ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1047 จะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 1047 จะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้
วันต่อมา หลังจากรับประทานอาหารเช้า เจียงสื้อสื้อกับซ่างหยิงก็ไปโรงพยาบาลด้วยกัน
หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันหลายวัน ทันทีที่ฟางเสว่มั่นเห็นเจียงสื้อสื้อ ก็เซอร์ไพรส์ประหลาดใจอย่างมาก “สื้อสื้อ ลูกกลับมาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “อืม กลับมาแล้วค่ะ”
เพื่อปกปิดเรื่องที่เธอเป็นลมไปก่อนหน้านี้ ไม่ให้แม่ต้องเป็นห่วง น้าเล็กและคนอื่นๆ ต่างพากันโกหกว่าเธอเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว
ฟางเสว่มั่นจับมือของเธอไว้ มองขึ้นลงอย่างพิจารณา ก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากัน “ทำไมถึงผอมลงล่ะ?”
“เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อก้มลงมองตัวเอง และไม่ได้รู้สึกว่าผอมลงเลยสักนิด
“พี่สาม พี่พูดแบบนี้ จะว่าฉันดูแลสื้อสื้อไม่ดีพอหรือเปล่าคะ?” ซ่างหยิงแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ฟางเสว่มั่นรีบอธิบาย “สื้อสื้อออกไปเที่ยวมาไม่ใช่เหรอ? อยู่ข้างนอกคงจะกินไม่อิ่มหลับไม่สบายแน่ๆ”
ซ่างหยิงหัวเราะ “ฉันรู้ค่ะ ฉันแค่ล้อพี่เล่นเท่านั้นแหละ”
เจียงสื้อสื้อโอบไหล่แม่ไว้ด้วยรอยยิ้ม “แม่คะ วางใจเถอะค่ะ ถึงหนูจะผอมลง เดี๋ยวน้าสะใภ้เล็กก็ช่วยหนูบำรุงให้กลับมาเหมือนเดิมค่ะ”
“ลูกคนนี้” ฟางเสว่มั่นแตะๆ มีของเธอ
“เอาล่ะ มาทานอาหารเช้าก่อน แล้วค่อยคุยกันเถอะค่ะ”
ซ่างหยิงจัดอาหารวางไว้บนโต๊ะหมดแล้ว รอแค่ฟางเสว่มั่นมาทานเท่านั้น
“พวกเธอทานมาแล้วเหรอ?” ฟางเสว่มั่นถาม
“ทานมาหมดแล้วค่ะ” ซ่างหยิงวางตะเกียบใส่ในมือเธอ “พี่ค่อยๆ ทานนะ เดี๋ยวฉันจะไปดูคุณพ่อก่อน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็รีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “น้าสะใภ้เล็ก หนูไปด้วยค่ะ”
“จ้ะ”
อาการของคุณท่านฟางยังคงเหมือนเดิม ยังหลับอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะฟื้นขึ้นมา
ทุกครั้งเมื่อเห็นคุณตาที่กระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาอยู่ ตอนนี้กลับกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแบบนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อก็อดรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาไม่ได้
ซ่างหยิงยกอ่างน้ำอุ่นมา ก่อนจะช่วยคุณท่านเช็ดหน้าเช็ดตา เช็ดมือ
เจียงสื้อสื้อยืนมองอยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นเอง เธอก็พบว่านิ้วมือของคุณตาดูเหมือนจะขยับแล้ว!
ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองตาฝาดและมองผิดไป จึงรีบขยี้ตาและมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง ถึงมั่นใจว่ากำลังขยับอยู่จริงๆ
“น้าสะใภ้เล็ก คุณตาขยับแล้ว!” เธอตะโกนอย่างตื่นเต้น
ซ่างหยิงหันไปมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะมองตามทิศทางที่เธอกำลังชี้อยู่ เห็นว่านิ้วมือของคุณท่านกำลังขยับอยู่จริงๆ
น้ำตาซึมออกมาในทันที หล่อนจับมือของคุณท่านเอาไว้ “พ่อคะ ได้ยินเสียงของพวกเราไหมคะ?”
