ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 107 ไม่สามารถต้านทานเขาได้
บทที่ 107 ไม่สามารถต้านทานเขาได้
เจียงสื้อสื้อมองจิ้นเฟิงเฉิน ด้วยท่าทีระวัง “ทำไมคุณ……คุณถึงมาอยู่นี่ได้?”
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปใกล้เจียงสื้อสื้อ ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ว่า “ก็แค่อยากจะมาถามคุณหน่อย ทำไมต้องทำเหมือนเราไม่สนิทกัน ทำไมไม่ไปคุยกับจิ้น
กรุ๊ปเรื่องงานนี้ เธอรู้ได้ยังไงว่าจิ้นกรุ๊ปจะไม่มีที่ให้เธอลงโฆษณา”
“ก็ไม่สนิทอยู่แล้วนี่นา ส่วนเรื่องโฆษณา ฉันแค่ไม่อยากจะรบกวนคุณ”
ทั้งสองใกล้กันมาก เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่เป็นตัวเอง เธอถอยหลังไปเล็กน้อย
ได้ยินคำว่า ไม่สนิท คำนี้ จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตา เอ่ยปากพูดว่า “แล้วตอนนี้ล่ะ?”
พูดจบ เขาก็ก้มหัวและพยุงท้ายทอยของเจียงสื้อสื้อและจูบลงไป
จูบนี้มาแบบไม่ทันตั้งตัว เจียงสื้อสื้อได้แต่ตะลึง ในหัวเหมือนระเบิดที่กำปะทุขึ้น นี่มัน……หน้าห้องน้ำนะ!
ยังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะจูบเธอตรงนี้
เจียงสื้อสื้อตั้งสติ เธออยากจะผลักจิ้นเฟิงเฉินให้ออกไป แต่ว่าเขากลับโอบเอวเธอและดึงเข้ามาแนบชิดในอก
ปากที่บดจูบลงมา จูบนี้ไม่เหมือนกับจูบก่อนหน้าที่อ่อนโยน เหมือนว่าจะมีการลงโทษไปในทีกับจูบนั้น
เจียงสื้อสื้อหน้าแดง ใจเต้นระรัว ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จิ้นเฟิงเฉินถึงปล่อยเธอ
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ด้วยความโมโห แต่ว่าไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากพูดอะไร
จิ้นเฟิงเฉินก็พูดว่า “อย่ามาแกล้งทำเหมือนเราไม่สนิทกัน ไม่อย่างนั้น คราวหน้าผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะให้เราสนิทกันมากขึ้น”
ใคร ๆ ก็รู้ จิ้นเฟิงเฉินไม่พอใจที่เห็นเธอทานข้าวกับผู้ชาย ที่สำคัญคือ ผู้ชายคนนี้ยังคิดอะไรกับเจียงสื้อสื้ออีก ส่วนเจียงสื้อสื้อเองยังแกล้งทำเป็นไม่สนิทกับเขาต่อหน้าชายคนนี้ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่จิ้นเฟิงเฉินได้รู้ว่าการหึงนั้นเป็นความรู้สึกแบบนี้นี่เอง
เขาขโมยจูบแล้วยังจะทำตัวว่าเป็นคนถูกอีก เจียงสื้อสื้อนั้นแทบจะระเบิดแล้ว แต่ชายตรงหน้าไม่ให้โอกาสเธอได้โมโหเลย เขาลูบไล้เส้นผมของเธอแล้วพูดว่า “กลับไปเถอะ กลางคืนผมจะไปหานะ”
จิ้นเฟิงเฉินกำลังจะก้าวเท้าออกไป หยุดไปแล้วก็หันกลับมา มุมปากเขามีรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “อ้อ ขอบคุณที่ให้ผมพักเมื่อคืน และก็อาหารเช้าและยาแก้แฮงค์ด้วย ต่อไปไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนั้นก็ได้ ผมจะได้ไปส่งคุณที่ทำงาน”
พูดจบ เฟิงจิ้นเฉินก็เดินจากไปอย่างพอใจ
เจียงสื้อสื้อยืนอยู่ที่เดิม ฟังเขาพูดจบ เธอแทบจะบ้าตาย
เจียงสื้อสื้อตะโกนอยู่ในใจ ไม่มีครั้งต่อไป ถ้าหากยังมีอีก เธอจะไม่ให้เขาพักเด็ดขาด!
มองดูหลังของชายหนุ่มที่เดินไปจนสุดระเบียง ใบหน้าบึ้งตึงของเจียงสื้อสื้อในแรกเริ่มก็ค่อย ๆ เย็นลง
ทำไมทุกครั้งที่เธออยากจะหนีเขาไปให้ไกล เขากลับพยายามเข้ามาใกล้ชิด
ทุกครั้งก็ทำให้เธอเองก็จนปัญญา และไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้
จิ้นเฟิงเฉิน อย่าเข้าใกล้ฉันอีกเลยจะได้ไหม……
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจอีกครั้ง ผ่านไปสักพัก จึงสงบอารมณ์์และทำใจให้ปกติ เดินกลับไปที่ห้องอาหาร
จิ้นเฟิงเฉินกำลังทานอาหาร และก็คุยกับลู่เจิงตลอด หน้าตาของทั้งสองคนนั้นก็ดูดี ทำให้เป็นที่สนใจของหลายคนในร้านอาหาร
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปผ่านสายตาหลายคู่ที่อิจฉา คิดถึงเรื่องเมื่อสักครู่ ใบหน้าก็แดงขึ้นมา
ลู่เจิงเมื่อเห็นเธอจึงพูดว่า “สื้อสื้อเป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
จิ้นเฟิงเฉินก็มองสื้อสื้อ เขายิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย สาวน้อยคนนี้ช่างขี้อายจริง ๆ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังเขินอายอยู่อีก
สายตาของเจียงสื้อสื้อมีแวบหนึ่งที่รู้สึกผิด ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นอะไร แค่ไม่สบายนิดหน่อย” หลังพูดจบ เธอก็พูดอีกว่าว่า “วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนนะ รุ่นพี่ลู่ ที่บริษัทยังมีงานค้างอยู่ ฉันขอตัวก่อน”
ลู่เจิงลุกขึ้น หยิบกุญแจรถและบอกว่า “ผมไปส่งคุณ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ออฟฟิศอยู่ใกล้ ๆ เดินกลับไปก็ได้แล้วค่ะ คุณกับประธานจิ้นค่อย ๆ ทานต่อนะคะ”
หลังพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็รีบออกจากร้านอาหาร เหมือนกลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะตามมาอีก
จิ้นเฟิงเฉินมองดูด้านหลังของเธอ แล้วเผลอยิ้มออกมา
ลู่เจิงมองทั้งสองอย่างสงสัย ตอนนี้ เขาเห็นมีกุญแจที่วางอยู่ด้านข้างที่นั่งของจิ้นเฟิงเฉิน คิดว่าน่าจะเป็นของเจียงสื้อสื้อที่ลืมไว้
ลู่เจิงคิดว่าจะเอากลับไปให้เจียงสื้อสื้อ แต่ว่าไม่มีแม้แต่เงาของเธอแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินเองก็เห็นกุญแจ เขาหยิบขึ้นมา แล้วพูดว่า “ผมจะเอาไปให้เธอตอนค่ำ ๆ”
ลู่เจิงมองเขา ทำไมเขาจะฟังความหมายนี้ที่เขาพูดไม่ออก จิ้นเฟิงเฉินจะไปหาเจียงสื้อสื้อตอนค่ำอีก? นอกจากงานที่ทั้งสองต้องร่วมงานกันแล้วยังมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันอีกหรือ?
ลู่เจิงอ้าปากอยากจะถาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดว่าอะไร
ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรกัน แต่การได้มาเจอกับเจียงสื้อสื้อครั้งนี้ เขาจะไม่ถอดใจเด็ดขาด แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจิ้นเฟิงเฉินก็ตาม ลู่เจิงเองก็อยากจะลองดูสักตั้ง
ชายทั้งสองคนต่างก็มีแผนใจใจ แล้วก็ทานข้าวกันไปแบบนั้น สุดท้ายเป็นจิ้นเฟิงเฉินที่เป็นฝ่ายเป็นเจ้ามือ
……
ทางด้านนี้ เมื่อสักครู่ที่เลขาได้เลื่อนนัดกับลูกค้าแล้วก็กลับมาที่ออฟฟิศ ซูชิงหยินได้พบกับเธอ จึงถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวหรัว เธอไปพบลูกค้ากับประธานจิ้นไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้?”
เมื่อสักครู่ซูชิงหยินที่กำลังยุ่งอยู่ ไม่อย่างนั้นคงเป็นเธอที่ต้องไปกับจิ้นเฟิงเฉิน
เสี่ยวหรัวมองเธอ ไม่ได้ปิดบังอะไร นั่งลงแล้วพูดว่า “ฉันกับประธานจิ้นไปถึงที่ร้านอาหารแล้ว แต่ว่าเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งทานอาหารกับผู้ชายคนหนึ่งด้านใน ประธานจิ้นเลยให้ฉันเลื่อนนัดลูกค้า แล้วก็เดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น”
ได้ยินแล้ว ซูชิงหยินก็ขมวดคิ้ว ถามอย่างสงสัยว่า “ผู้หญิงไหน?”
เสี่ยวหรัวคิดแล้วคิดอีกจึงพูดว่า “ก็ผู้หญิงคนก่อน เหมือนว่าจะมาจากฝ่ายวางแผนของบริษัทจิ่นเส้อ ที่มาคุยงานกับเราเมื่อครั้งก่อน ประธานจิ้นยังให้ฉันชงกาแฟให้เธอเลย”
หยุดไปสักพัก สีหน้าซูชิงหยินเปลี่ยนไป
คนของบริษัทจิ่นเส้อ และยังเคยมาจิ้นกรุ๊ป นั่นก็คือเจียงสื้อสื้อไม่ใช่หรือ? จิ้นเฟิงเฉินกำลังทานข้าวกับเจียงสื้อสื้อ
‘พี่ชิงหยิน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ คราวก่อนฉันก็รู้สึกว่าเธอกับประธานจิ้นนั้นความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ครั้งนี้ประธานจิ้นถึงกับยกเลิกงานเพื่อทานข้าวกับเธอ คุณต้องระวังไว้นะ”
“ฉันรู้แล้ว ขอบใจมาก ซูชิงหยินยิ้ม ๆ”
เสี่ยวหรัวตอบอึก ๆ อัก ๆ ว่า “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชิงหยิน ในใจฉันพี่เป็นภรรยาท่านประธานไปแล้ว พนักงานฝ่ายวางแผนของบริษัทเล็ก ๆ นั่นไม่รู้โผล่มาจากไหน ต้องใช้โอกาสตอนทำงานให้ท่าประธานจิ้นแน่ ๆ น่าไม่อายเลย ช่างไม่ดูตัวเองเสียบ้าง คิดอยากจะมาเทียบชั้นอยู่กับประธานจิ้น”
ซูชิงหยินไม่ได้พูดอะไรอีก สีหน้าเคร่งขรึม ตอนนี้ในใจเธออิจฉาจนแทบจะบ้า
เจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อ ทำไมถึงเป็นผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว