ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1080 ไปจับตัวเจียงสื้อสื้อ
ข่ายสื้อลินจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ มือที่ว่างข้างลำตัวกำแน่น
บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ไม่มีใครยอมใคร
ผ่านไปนานมาก ฝู้จิงเหวินพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “ผมจะทำอะไรก็ต้องมีเหตุผลของผม คุณก็ถือสักว่าคุณไม่เห็นละกัน”
“ไม่ได้” ข่ายสื้อลินส่ายหน้า “ฉันไม่ยอมให้คุณทำเรื่องที่ทำร้ายศูนย์วิจัยแน่นอน”
ยิ่งไม่ยอมให้เขาเอาตัวไปเสี่ยง
เบอร์เกนน่ากลัวขนาดไหน เธอรู้ดีกว่าใคร ถ้ารู้เรื่อง เขาต้องไม่รอดแน่
“คุณแน่ใจเหรอว่าจะทำแบบนี้?” ฝู้จิงเหวินถาม
“ฉันกำลังช่วยคุณอยู่” ข่ายสื้อลินอารมณ์ร้อนขึ้นมา “คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่? เพื่อเจียงสื้อสื้อคนเดียว คุณต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอ? มันคุ้มไหม มันคุ้มค่าจริงๆเหรอ”
“หุบปาก” ฝู้จิงเหวินพูดอย่างโมโห หน้าหล่อบึ้งตึง สายตาอันเย็นชาดุจใบมีดอันแหลมคมจ้องหน้าเธออยู่ “ผมไม่อนุญาตให้คุณพูดแบบนี้”
ข่ายสื้อลินหัวเราะ ในเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเสียดสี “คุณไม่ให้ฉันพูด ฉันก็จะพูด ฝู้จิงเหวิน คุณตื่นได้แล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะทำมากแค่ไหน เจียงสื้อสื้อก็ไม่มีวันอยู่กับคุณ เธอแต่งงานแล้ว อ๊าก……”
ฝู้จิงเหวินเดินเข้าไปหาเธอ ยื่นมือไปบีบคอเธอไว้ สายตาอันโมโหจ้องตาเธอ ถามอย่างเคร่งขรึม “คุณพูดพอรึยัง?”
“ปล่อย ปล่อยฉันนะ” ข่ายสื้อลินพยายามผลักมือเขาออก แต่แรงของผู้หญิงก็สู้ผู้ชายไม่ได้ เธอได้แค่เสียแรงเปล่า
ยิ่งอยู่ยิ่งหายใจลำบาก เธอรู้สึกอึดอัดจนหน้าซีด
ตอนที่เธอคิดว่าเธอกำลังจะตายเพราะขาดลมหายใจ ฝู้จิงเหวินก็ปล่อยเธอ ให้ร่างของเธอล้มลงกับพื้นอย่างแรง จ้องมองเธอจากที่สูง น้ำเสียงเย็นชาและแข็งกระด้าง “จากนี้ไปผมไม่อยากได้ยินชื่อของสื้อสื้อจากปากของคุณ ถ้ามีอีกครั้ง ผมฆ่าคุณแน่”
สายตาของเขาเย็นชามากถึงมากที่สุด เหมือนกับเขาสามารถฆ่าเธอได้ในวินาทีถัดไป
ข่ายสื้อลินทนไม่ไหวจนเนื้อตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากแน่น ตาแดงน้ำตาคลอ
เพราะอะไร?
เพราะอะไรเพื่อเจียงสื้อสื้อคนเดียว เขาถึงบ้าได้ถึงขนาดนี้?
ไม่พอใจ เธอไม่พอใจมาก
เธอไม่ให้เขาทำสำเร็จแน่นอน
ความโกรธแค้นประกายอยู่ในสายตาเธอ เธอกำหมัดไว้แน่น ถึงแม้เล็บจะจิกเนื้อจนรู้สึกเจ็บ
…….
เมื่อออกจากคอนโดของฝู้จิงเหวินแล้ว ข่ายสื้อลินก็ไปหาเบอร์เกนโดยตรง
เบอร์เกนอยู่ที่สโมสร สำหรับข่ายสื้อลินมาหาตัวเองดึกขนาดนี้ ทำให้เขาไม่พอใจ
เขายกแล้วเหล้าขึ้นมา ถามอย่างเรียบเฉย “มีเรื่องอะไรไหม?”
“ฉันอยากช่วยคุณไปจับเจียงสื้อสื้อ”
ข่ายสื้อลินเปิดปากพูด ก็ทำให้เบอร์เกนตะลึง ขมวดคิ้วแน่น “คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“ฉันรู้ได้ยังไงไม่สำคัญ เรื่องสำคัญคือฉันยินดีไปจับเจียงสื้อสื้อแทนคุณ”
เบอร์เกนก้มหน้ามองเหล้าในแก้ว เหมือนกำลังพิจารณาคำขอของเขา
ข่ายสื้อลินกลัวเขาไม่ตอบรับ ก็พูดซ้ำ “ฉันจะช่วยคุณจับคนมาให้ได้ ขอให้คุณเชื่อฉัน”
“ฝู้จิงเหวินรู้เรื่องนี้ไหม?” เบอร์เกนรีบถาม
ข่ายสื้อลินตะลึง “เขาไม่รู้”
“ได้” เบอร์เกนพยักหน้า “ผมตกลงสำหรับคำขอของคุณ แต่ผมให้เวลาคุณเพียงหนึ่งอาทิตย์ ถึงเวลาแล้วผมต้องได้เจอเจียงสื้อสื้อ”
“ได้”
ข่ายสื้อลินก้มหน้าอย่างเคารพ มุมปากยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา
ฝู้จิงเหวิน ฉันจะรอดูว่าถึงเวลาแล้วคุณจะช่วยเจียงสื้อสื้อยังไง
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ก็ไปได้” เบอร์เกนดูข่ายสื้อลินที่ยังยืนอยู่ จึงออกคำสั่งไล่คน
ข่ายสื้อลินก้มตัวเคารพแล้วก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากที่เธอจากไปแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากห้องข้างๆ เดินตรงไปนั่งข้างเบอร์เกน สองมือจับที่หน้าอกเขา ถามอย่างออดอ้อน “เธอคือใครคะ?”
“ทำไม หึงเหรอ?” เบอร์เกนมองหน้าหญิงสาวสีหน้ายิ้มเล็กน้อย
“เปล่าซะหน่อย” ผู้หญิงเอาหัวพิงไว้ที่ไหล่เขา “คุณไม่กลับบ้านไปอยู่กับเมีย แต่มาอยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่ ฉันจะกล้าหึงได้ยังไงคะ”
เบอร์เกนหัวเราะกอดเอวเธอไว้ “ผู้หญิงน่าเบื่ออย่างลี่ซาจะไปสู้คุณได้ยังไง”
ผู้หญิงยิ้มอย่างเขินอายมุดตัวเข้าไปในอกของเขา
เธอมองไม่เห็นเบอร์เกนเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน รอเรื่องทุกอย่างสำเร็จ เขาต้องหย่ากับผู้หญิงอย่างลี่ซา
…….
บางทีพรหมลิขิตก็เป็นเรื่องแปลก อย่างเช่นเจอคนคนเดียวกันซ้ำๆ
วันนี้ เจียงสื้อสื้อคิดว่าก่อนที่ลูกทั้งสองจะมา ไปซื้อขนมที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมาเตรียมไว้ก่อน
สิ่งที่บังเอิญก็คือ เธอเจอหญิงสาวคนนั้นอีกแล้ว
หญิงสาวยืนอยู่หน้าตู้เย็น ตั้งใจดูราคาบนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น
เจียงสื้อสื้อเข้าไปทักทายก่อน “บังเอิญจัง เจอคุณอีกแล้ว”
ได้ยินเสียง หญิงสาวก็หันไป พอเห็นว่าเป็นเธอ ในแววตารู้สึกแปลกใจ จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “สวัสดี”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม แล้วมองเข้าไปในอาหารที่อยู่ในตู้เย็น ถามอย่างสงสัย “คุณจะซื้ออะไร?”
