ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1075 ในใจคุณน่าจะรู้ดี
ตอนแรกนึกว่าเย่เสี่ยวอี้เป็นผู้หญิงอ่อนโยน เป็นแฟนกันไม่ได้ อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันได้
แต่คิดไม่ถึง ว่าเธอจะพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้
ความรู้สึกที่ฟางยู่เชินมีต่อเธอแย่ไปทันที
เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกคาดไม่ถึง พูดว่า “เสี่ยวอี้ น่าจะซักออกนะ เธอก็ไม่ได้ตั้งใจ”
เห็นเจียงสื้อสื้อช่วยหญิงสาวคนนั้นพูด สีหน้าเย่เสี่ยวอี้ยิ่งไม่ดี
“นี่มันเลอะคราบติดแล้ว เป็นไปได้ยังไงว่าแค่ซักก็ไม่เป็นไร?” เธอเช็ดไปด้วยแล้วมองหน้าเจียงสื้อสื้ออย่างไม่พอใจ
หญิงสาวเห็นเสื้อผ้าเลอะจนเปื้อนคราบสีแล้ว จึงพูดว่า “เท่าไหร่คะ? ฉันชดใช้ให้คุณ”
“หมื่นแปด” เย่เสี่ยวอี้พูดตัวเลขออกมา
ไม่เพียงแค่หญิงสาวตะลึง แม้แต่เจียงสื้อสื้อก็ตกใจ “หมื่นแปด?”
“ใช่ ทำไม?” เย่เสี่ยวอี้มองไปที่เจียงสื้อสื้อ ดูเหมือนรู้สึกแปลกใจที่เธอรู้สึกตกใจขนาดนี้ “นี่เป็นเสื้อที่ถูกที่สุดของฉันแล้ว”
เสื้อที่ถูกที่สุด?
เธอช่างใจป้ำจริงๆ
เย่เสี่ยวอี้จ้องหน้าหญิงสาว ยิ้มอย่างเยาะเย้ย “เธอจะชดใช้ให้ฉันไม่ใช่เหรอ? เงินสดหรือโอน?”
“ฉัน…….” หญิงสาวหน้าแดง จับมือตัวเองแน่น
หมื่นแปด เธอไม่มีปัญญาชดใช้จริงๆ
“พูดซิ” เย่เสี่ยวอี้ดูท่าทางของเธอแล้ว สีหน้าก็แสดงความดูถูกอย่างชัดเจน “ฉันว่าเธอไม่มีปัญญาชดใช้หรอก”
“ฉัน……ฉันแบ่งจ่ายชดใช้คุณได้ไหม?” หญิงสาวถามอย่างระวัง
“แบ่งจ่าย?” เย่เสี่ยวอี้เบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “แค่หมื่นแปดเธอยังอยากแบ่งจ่าย เธอคิดอยากแบ่งกี่งวดละ?”
หญิงสาวยื่นนิ้วมือห้านิ้วออกไปอย่างระมัดระวัง
“ห้างวด?” เย่เสี่ยวอี้หัวเราะ ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ถ้าจนขนาดนี้ ทำงานก็ระวังหน่อย ฉันนี่มันซวยจริงๆที่เจอเธอ”
ความอับอายอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามา หญิงสาวตาแดงน้ำตาคลอ
เจียงสื้อสื้อทนดูไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นยืน “เสี่ยวอี้ เธอก็ขอโทษแล้ว ก็พูดแล้วว่าจะชดใช้เงินให้คุณ คุณไม่จำเป็นต้องพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้”
“ฉัน……” เย่เสี่ยวอี้ถูกเธอสั่งสอนแบบนี้ รู้สึกเสียหน้า อยากเถียงแต่ก็ไม่รู้จะเถียงยังไง
“ผมชดใช้ให้คุณ เอาหมายเลขบัญชีมาให้ผม”
ฟางยู่เชินที่เงียบอยู่ตลอด เขามองหญิงสาวที่ตาแดงแล้ว ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
“คุณจะช่วยเธอ?” เย่เสี่ยวอี้หันไป มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
ฟางยู่เชินไม่ได้ตอบ แต่ทวนคำพูดตัวเองอีกรอบ “เอาหมายเลขบัญชีให้ผม”
เย่เสี่ยวอี้จ้องหน้าเขาอยู่สักพัก พูดอย่างไม่พอใจ “ช่างเถอะ ถือว่าฉันซวยละกัน”
พูดจบ เธอก็นั่งลง เอามือกอดอก สีหน้าไม่พอใจ
เจียงสื้อสื้อกลัวเธอพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมาอีก จึงรีบพูดกับหญิงสาวว่า “คุณรีบขอบคุณเข้า แล้วก็กลับไปทำงานได้”
หญิงสาวได้ยินแล้ว ก็ก้มตัวให้เย่เสี่ยวอี้ “ขอบคุณค่ะ”
เย่เสี่ยวอี้จ้องหน้าไปด้วยสายตาเย็นชา ทำเสียงพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชา
“คุณกลับไปทำงานเถอะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มให้หญิงสาว
หญิงสาวพยักหน้า หันไปมองฟางยู่เชิน จากนั้นก็รีบเดินจากไป
บรรยากาศมีความครุมเครือและตึงเครียด
เจียงสื้อสื้อกับฟางยู่เชินสบตากัน ยิ้มพูดว่า “เสี่ยวอี้ ไม่ต้องโกรธแล้ว เรื่องเล็กนิดเดียว อย่ารบกวนอารมณ์เลยนะ”
“ไม่ใช่ เสื้อของฉันเปื้อนแล้ว ทำไมพูดไปพูดมาเหมือนฉันเป็นคนใจแคบ จงใจหาเรื่องเธออย่างนั้น?” เย่เสี่ยวอี้พูดความในใจเธอออกมาอย่างไม่พอใจ
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันกับพี่ชายของฉันคิดว่าอารมณ์ดีสำคัญกว่า ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องกับพนักงาน คุณว่าใช่ไหม?”
เย่เสี่ยวอี้ยิ้มอย่างแห้งๆ “ใช่ อารมณ์ดีสำคัญกว่า แต่เธอทำผิดจริงๆ คุณปล่อยเธอไปแบบนี้ อีกหน่อยถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เธอก็ทำตัวน่าสงสารไปขอโทษ ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?”
เธอนึกว่าพวกเขาสองคนจะยืนข้างเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะช่วยพนักงานคนนั้น นี่มันน่าโมโหยิ่งกว่าทำให้เสื้อผ้าเธอสกปรกอีก
“ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” เจียงสื้อสื้อเก็บรอยยิ้ม จ้องเธอโดยสายตาลึกซึ้ง “เสี่ยวอี้ ทำไมเธอถึงถือกาแฟไม่มั่นคง ใจคุณน่าจะรู้ดี”
เธอคงไม่ได้คิดว่าพฤติกรรมของเธอไม่มีใครเห็นหรอกนะ
เย่เสี่ยวอี้เลื่อนสายตาออกอย่างละอายใจ “ฉัน ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”
“คุณไม่รู้ก็ช่างเถอะ” เจียงสื้อสื้อไม่อยากทำให้สถานการณ์อึดอัดไปมากกว่านี้ “กินของว่างกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”
ฟางยู่เชินเห็นเย่เสี่ยวอี้ท่าทางโมโห ก็เลยหยิบชีสชิ้นหนึ่งวางไว้บนจานของเธอ “กินอะไรหน่อยดีกว่า อย่าโกรธเลย”
ได้ยินแล้ว เย่เสี่ยวอี้หันไป สบตาอันคมลึกของเขาพอดี หัวใจก็เต้นแรงขึ้น ความโมโหก็หายไปอย่างสิ้นเชิง เธอปัดผมที่แก้มออกอย่างเขินอาย “ขอบคุณค่ะ”
ก้มหน้าชิมชีสคำหนึ่ง รสชาติหวานอยู่ที่ปลายลิ้นไปจนถึงหัวใจ
เจียงสื้อสื้อกินของหวานไปด้วยมองเธอไปด้วย แอบถอนหายใจในใจ จบกัน เย่เสี่ยวอี้คนนี้ชอบพี่ชายเข้าแล้ว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ซ่างหยิงกับเสิ่นมั่นชิงถึงกลับมาหาพวกเขา
“เสี่ยวอี้ เสื้อผ้าเป็นอะไร?” ซ่างหยิงเห็นคราบเปื้อนบนเสื้อของเย่เสี่ยวอี้ทันที
“พนักงานทำเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ” เย่เสี่ยวอี้ยิ้มอธิบาย
ซ่างหยินขมวดคิ้ว “พนักงานคนไหน ทำไมถึงไม่ระวังแบบนี้?”
“คุณน้า เขาไม่ได้ตั้งใจ หนูกลับไปซักก็ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
ต่อหน้าผู้ใหญ่ท่าทางใจดีอ่อนโยน ทำเหมือนกับคนที่ด่าพนักงานท่าทางก้าวร้าวก่อนหน้านี้ไม่ใช่เธอ
“หนูนี่ใจดีจริงๆ” ซ่างหยิงยิ่งดูยิ่งชอบ ยิ่งดูยิ่งพอใจ
เธอหันไปมองฟางยู่เชิน “ยู่เชิน ลูกดูเสี่ยวอี้น่ารักใจดีขนาดไหน อีกหน่อยต้องติดต่อกันบ่อยๆนะ”
ฟางยู่เชินกระตุกมุมปาก “ครับ”
เย่เสี่ยวอี้เป็นคนแบบไหน เชื่อว่าเขากับสื้อสื้อรู้ดีที่สุด
ซ่างหยิงให้พวกเขาแลกเบอร์ติดต่อกัน ยังบอกให้เย่เสี่ยวอี้มีเวลาก็ไปเล่นที่ตระกูลฟางบ่อยๆ
ทำอย่างกับว่าเย่เสี่ยวอี้เป็นแฟนของฟางยู่เชินแล้ว
เจียงสื้อสื้อกับซ่างหยิงแล้วก็เสิ่นมั่นชิงแม่ลูกเดินออกจากร้านอาหาร ส่วนฟางยู่เชินไปจ่ายเงิน
“เธอนี่โง่หรือซื่อกันแน่ ทำงานตั้งนานแล้วยังส่งอาหารผิดอีก”
“ผู้จัดการ ขอโทษค่ะ ครั้งต่อไปจะไม่มีแล้วค่ะ”
ฟางยู่เชินจ่ายเงินเตรียมตัวจะออกไป ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหู เขาเอียงคอหันกลับไปดู เห็นหญิงสาวคนนั้นก้มหัวขอโทษผู้จัดการไม่หยุด
คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าทำอะไรผิดหนักหนาสาหัส
ด้วยความสงสัย เขาจึงเดินเข้าไป
“มีอะไรครับ?”
เสียงอันอ่อนโยนและคุ้นหูดังขึ้น หญิงสาวตัวแข็ง บีบมือตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
ผู้จัดการเห็นว่าเป็นลูกค้า เปลี่ยนจากสีหน้าเข้มงวดเมื่อครู่ เป็นสีหน้ายิ้มแย้ม อธิบายว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่ส่งอาหารผิดโต๊ะ”
ฟางยู่เชินมองหน้าหญิงสาว พยักหน้า “เป็นอย่างนี้นี่เอง ครั้งต่อไประวังหน่อยก็พอ”
“ใช่แล้วใช่แล้ว”
ผู้จัดการเห็นหญิงสาวยังยืนอยู่ จึงกดเสียงต่ำพูดว่า “ยังไม่รีบกลับไปทำงาน”
หญิงสาวหน้าก็ไม่เงยขึ้นมองหันตัวเดินเข้าไปในครัว
ฟางยู่เชินมองหลังของเธอ ยักคิ้วนิดหน่อยแล้วหมุนตัวเดินจากไป