ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1056 ฉันคิดถึงคุณ
เรื่องของฉัน ฉันรู้ตัวเองดี
ได้ยินคำนั้น ฟางยู่เชินก็รู้แล้วว่าคำพูดของตน เธอไม่ได้ฟังเลยสักนิด
เขาก็ได้ก้มหน้าแล้วยิ้ม ก็เหมือนว่าอยู่ๆ ก็ได้โล่งใจไปหมด
อย่างเช่น เธอไม่ได้ชอบตน
เรื่องความรู้สึกนั้น มันก็เป็นเรื่องที่บังคับไม่ได้อยู่แล้ว ควรปล่อยวางก็ต้องปล่อยวาง ไม่ว่ากับใครก็เป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง
เขาเข้าใจแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจ
ฟางยู่เชินลุกขึ้น เห็นว่าเธอได้ดื่มเหล้าไม่หยุด ก็ได้เตือนไปเบาๆ ว่า “ไม่ต้องดื่มมากไป ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
ซ่างกวนหยวนหันไปมองเขา
เขาก็ได้ยิ้ม “ฉันไปหาเพื่อนของฉันแล้ว เธอเองก็ระวังตัวล่ะ”
พูดจบ เขาก็ได้เดินจากไป
ซ่างกวนหยวนก็ได้มองเขาอยู่ตลอด มองเขากลับไปหาเพื่อนของเขา แล้วก็พูดคุยหัวเราะกับเพื่อน มองแล้วเป็นตัวเองมาก
เห็นทีเขาได้ตัดใจแล้วจริงๆ
เธอก็ได้มองกลับ เงยหน้า แล้วก็ดื่มเหล้าในแก้วไปจนหมด จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นเดินจากไป
ตอนที่ฟางยู่เชินพูดคุยกับเพื่อนนั้น หันไปมองที่บาร์ ก็พบว่าซ่างกวนหยวนไม่อยู่แล้ว นัยน์ตาก็ได้มีความผิดหวังโผล่มาเล็กน้อย
ไม่นาน เขาก็ยิ้ม
“ยู่เชิน นายยิ้มอะไร?” เพื่อนก็ได้ถามด้วยความสงสัย
เขาได้ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร พวกเราดื่มกันต่อเถอะ”
จนกระทั่งเวลาได้เดินมาถึงเที่ยงคืนกว่า ฟางยู่เชินถึงได้เดินออกจากคลับ ลมกลางคืนที่เย็นก็ได้พัดมา พัดกลิ่นเหล้าจางไปบ้าง
เวลานี้ หญิงสาวเล่นสเก็ตบอร์ด สวมหมวกแก๊ปก็ได้หยุดตรงหน้าเขา
“สวัสดีค่ะ คนที่เรียกคนช่วยขับเป็นคุณใช่ไหม?”
หญิงสาวเงยหน้า สายตาที่ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าคู่นั้น ก็ได้เป็นประกาย
ฟางยู่เชินก็ได้อึ้งไป เหมือนว่าได้มีอะไรขีดผ่านในใจเบาๆ
“คนที่เรียกคนช่วยขับเป็นคุณใช่ไหมคะ?” หญิงสาวก็ได้ถามอีกครั้ง
ฟางยู่เชินได้สติ ยิ้มที่มุมปาก “อืม ฉันเรียกเอง”
……
เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่บนเตียง วิดีโอคอลกับจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่อิตาลี
มองชายหนุ่มที่อยู่ทางนั้นผ่านหน้าจอ เจียงสื้อสื้อก็ทำใจมองอย่างอื่นไม่ได้ ความคิดถึงในใจนั้นแทบที่จะกลบเธอไปแล้ว
“เป็นอะไรครับ?” จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าเธอมองตนอยู่ตลอดแบบนั้น นัยน์ตาก็ยิ้มอย่างอบอุ่น ถามอย่างอ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อก็ได้ทำปากคว่ำ เหมือนเด็กน้อยที่น้อยใจยังไงอย่างงั้น เงียบไปสักพัก พูดเสียงเบาว่า “ฉันคิดถึงคุณแล้ว”
ใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เต้นแรง เสียงก็ได้อ่อนโยนกว่าเดิม “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
เป็นการปลอบเธอ และก็เป็นความจริงที่ได้พูดมาจากใจ
เขาคิดถึงเธอ คิดถึงแทบตาย
มุมปากของเจียงสื้อสื้อก็ได้ชี้ขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เหยียดขาที่ไขว้ “คุณจะกลับมาตอนไหนเหรอ? ฉันคิดถึงคุณจริงๆ นะ”
“ใกล้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับประเทศไปเมื่อไหร่ ก็เลยทำได้แค่ตอบไปว่า “ใกล้แล้ว” กับเธอ
“คุณโกหกฉัน!” เจียงสื้อสื้อไม่ยอมแล้ว “ให้เวลาที่แน่นอนกับฉันไม่ได้เหรอคะ?”