นิ้วมือของคุณท่านขยับอีกเล็กน้อย
ทันใดนั้นซ่างหยิงก็หันไปพูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “สื้อสื้อ คุณตาของหนูได้ยินแล้ว ได้ยินเสียงของพวกเราแล้ว”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็ร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่
ทันทีที่หล่อนร้องไห้ เจียงสื้อสื้อก็พลอยแสบจมูกขึ้นมาด้วยเช่นกัน น้ำตาไหลเอ่อออกมา
“พ่อคะ ท่านต้องรีบฟื้นขึ้นมา…” ซ่างหยิงพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
เจียงสื้อสื้อก้าวเข้าไปกอดหล่อนไว้ พลางกดปุ่มเรียกพยาบาลเพื่อแจ้งสถานการณ์
คุณหมอช่วยตรวจอาการให้คุณท่าน ตามด้วยพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณท่านคงจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้ พวกคุณสามารถพูดอยู่ใกล้ๆ หูของเขาให้มากๆ แบบนี้จะสามารถกระตุ้นเส้นประสาทสมองของเขาได้ ขอเพียงเส้นประสาทกลับมาทำงาน ก็จะฟื้นขึ้นมาได้ในอีกไม่ช้าครับ”
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ซ่างหยิงปาดน้ำตา
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดก็เห็นความหวังเล็กๆ ขึ้นมาแล้ว
เจียงสื้อสื้อรีบบอกข่าวดีนี้กับแม่ของเธอ ทันทีที่ฟางเสว่มั่นได้ฟัง ก็รีบวางตะเกียบลงและไปที่ห้องของคุณท่านทันที
สายตาของฟางเสว่มั่นมองตรงไปที่คุณท่านที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย เดินเข้าไปใกล้อย่างเชื่องช้าทีละก้าวๆ
น้ำตารินไหลออกมาอย่างเงียบๆ
“พี่สาม” ซ่างหยิงถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว เว้นตำแหน่งทำว่างให้เธอ
“อะหยิง ที่สื้อสื้อพูดเป็นเรื่องจริงเหรอ?” ฟางเสว่มั่นเอ่ยถามด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
เธอกลัวมากว่ามันจะไม่จริง
ซ่างหยิงยิ้มทั้งน้ำตาและพยักหน้าอย่างหนัก “อืม เรื่องจริงค่ะ คุณหมอบอกว่าจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ในเร็วๆ นี้”
หลังจากได้คำตอบที่แน่นอนแล้ว ฟางเสว่มั่นยกมือขึ้นปิดปาก น้ำตาไหลออกมาหนักยิ่งกว่าเดิม
เจียงสื้อสื้อสูดจมูก เช็ดน้ำตาออกจนหมด เดินเข้าไปใกล้ ฉีกยิ้มเล็กน้อย พยายามใช้น้ำเสียงผ่อนคลายสบายๆ ทำลายบรรยากาศแสนโศกเศร้านี้ “นี่เป็นข่าวดี พวกเราอย่าร้องไห้เลยนะคะ”
“จริงด้วย พี่สาม นี่เป็นข่าวดี หยุดร้องไห้นะคะ” ซ่างหยิงช่วยเช็ดน้ำตาให้ฟางเสว่มั่น
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ฟางเสว่มั่นก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
เธอเช็ดน้ำตา หันไปพูดกับซ่างหยิงและเจียงสื้อสื้อ “ฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนท่านคนเดียวสักพัก ได้ไหม?”
