ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 105 ยากจะหักห้ามใจ
บทที่ 105 ยากจะหักห้ามใจ
เมื่อตาจ้องตา จิ้นเฟิงเฉินเองก็ยากจะหักห้ามใจ จับที่คางของเธอและก็จูบลงไป
“อืม……”
เจียงสื้อสื้อลืมตาโต ตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว
พอได้สติ เธอพยายามจะลุกขึ้น แต่กลับถูกจิ้นเฟิงเฉินกอดเธอไว้แน่น
เขากอดรัดเธอไว้ในอ้อมแขน แล้วก็ยิ่งบรรจงจูบต่อต่อไป
ปากที่ประกบกัน ส่งผ่านกลิ่นเหล้าบาง ๆ อุณหภูมิในห้องไม่รู้ทำไมถึงเหมือนจะสูงขึ้น บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรัก
เจียงสื้อสื้อที่กำลังรู้สึกจะหายใจไม่หอกนั้น จิ้นเฟิงเฉินถึงได้ค่อย ๆ ปล่อยเธอ
เขาหลับตาลง และก็หลับไปอีกครั้ง
เจียงสื้อสื้อเหมือนกับหนีเอาชีวิตรอด วิ่งออกมาจากห้อง
ใบหน้าเธอแดงก่ำ ใจเต้นระรัว เจียงสื้อสื้อไปล้างหน้าที่ห้องน้ำอยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์์และออกมา
ในใจเธอไม่วายที่จะบ่น จิ้นเฟิงเฉินทำไมถึงอาศัยการดื่มเหล้าเมา แล้วทำเรื่องแบบนี้ ที่สำคัญคือ นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ทุกครั้งที่จูบเสร็จก็ไม่รับผิดชอบต่อแล้วก็หลับไป
บ่นอยู่ค่อนวัน เจียงสื้อสื้อถึงกลับไปที่ห้อง จิ้นเฟิงเฉินนอนอย่างสงบบนเตียง
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไป ถอดรองเท้าและห่มผ้าให้เขา
ผ่านไปสักพัก เธอถึงจะกลับไปนอนที่โซฟา
……
เช้าวันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินตื่นมา เขาขยี้ตาไปมา รู้สึกหนักอึ้งที่หัว
มองดูห้องที่ตกแต่งอย่างอบอุ่น และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยในอากาศ ผ่านไปสักพักเขาถึงจะนึกขึ้นได้ว่านี่คือห้องของเจียงสื้อสื้อ
เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?
จิ้นเฟิงเฉินทำหน้าสงสัย ในหัวได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้
เมื่อคืนเขากับจิ้นเฟิงเหราและยังมีซูชิงหยินไปพบลูกค้า……
ทันใดนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็คิดออกแล้วว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ในหัวของเขาคิดถึงคนในเหตุการณ์เมื่อคืน จิ้นเฟิงเฉินที่คิดว่าตัวเองฝันไป
แต่ตอนนี้ดูแล้วมันไม่ใช่ และก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนจะทำให้เจียงสื้อสื้อตกใจจนหนีไปหรือเปล่า……
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น ออกมาแล้วไม่เห็นเจียงสื้อสื้อจริง ๆ ด้วย แต่บนโต๊ะกลับมีอาหารเช้าและยาแก้แฮงค์เหล้า มีโน๊ตเขียนไว้ว่า “อุปกรณ์ล้างหน้า แปรงสีฟันเป็นของซื้อมาใหม่ อยู่ในห้องน้ำ”
มองดูของเหล่านี้ จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม ดูท่าคงตกใจหนีไปแล้ว
หลังล้างหน้าแปรงฟัน ทานอาหารเช้าแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็มาถึงที่บริษัท
มาถึงหน้าประตูบริษัท จิ้นเฟิงเฉินก็เจอกับน้องชายตัวเอง ทั้งสองเข้าไปในลิฟท์พร้อมกัน
จิ้นเฟิงเหรานั้นรู้สึกผิด แต่ก็ยังหัวเราะแหะ ๆ พูดว่า “พี่ วันนี้ดูสดชื่นจังเลย เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้หรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินมองค้อนไปทีหนึ่ง พูดอย่างเรียบเฉยว่า “คราวหน้าห้ามทำอะไรโดยพลการ”
“พี่ ผมเปล่านะ เมื่อคืนพี่ดื่มจนเมางอแงจะไปหาพี่สะใภ้ให้ได้ ถ้าผมไม่ไปพี่ยังขู่ผมว่าจะกระโดดออกจากรถ”
สัมผัสได้ถึงแววตาสังหารนั่น ฉินเฟิงเหราไม่กล้าจะแถต่อไปอีก
“พี่ ที่ผมทำไปก็เพื่อให้พี่กับพี่สะใภ้ได้พัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้นหรอกหรือ? ผมนี่เป็นห่วงพี่จนจะบ้าแล้ว จะหาน้องชายที่ดีอย่างผมได้ที่ไหนอีกในโลกนี้!”