“รอได้ยาแล้ว ผมก็กลับไป” จิ้นเฟิงเฉินพูด
“ฉันได้ยินที่หวั่นชีงพูด โม่เหยียกับหานยู่ได้รับเอกสารที่สมบูรณ์ของเชื้อไวรัสแล้ว พวกเขาน่าจะวิจัยยาที่มาต่อต้านไวรัสได้ เพราะงั้นคุณกลับมาได้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “ยามันไม่ได้วิจัยออกมาได้ง่ายๆ หรอก ผมไม่อยากรอนาน เข้าใจไหมครับ?”
ที่สำคัญกว่านั้นให้เธอรอนานไม่ได้
เจียงสื้อสื้อก็ได้นั่งตรง “ร่างกายของฉันไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ ยาก็ได้ทานตามเวลา ไวรัสก็ไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น คุณก็……”
เธอไม่ได้เพียงคิดถึงอย่างเดียว แต่ยังเป็นห่วงเขา
“สื้อสื้อ” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขัดคำพูดเธอ “ผมเข้าใจถึงสุขภาพร่างกายของคุณดีกว่าคุณ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้เม้มปาก ไม่พูดอะไรต่อ
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้มองเธออย่างอ่อนโยน พูดเสียงเบาว่า “เชื่อใจผม ผมต้องเอายากลับไปได้แน่”
มองเขา จมูกของเจียงสื้อสื้อก็ได้เริ่มตัน เธอได้เม้มปาก น้ำเสียงก็เริ่มติดขัด “แต่ว่าฉันคิดถึงคุณจริงๆ นี่นา”
“เด็กโง่ คุณคิดถึงผมก็วิดีโอคอลมาหาผม ผมอยู่ตลอด”
พอเขาพูด “เด็กโง่” ออกมาก็ทำให้เจียงสื้อสื้อร้องไห้ออกมาทันที
เห็นว่าเธอร้องไห้ ก็เหมือนได้มีคนมาแทงที่หัวใจของเขาอย่างจัง เขาก็ได้ปลอบเสียงเบาว่า “เด็กดี ไม่ร้องแล้ว ช่วงที่ผมไม่อยู่ คุณก็คิดไว้ก่อนว่าคุณจะไปเที่ยวที่ไหน รอคิดออกแล้ว ถึงตอนนั้นผมไปเที่ยวเป็นเพื่อนคุณ”
“จริงเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อมองเขาทั้งน้ำตา
เขาพยักหน้า “อืม จริงครับ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้เช็ดน้ำตา “ที่ที่ฉันอยากไปมีเยอะมาก ฉันต้องวางแผนการเดินทางดีๆ”
“ผมรอดูแผนการเดินทางของคุณครับ” แววตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เต็มไปด้วยความรัก
“คุณพูดเองนะ จะไปเที่ยวที่พวกนั้นกับฉัน คุณห้ามโกหกฉันนะคะ”
“ครับ ไม่โกหกคุณหรอก”
“พวกเราเกี่ยวก้อยสัญญา”
ทั้งสองก็ได้เกี่ยวก้อยสัญญาผ่านหน้าจอ เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอย่างพอใจออกมาราวกับเด็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินมองดูนาฬิกาสักพัก พูด “ดึกมากแล้ว คุณรีบเข้านอกเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันต่อ”
“ราตรีสวัสดิ์”
เจียงสื้อสื้อมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจออย่างทำใจวางไม่ได้
หลังที่เขาพูด “ราตรีสวัสดิ์” เธอก็ได้วางสาย นอนลง มือก็ได้ไปจับพื้นที่ที่อยู่ข้างๆแบบไม่ได้บังคับ โล่งมากก็เหมือนกับใจของเธอในตอนนี้
เธอกอดผ้าห่มแล้วก็พลิกตัว
คิดถึงเขาจัง
……
วางสายไป จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ลุกขึ้นออกไปจากห้อง เห้อซูหานได้รอเขาอยู่ข้างนอก
