก็ได้รออยู่ที่ใต้ตึกจิ้นกรุ๊ปแล้ว ประมาณสองทุ่ม จิ้นเฟิงเฉินกับซูชิงหยิงก็เดินออกมาจากลิฟท์พร้อมกัน
“พี่!” จิ้นเฟิงเหรายิ้มและกล่าวทักทายไป
ซูชิงหยิงสีหน้าเปลี่ยนไป ตอนแรกเธอคิดว่าจิ้นเฟิงเหราจะพูดเล่น คิดไม่ถึงว่า เขาจะมาจริง ๆ
จิ้นเฟิงเฉินมองดูเขาด้วยสายตาสงสัย เหมือนจะถามเขาว่าเขาจะทำอะไร
“พี่ ได้ยินมาว่าวันนี้มีสังสรรค์กับลูกค้า ผมก็เลยกะจะไปด้วยเพื่อเป็นประสบการณ์น่ะ”
พูดแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็รีบเข้าไปนั่งข้างคนขับแทนซูชิงหยิงอย่างรวดเร็ว
ซูชิงหยิงจึงต้องไปนั่งด้านหลังคนเดียว
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้ห้ามอะไร จึงไปงานด้วยกันทั้งสามคน
ตลอดทาง จิ้นเฟิงเหราก็หาเรื่องมาคุยตลอด ดูแล้วจะอารมณ์์ดีเป็นพิเศษ
ซูชิงหยิงก็แอบไม่พอใจอยู่ในใจ ถ้าหากรู้แบบนี้เธอไม่พูดเรื่องนี้กับจิ้นเฟิงเหราก็ดี ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องตามมาด้วย ตัวเธอเองก็จะได้มีโอกาสอยู่กับจิ้นเฟิงเฉินสองคน
แม้ใจใจจะคิดแบบนี้ แต่ว่าซูชิงหยิงก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา เธอยังคงยิ้มและพูดคุยกับจิ้นเฟิงเหรา