พัฒนาความสัมพันธ์หรือ จิ้นเฟิงเฉินนั้นแสดงออกอย่างไม่รู้จะทำยังไง
เกิดเรื่องขึ้นอย่างเมื่อคืน สาวน้อยนั้นคงทั้งโกรธและอาย ไม่อย่างนั้นคงไม่ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ และก็ไม่รู้ว่าจะหลบเขาไปอีกนานแค่ไหน ยังจะให้พัฒนาความสัมพันธ์อีก !
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน ลิฟท์ก็มาถึงชั้นที่ทำงาน
ซูชิงหยินได้เดินเข้ามาต้อนรับ เธอเอ่ยทักทายเขาทั้งสองคน
“อรุณสวัสดิ์ เฟิงเฉิน เฟิงเหรา”
จิ้นเฟิงเหราก็ตอบกลับว่า “อรุณสวัสดิ์พี่ชิงหยิน”
ซูชิงหยินพยักหน้า และก็มองไปทางจิ้นเฟิงเฉินพูดว่า “เฟิงเฉิน เมื่อคืนคุณดื่มหนักขนาดนั้น วันนี้ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินส่ายหน้า พูดว่า “ไม่เป็นอะไร”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่ห้องทำงาน
หลังทักทายแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็เดินตามเข้าไป
มองตามหลังของจิ้นเฟิงเฉิน ท่าทีของซูชิงหยินก็สลดลง เธอไม่วายต้องทำหน้าสงสัย
จิ้นเฟิงเฉินยังใส่ชุดเมื่อคืน ซูชิงหยินรู้มาตลอดว่า ผู้ชายคนนี้นั้นติดนิสัยรักสะอาด จะไม่มีวันใส่ชุดเดิมซ้ำแน่นอน
หรือว่าเมื่อคืนจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้กลับบ้านหรือ? แล้วเขาไปไหนล่ะ? คงจะไม่ใช่……
สีหน้าซูชิงหยินเปลี่ยนทันที ได้แต่ภาวนาว่าตัวเองคงจะคิดมากไป
……
ทางด้านบริษัทจิ่นซื่อ
เจียงสื้อสื้อนั้นออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอให้รู้สึกอึดอัด
ตอนนี้เธอกำลังอยู่ห้องทำงานของซูซาน เจียงสื้อสื้อได้บอกเธอเกี่ยวกับที่บริษัทLGอยากจะให้แพลตฟอร์มของจิ้นกรุ๊ปมาประชาสัมพันธ์
ได้ยินแล้ว ซูซานพูดว่า “เรื่องนี้ต้องไปสอบถามก่อน เพราะไม่รู้ว่าทางจิ้นกรุ๊ปนั้นมีพื้นที่โฆษณาหรือเปล่า เรื่องนี้ก็ให้เธอไปสอบถามแล้วกันนะ”
“อ๊ะ?” ทำไมมอบหมายให้เธออีกล่ะ เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่สักพักจึงพูดว่า “ผู้จัดการซู ฉันมีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อย ไม่สะดวกที่จะไปจิ้นกรุ๊ป คุณสามารถให้คนอื่นไปแทนได้ไหมคะ?”
แม้ซูซานจะรู้ แต่ก็ทำเหมือนไม่รู้และถามว่า “เรื่องอะไรหรือ?”
สีหน้าเจียงสื้อสื้อสับสน เธอจะพูดยังไงดี หรือว่าจะบอกซูซานไปเลย ว่าเธอและจิ้นกรุ๊ปมีความสัมพันธ์ที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนได้
ช่างเถอะ ช่างเถอะ แต่ว่าตอนนี้เธอไม่อยากจะเจอหน้าจิ้นเฟิงเฉินเลยสักนิดนี่นา!
ซูซานเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรจึงเอ่ยปากว่า “สื้อสื้อ ไม่ว่าจะยังไง จะให้เรื่องส่วนตัวทำให้เสียงานไม่ได้ เอาล่ะ เรื่องนี้ก็มอบให้เธอไปทำแล้วกันนะ ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอมาก”
คุณชายรองจิ้นเองก็เคยบอกไว้แล้วว่า ถ้าให้เจียงสื้อสื้อไปที่จิ้นกรุ๊ปได้ก็ให้เธอไป เพราะฉะนั้นหากยังสานสัมพันธ์กับจิ้นกรุ๊ป เธอจะกล้าให้คนอื่นไปได้ยังไง!
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเสียใจ
ก็จริงที่จะให้เรื่องส่วนตัวมาทำให้งานเสียหายไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้เธอกับจิ้นเฟิงเฉิน……
คิดแล้วคิดอีก ตอนกลางวัน เจียงสื้อสื้อจึงได้นัด ลู่เจิงออกมา
ทั้งสองนั่งในร้านกาแฟ ลู่เจิงยิ้มและเอ่ยถามว่า “สื้อสื้อ เป็นอะไรไป ? ทำไมดูสีหน้าไม่ดีเลย”
เจียงสื้อสื้อมองเขา ถามเขาว่า “รุ่นพี่คะ บริษัทของพี่มีตัวเลือกเดียวคือจิ้นกรุ๊ปหรือคะ ? จริง ๆ แล้วในประเทศยังมีแพลตฟอร์มการโฆษณาของบริษัทอื่น ๆ ที่ก็ดีไม่แพ้กันนะคะ”
ลู่เจิงนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกังวลอะไร เขาคิดถึงความลำบากที่เจียงสื้อสื้อต้องเจอ เพราะเป็นแพลตฟอร์มพื้นที่การโฆษณาของจิ้นกรุ๊ป คงไม่ง่ายที่จะหามาได้ ลู่เจิงเองก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ ดังนั้นจึงได้ตกลงที่ถอยไปก่อน
“ไม่เป็นไร ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นของจิ้นกรุ๊ป เอาอย่างนี้ เธอลองแนะนำบริษัทอื่น ๆ ก็ได้”
ได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้อก็โล่งอก
ตอนแรกเธอเพียงอยากลองถามทางลู่เจิง ถ้าหากไม่ได้จริง ๆ เธอถึงจะไปคุยที่จิ้นกรุ๊ปตอนนี้ก็ดีเลย ลู่เจิงรับปากว่าสามารถใช้บริษัทอื่นได้ ถ้าเป็นแบบนี้เธอเองก็ไม่ต้องไป
จิ้นกรุ๊ป ไปเจอจิ้นเฟิงเฉินแล้ว
เจียงสื้อสื้อที่กำลังดีใจอยู่นั้น ก็มีเสียงนุ่มลึกมีเสน่ห์ของชายหนุ่มลอยมา
“พื้นที่โฆษณาของจิ้นกรุ๊ปให้เธอได้เสมอ ทำไมต้องปฏิเสธด้วยล่ะ?”
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ เจียงสื้อสื้อไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร
เธอตกใจ ในใจก็เต้นรัว นี่มันวันซวยอะไรกันนี่ ทำไมเจอกันง่ายแบบนี้?