“คุณชาย”
เห็นเขาออกมา เห้อซูหานก็ได้ก้มหน้าอย่างสุภาพ
“เตรียมการเสร็จหมดแล้วใช่ไหม?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“เตรียมเสร็จหมดแล้วครับ” เห้อซูหานก็ได้ส่งหน้ากากให้เขา
วันนี้เป็นงานวันเกิดของภรรยาเบอร์เกน เพื่อเป็นการฉลอง เบอร์เกนก็ได้จัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่นี้ขึ้นมาโดยเฉพาะ
ในคฤหาสน์เก่าแก่ที่พวกเขาอาศัยอยู่
“คุณชายครับ ต้องให้ผมไปกับคุณไหม?” เห้อซูหานถามอย่างไม่วางใจ
“ไม่ต้อง ให้ชีซาไปกับฉันก็พอแล้ว”
คนเยอะไป มันก็มีแต่ดึงดูดความสนใจ
พูดจบ ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เห้อซูหานก็ได้รีบเดินไปเปิดประตู เป็นชีซา
เธอก็ได้สวมชุดราตรี เดินเข้ามาอย่างสง่า
“สวยไหม?” เธอได้หมุนตัว เป็นการโชว์ชุดออกมางานของตน
เห้อซูหานก็ได้ชมไปตามมารยาทว่า “สวยครับสวยครับ”
ชีซาก็ได้มองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน หยักคิ้วให้ “นายล่ะ?”
“ดูแล้วก็เหมือนผู้หญิงมาหน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินก็ยังปากร้ายเหมือนเดิม ชีซาโมโหจนแทบล้มไปเลย
“จิ้นเฟิงเฉิน นายว่าปกติฉันดูไม่เหมือนผู้หญิง ใช่ไหม?” ชีซาก็ได้ถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ไปกันเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินทำเหมือนไม่ได้ยิน ก็ได้เดินผ่านเธอไปที่ประตู
“คุณชีซาครับ คุณทำใจกว้างๆ เถอะครับ” เห้อซูหานก็ได้ยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูกให้ชีซา
“ถ้าฉันใจไม่กว้าง เขาก็ได้ตายไปนานแล้ว” ชีซาก็ได้พูดอย่างหงุดหงิด
ถ้าเป็นคนอื่น ต้องถูกเธอผลักให้ล้มกับพื้นแล้วก็ต่อยอย่างหนักไปนานแล้ว
ก็มีแค่เขา เห็นแก่ความเป็นเพื่อนมาหลายปี เธอก็ไม่ถือสาอะไรกับเขา
เข้าไปในลิฟต์ ชีซามองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ สักพัก “จิ้นเฟิงเฉิน นายยังจำได้ไหมว่าคืนนี้ฉันเป็นคู่ควงของนายอ่ะ?”
เห็นเขาเย็นชาแบบนี้ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเธอได้เป็นหนี้เขากี่ร้อยล้าน
“จำได้”
ถึงแม้เป็นประโยคสั่นๆ แต่ชีซาก็ได้พยักหน้าอย่างพอใจ “จำได้ก็ดี ถึงเวลาฉันยังต้องให้ความร่วมมือกับนาย เพราะงั้นนายน่ะ อย่ามายั่วโมโหฉัน ไม่อย่างนั้นฉันเดินออกมาไม่สนแน่”
ติ้ง!
ลิฟต์ไปถึง ก่อนที่ประตูเปิดออก จิ้นเฟิงเฉินหันหน้ามามองเธอ มุมปากเหมือนว่าได้ชี้ขึ้น “เธอไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก”
ชีซาอึ้งไป
พอประตูเปิดออก จิ้นเฟิงเฉินก็ได้เดินออกไปก่อน
ข้างหลังเขา ชีซาก็ได้ยิ้มอยู่กับที่
เป็นเพื่อนมาหลายปีจริงๆ ด้วย เขารู้จักเธอมากไป รู้ว่าชาตินี้เรื่องที่เธอไม่มีทางที่จะทำมากที่สุด ก็คือการไม่ทำตามสัญญา
ไหนๆ เธอก็ได้ตกลงช่วยเขา ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด