ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1046 ความสำเร็จแปดสิบเปอร์เซ็นต์
จี้ตงถางไปที่เมืองจิ่นด้วยตัวเอง แต่กลับรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่อยู่ จึงส่งมอบแฟลชไดรฟ์ให้จิ้นเฟิงเหรา
“ลำบากพวกนายแล้ว” จิ้นเฟิงเหรากำแฟลชไดรฟ์เอาไว้ในมือ ก่อนจะยิ้มให้จี้ตงถางอย่างซาบซึ้งใจ
“ไม่ลำบากหรอก” จี้ตงถางเลิกคิ้ว “พี่ชายนายล่ะ?”
“เขาไปอิตาลีแล้ว”
“อิตาลี?” จี้ตงถางอุทานอย่างตกใจ “เขาไปทำอะไร?”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
จิ้นเฟิงเหราเลือกที่จะปกปิด เพราะไม่อยากให้มีคนเป็นกังวลมากเกินไป
“นายเป็นน้องชายของเขาก็ไม่รู้เหรอ?” จี้ตงถางไม่เชื่อเขา
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ไม่ใช่ว่านายไม่รู้จักนิสัยพี่ชายฉัน ที่ผ่านมาเขาทำอะไรก็ทำอย่างเงียบๆ มาตลอด อย่าว่าแต่ฉันที่เป็นน้องชายของเขาเลย แม้แต่พ่อแม่ก็ยังไม่รู้เลย”
เรื่องนี้จี้ตงถางเห็นด้วย “นั่นมันก็จริง”
จิ้นเฟิงเหรามองลงไปที่แฟลชไดรฟ์ในมือ พลางถาม “ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกใช่ไหม?”
แม้เขาจะถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่จี้ตงถางรู้ว่าเขากำลังถามถึงอะไร จึงถอนหายใจออกมาหนักๆ “คนของอะเยว่ถูกจับได้ อาจจะต้องติดคุก”
จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?”
“นายไม่ต้องห่วงหรอก” จี้ตงถางตบไหล่เขา “เรื่องนี้พวกเราจะจัดการเอง ยิ่งกว่านั้น ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
ในเมื่อพิเอร์สไม่ใช่คนจิตใจดีอะไร ครั้งนี้การที่เขาเลือกที่จะแจ้งตำรวจ สำหรับพวกเขามันถือว่าโชคดีมากในความโชคร้ายแล้ว
“ถ้ามีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ บอกกับฉันได้ตลอดเวลานะ”
ก่อนที่พี่ชายของเขาจะเดินทางไปอิตาลี ได้กำชับกับเขาเป็นพิเศษว่าให้ติดตามใส่ใจสถานการณ์ของพวกจิ่งหลิวเยว่ เมื่อถึงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือก็ต้องลงมือช่วยเหลือทันที
จี้ตงถางยิ้ม “ฉันรู้”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก กว่าจี้ตงถางจะกลับไป
ส่วนจิ้นเฟิงเหราก็นำแฟลชไดรฟ์ตรงไปที่สถาบันวิจัย
โม่เหยียกับหานยู่กำลังกลัดกลุ้มที่งานวิจัยไม่คืบหน้า หัวของพวกเขาสองคนแทบจะถูกเกาจนจะแตกอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ เลย
การมาถึงอย่างกะทันหันของจิ้นเฟิงเหรา ทำให้พวกเขาทั้งคู่ประหลาดใจมาก
“คุณชายรอง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” โม่เหยียถาม
“เอาของมาส่งให้พวกนาย”
จิ้นเฟิงเหราเดินเข้าไปหาพวกเขาและยื่นมือออกมา
“แฟลชไดรฟ์?” โม่เหยียมองไปที่แฟลชไดรฟ์ในมือของเขา ก่อนหันไปมองหานยู่ด้วยสีหน้าแปลกใจ
หานยู่เองก็งงอยู่เช่นกัน เขาหยิบแฟลชไดรฟ์ขึ้นมาดู แล้วถามว่า “นี่อะไรครับ?”
“ข้างในนี้คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับไวรัส” จิ้นเฟิงเหรากล่าว
เมื่อได้ยินดังนั้น โม่เหยียก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันที เขารีบคว้าแฟลชไดรฟ์ไป “คุณชายรอง คุณพูดจริงเหรอครับ?”
เมื่อเห็นว่าเขาตื่นเต้นจนมือที่กำลังถือแฟลชไดรฟ์อยู่พลอยสั่นไปด้วยแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็อดขำออกมาไม่ได้ “จริงอยู่แล้วสิ ฉันจะโกหกพวกนายเพื่ออะไร?”
“นี่…มาจากไหนเหรอ?” หานยู่ถาม
“พี่ชายฉันคิดหาวิธีเอามาได้น่ะ” เมื่อจิ้นเฟิงเหราเห็นว่าพวกเขายังคงยืนนิ่ง จึงพูดยิ้มๆ ว่า “พวกนายไม่ไปลองเปิดดูหน่อยเหรอ?”
โม่เหยียรีบหันกลับเดินไปที่คอมพิวเตอร์ เสียบแฟลชไดรฟ์เข้าไป ทันทีที่แถบแสดงความคืบหน้าในการอ่านข้อมูลสิ้นสุดลง เขาก็รีบเปิดมันทันที
ทันใดนั้น ข้อมูลของไวรัสก็ปรากฏต่อหน้าเขาทันที
หานยู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เมื่อเห็นเนื้อหาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นมาช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
มันคือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับไวรัสจริงๆ
พวกเขาศึกษาวิจัยอย่างหนักเป็นเวลาหลายเดือน ก็สามารถวิจัยออกมาได้เพียงโครงสร้างส่วนหนึ่งของไวรัสเท่านั้น แต่ในข้อมูลนี้ เป็นข้อมูลของไวรัสอย่างละเอียด
มือของโม่เหยียที่กุมเมาส์อยู่กำลังสั่น เขาตื่นเต้นมากจริงๆ
เพียงแค่มีข้อมูลฉบับนี้ การวิจัยของพวกเขาก็มีความหวังขึ้นมาแล้ว
จิ้นเฟิงเหราเดินเข้าไป ถามยิ้มๆ ว่า “เป็นยังไงบ้าง? ข้อมูลเป็นของจริงใช่ไหม?”
โม่เหยียและหานยู่หันกลับมามองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เป็นของจริงครับ” บนใบหน้าของโม่เหยียยากจะซ่อนรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นเอาไว้ได้ “ผมกับหานยู่จะใช้ข้อมูลนี้ เริ่มเจาะองค์ประกอบโครงสร้างของไวรัสทีละส่วนๆ ถ้าหากไม่เกิดเหตุนอกเหนือความคาดหมาย คงจะสามารถพัฒนายาที่มีประสิทธิภาพพอจะยับยั้งไวรัส ตลอดจนกำจัดไวรัสได้ครับ”
“ความสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์?”
โม่เหยียเหลือบมองข้อมูลในคอมพิวเตอร์ มุมปากฉีกยิ้มขึ้น แล้วตอบอย่างมั่นใจ “อย่างน้อยแปดสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ฉันจะรอข่าวดีจากพวกนาย”
…
ทันทีที่ซ่างกวนเชียนได้ยินว่าซ่างกวนหยวนปฏิเสธคำเชื้อเชิญของพิเอร์ส เขาก็รีบไปหาซ่างกวนหยวนเพื่อถามให้ชัดเจนทันที
สิ้นสุดคำแจ้งรายงานจากเลขา ซ่างกวนเชียนก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของซ่างกวนหยวน
“มีธุระเหรอ?” ซ่างกวนหยวนเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร แล้วมองไปที่ซ่างกวนเชียนอย่างเย็นชา
ซ่างกวนเชียนเหลือบมองดูกองแฟ้มเอกสารบนโต๊ะทำงานของเธอ ก่อนเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “รบกวนเธอแล้วหรือเปล่า?”
“ในเมื่อรู้ว่ามันจะรบกวนฉัน นายก็ไม่ควรมา”
เธอมักจะมีวิธีทำให้เขาน้ำท่วมปากพูดไม่ออกภายในประโยคเดียวได้อยู่เสมอ
ซ่างกวนเชียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธที่แทบจะปะทุออกมา ฝืนยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ฉันมาเพื่อถามเธอ ว่าเธอปฏิเสธพิเอร์สไปแล้วจริงๆ เหรอ?”
“ฉันจะปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย?”
ครั้งนี้ ซ่างกวนเชียนทนไม่ไหว ตำหนิออกมาอย่างโกรธเคือง “ซ่างกวนหยวน เธอช่วยพูดดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง? ฉันเป็นพี่ชายเธอนะ ไม่ใช่ศัตรูของเธอ!”
ซ่างกวนหยวนทำหน้าเย็นชาไม่พูดอะไร
ซ่างกวนเชียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธของเขา แล้วพูดอย่างอดทนอดกลั้น “มันต้องเกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว เธอเป็นน้องสาวของฉัน ทั้งยังเป็นรองประธานซ่างกวนกรุ๊ป แล้วก็เป็นหัวหน้าสถาบันวิจัยด้วย ถ้าเธอตอบตกลงไปแล้ว ฉันจะไปหาคนมารับช่วงต่อแทนชั่วคราวได้ที่ไหน?”
นึกว่าเขาจะพูดอะไรอย่างเสียดาย อาลัยอาวรณ์
ซ่างกวนหยวนเย้ยหยัน “ในสายตาของนาย บริษัทสำคัญที่สุดจริงๆ สินะ”
เมื่อเธอพูดแบบนี้ ซ่างกวนเชียนถึงรู้ตัวว่าทำอะไรผิดไป จึงรีบแก้ไขทันที “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น สำหรับฉัน เธอคือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าสถาบันวิจัยของบริษัท หรือว่าฉัน ต่างก็ไม่มีเธอไม่ได้”
“จริงเหรอ?” ซ่างกวนหยวนเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมฉันถึงไม่รู้เลยว่าฉันมีความสำคัญขนาดนั้น?”
“ฉัน…” ซ่างกวนเชียนยังอยากจะอธิบายต่อ เมื่อตระหนักขึ้นได้อีกครั้งก็วกกลับไปอีก รีบวกหัวข้อสนทนากลับทันที “ในเมื่อเธอปฏิเสธไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นบริษัทก็ไม่มีความจำเป็นต้องร่วมมือกับSAกรุ๊ปแล้ว”
“ไม่จำเป็นต้องให้นายไปปฏิเสธ พวกเขาก็ไม่มีทางจะร่วมมือกับพวกเราหรอก” ซ่างกวนหยวนมองเขาอย่างเย็นชา “แต่เดิมก็พุ่งเป้ามาที่ฉันอยู่แล้ว ฉันปฏิเสธไปแล้ว บริษัทก็ไม่มีบทบาทอะไรอีกแล้ว นายผิดหวังมากใช่ไหม?”
“ผิดหวัง?” ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว “ทำไมฉันต้องผิดหวัง? ฉันดีใจแทบไม่ทันเลยต่างหาก”
ขอเพียงแค่เธอสามารถอยู่ที่เมืองหลวง อยู่ที่บริษัทต่อไปได้ เขาไม่สนใจอยากจะร่วมมือกับSAกรุ๊ปเลยสักนิด
“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น จะได้ไม่ต้องมาตำหนิฉันทีหลังอีก”
“ฉันจะไปตำหนิเธอได้ยังไง?” ซ่างกวนเชียนมองเธออย่างจนปัญญา
ซ่างกวนหยวนเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ปิดแฟ้มเอกสารที่กางออกเข้าหากัน พลางพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ฉันจะอยู่ที่สถาบันวิจัยสักระยะ ฉะนั้นช่วงนี้ เรื่องภายในบริษัทนายจัดการรับผิดชอบเองก็แล้วกัน”
“เธอจะวิจัยอะไร?” ซ่างกวนเชียนถาม
“นายไม่ต้องถาม เพราะยังไงนายก็ไม่เข้าใจ”
ซ่างกวนเชียนพยักหน้า “โอเค ฉันไม่ถาม ถึงยังไงเธอก็ควรจะบอกฉันหน่อย ว่าเธอจะอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน?”
“ไม่กี่วันมั้ง” ซ่างกวนหยวนสีหน้าขรึมลงเล็กน้อย ถ้าวิจัยไวรัสนั่นคงจะไม่ง่ายเลย เกรงว่าเวลาแค่ไม่กี่วันคงไม่พอ
“โอเค งั้นเธอก็ตั้งใจทำงานวิจัยของเธอไปเถอะ เรื่องที่บริษัทให้เป็นหน้าที่ของฉัน”
ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่เธออยากจะทำ เขาจะต้องสนับสนุนอย่างสุดกำลังอย่างแน่นอน