ซ่างหยิงและเจียงสื้อสื้อมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นพี่อย่างร้องไห้แล้วนะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกพวกเรา”
ฟางเสว่มั่นพยักหน้า “อืม”
“แม่คะ ร่างกายของแม่ไม่สามารถให้แม่อารมณ์แปรปรวนมากเกินไปได้นะคะ ต้องระวังด้วยรู้ไหมคะ?” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างไม่สบายใจ
“แม่รู้ พวกเธอไปเถอะ”
เจียงสื้อสื้อเดินออกไปพลางหันกลับมามองอย่างไม่วางใจ เธอกลัวว่าการที่อารมณ์ของคุณแม่แปรปรวนมากขนาดนี้จะมีเหตุเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นเอาได้
แต่ก็ไม่สามารถขัดความตั้งใจของคุณแม่ได้
เธอถอนหายใจเบาๆ และสุดท้ายก็ปิดประตูลงอย่างนุ่มนวล
เมื่อฟางเสว่มั่นเห็นประตูปิดลงแล้ว ก็เบือนเก็บสายตา หันมองไปที่คุณท่านที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
เธอลากเก้าอี้มานั่ง จับมือที่เย็นเล็กน้อยของคุณท่านมาแนบไว้กับแก้มของตัวเอง น้ำตายังคงรินไหลออกมาไม่ขาดสาย
“พ่อคะ ตอนนั้นหนูไม่รู้ความ เอาแต่ใจตัวเอง…ทำร้ายจิตใจของท่านกับคุณแม่ ตอนนี้หนูกลับมาแล้ว หวังว่าท่านจะสามารถให้โอกาสหนูได้ชดใช้ความผิดพลาด ได้คอยดูแลท่าน ฉะนั้นท่านต้องฟื้นขึ้นมาให้ได้นะคะ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้ยินคำพูดของเธอหรือเปล่า แต่น้ำตาหนึ่งหยดรินไหลออกมาจากหางตาของท่าน
…
เมื่อกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยอีกห้อง ซ่างหยิงเดินไปนั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบๆ ก้มศีรษะลง ยังคงจมอยู่กับความโศกเศร้าเมื่อครู่นี้
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปาก เดินเข้าไป พลางพูดปลอบใจเสียงแผ่วเบา “น้าสะใภ้เล็ก คุณตากำลังจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นี้แล้ว นี่เป็นเรื่องดี คุณน้าต้องดีใจหน่อยสิคะ”
ซ่างหยิงเงยหน้าขึ้นยิ้ม “อืม ต้องดีใจสิ”
“น้าสะใภ้เล็ก ไว้คุณตาฟื้นขึ้นมา ได้เห็นพี่ชายดูแลจัดการฟางซื่อกรุ๊ปได้ดีมากขนาดนี้จะต้องรู้สึกภาคภูมิใจมากและดีใจมากแน่นอนค่ะ ”เจียงสื้อสื้อนั่งลงข้างๆ หล่อน
“ยู่เชินยังทำได้ไม่ดีพอ เรื่องไฟไหม้โกดังยังไม่คลี่คลายเลย”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซ่างหยิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก “อันที่จริงสิ่งที่คุณตาของหนูใส่ใจมากที่สุดคือความสามัคคีปรองดองภายในครอบครัว แต่พวกน้าชายใหญ่ น้าชายรองของหนูต่างไม่เข้าใจความคิดของคุณตาของหนูเลยสักนิด”
“สักวันพวกเขาจะเข้าใจค่ะ”
เจียงสื้อสื้อพูดแบบนี้ ก็เพื่อปลอบใจซ่างหยิงเท่านั้น อันที่จริงในใจของพวกเธอต่างรู้ดี ฟางรุ่ยกับฟางเฉิงต่างก็เห็นแก่ตัวกันจนเคยชิน อยากจะเปลี่ยนแปลงคงจะยากมากจริงๆ
โดยเฉพาะหลังจากที่คุณท่านประสบเรื่องร้ายแรงแบบนี้ พวกเขาก็เอาแต่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเอง โดยที่ไม่สนใจเป็นห่วงคุณท่านเลยแม้แต่น้อย
คุณท่านฟื้นแล้ว ถ้าพวกเขารู้คงจะผิดหวังเสียใจมากอย่างแน่นอน
“เมื่อคุณตาของหนูฟื้น ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่แย่งฟางซื่อกรุ๊ปกันตอนนั้นแล้วนะ” ซ่างหยิงกล่าว
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “เรื่องนี้หนูรู้ค่ะ”
ซ่างหยิงมองไปข้างหน้า ถอนหายใจออกมา “ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คุณตาของหนูถึงจะฟื้นขึ้นมาเสียที”
“อีกไม่นาน อีกไม่นานต้องฟื้นขึ้นมาแน่ค่ะ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจรู้ได้ เจียงสื้อสื้อทำได้เพียงแค่พูดว่า ‘อีกไม่นาน’ ซ้ำไปซ้ำมาเท่านั้น