“อยากซื้อเนื้อวัว แต่มันแพงไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มอย่างเขินอาย
เจียงสื้อสื้อมองดูราคา ความจริงก็ไม่ได้แพง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณชอบกิน?”
“ไม่ใช่ ลูกชายฉันชอบ”
“ลูกชาย?” เจียงสื้อสื้อรู้สึกตะลึง สายตาสำรวจเธอหัวจรดเท้า “คุณแต่งงานแล้ว?”
“ยังค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า
“งั้น…….”
ทำไมถึงมีลูกชาย?
เจียงสื้อสื้อไม่กล้าถามตรงขนาดนั้น เพราะว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
แต่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจ พูดอย่างเปิดเผย “เป็นลูกของพี่สาวฉัน”
“ออ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ซื้อนิดหนึ่ง ลูกชอบกิน แพงแค่ไหนก็ต้องซื้อ” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างยิ้มแย้ม
หญิงสาวก็ยิ้ม “คุณพูดถูก”
เธอก้มตัวหยิบเนื้อวัวหนึ่งกล่องใส่ลงในรถเข็น “ฉันซื้อเสร็จแล้ว ไปก่อนนะคะ”
“ซื้อเสร็จแล้วเหรอคะ?”
เจียงสื้อสื้อมองรถเข็นของเธอ ในนั้นมีแค่ขึ้นฉ่ายกับเนื้อวัวเพียงกล่องเดียว แล้วก็แผ่นเกี๊ยว
“อืม”
ดูออกว่าชีวิตเธอน่าจะลำบากพอสมควร เจียงสื้อสื้อรู้สึกสงสารจากใจ เพราะเธอดูแล้วอายุยังน้อยแต่ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียว
“ฉันไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวมองเห็นแววตาแห่งความเห็นใจ รู้สึกอึดอัดใจ โบกมือแล้วก็รีบไปจ่ายเงิน
เจียงสื้อสื้อมองร่างเธอที่เดินจากไป แล้วค่อยหันไปเลือกของที่เธออยากซื้อ
ทันใดนั้น เธอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ถามชื่อของหญิงสาว
อาจเป็นเพราะตัวเองก็เคยผ่านชีวิตที่ลำบากมาก่อน ประสบการณ์ชีวิตที่เหมือนกันทำให้เธออยากรู้จักหญิงสาว
หญิงสาวไปถึงแคชเชียร์แล้ว เธอเดินเข้าไปถามอย่างมารยาท “ขอเสียมารยาทหน่อยถามนิดหนึ่งได้ไหมคะ ว่าคุณชื่ออะไร?”
“เหลียงซินเวย” หญิงสาวก็ไม่ได้คิดมาก บอกชื่อตัวเองออกไปโดยตรง
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “ฉันชื่อเจียงสื้อสื้อ อายุมากกว่าคุณ คุณเรียกฉันว่าพี่สื้อสื้อได้ค่ะ”
“พี่สื้อสื้อ” เหลียงซินเวยเรียกอย่างเชื่อฟัง
“ถ้าอย่างนั้นฉันเรียกคุณว่าเวยเวย ต่อไปถ้าคุณมีอะไรให้ช่วย ก็หาฉันได้”
เหลียงซินเวยมองดูเจียงสื้อสื้อที่ยิ้มแย้ม ก็รู้สึกน้ำตาคลอ เธอรีบหันหน้าหนี กะพริบตา ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
เธอจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหนที่เธอไม่ได้รับความเห็นใจแบบนี้