ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1119 ก็คือบังเอิญ
“อย่าพูดแบบนั้น ไม่แน่อาจจะนับเธอคนหนึ่งล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อก็ได้มองเหลียงซินเวยอย่างมีเล่ห์นัยน์
“จะเป็นไปได้ยังไง?” เหลียงซินเวยก็ได้ฝืนยิ้มมุมปาก เธอไม่กล้าที่จะคิดแบบนั้น
“อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น เธอก็ยอดเยี่ยมมากๆ เลยนะ”
นี่ไม่ได้ปลอบใจเธอ แต่เป็นความจริง
เธอก็แค่หญิงสาวอายุยี่สิบกว่าๆ ต้องหาเงินเลี้ยงเด็กอายุแปดขวบเพียงคนเดียว ก็น่านับถือมากแล้ว
เหลียงซินเวยก็ได้ยิ้มอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณพี่สื้อสื้อที่เห็นค่าในตัวฉัน”
เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มอ่อนๆ “เวยเวย อย่าดูถูกตัวเอง เธอไม่ได้แพ้ให้ใคร รู้หรือยัง?”
“ฉันรู้” เหลียงซินเวยไม่อยากที่จะพูดเรื่องนี่ต่อ ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง “พี่สื้อสื้อ พวกเราสามารถที่จะขึ้นไปดูพวกเด็กๆ ไหมคะ?”
เจียงสื้อสื้อก็ได้พยักหน้า “แน่นอนอยู่แล้ว”
ที่จริงเธอยังอยากจะพูดกับเหลียงซินเวยว่า เจอคนที่ชอบก็ไปจีบ ไม่ต้องแคร์เรื่องฐานะของตัวเอง แต่ว่าเหลียงซินเวยไม่อยากที่จะพูดต่อไป เธอก็ได้ปล่อยมันไป
ยังไงซะ ถ้าเกิดคนที่เหลียงซินเวยชอบเป็นฟางยู่เชินล่ะก็ เธอนั้นสนับสนุน
ห้องของเล่นเด็กอยู่ด้านขวาในสุดของชั้นสอง ต้องผ่านห้องหนังสือ
เหลียงซินเวยก็ได้เดินไปแล้วก็หันหน้าไปพูดกับเจียงสื้อสื้อไป เพราะงั้นก็ไม่เห็นคนที่ออกมาจากห้องหนังสือ
เจียงสื้อสื้อกำลังจะเปิดปากเตือนเธอแต่ก็ไม่ทันแล้ว
ก็ได้เห็นเธอชนไป
“ระวัง!” ฟางยู่เชินก็ได้ยื่นมือไปประคองเธอทัน
หัวของเหลียงซินเวยโล่ง เธอก็ได้มองฟางยู่เชินไปอย่างอึ้งๆ
เจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆ ก็อดอมยิ้มไม่ได้
ฟางยู่เชินมองเจียงสื้อสื้อสักพัก ก็ได้ปล่อยมือ ถอยหลังไปก้าว สร้างระยะห่างระหว่างตนกับเหลียงซินเวย
เวลานี้ เหลียงซินเวยถึงได้ตั้งตัว ใบหน้าที่ขาวสะอาดก็ได้แดงขึ้นทันที เธอก็ได้รีบขอโทษไม่หยุด “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
ท่าทางที่หวาดกลัวของเธอ ก็ทำให้ฟางยู่เชินขำออกมาอย่างอดไม่อยู่ “คุณเหลียง ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“คะ?” เหลียงซินเวยตกใจจนต้องจับคอ เงยหน้ามาดู ก็ได้เจอกับสายตาที่มีรอยยิ้มของเขา ใจดวงนี้ก็ได้เต้นแรงมากๆ ทันที
“ฉัน……” หัวของเธอก็ได้โล่งไปเลย ไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดอะไร
เจียงสื้อสื้อก็ได้เดินไป ควงแขนของเธอ หัวเราะแล้วพูด “พี่ฉันเป็นคนดีนะ เธอไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้”
เหลียงซินเวยก็ได้พูด “อ่อ” เบาๆ ก้มหน้าไม่กล้ามองฟางยู่เชินอีก
“พวกเธอจะไปดูพวกเสี่ยวเป่าเหรอ?” หลังจากที่ฟางยู่เชินเก็บเอกสารขึ้นมาเสร็จ ก็ได้ถาม
“อืม” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า เธอก็ได้มองเหลียงซินเวยที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ถามเสียงต่ำว่า “พี่ พี่จะทานข้าวกลางวันที่บ้านไหม?”
“ไหนๆ ก็กลับมาแล้วทานเสร็จแล้วค่อยกลับไปทำงาน”
เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดอย่างเยาะเย้ย “บังเอิญเลย เวยเวยมาที่บ้าน พี่ก็ลืมเอกสารที่บ้านพอดี”
ฟางยู่เชินทำไมจะฟังไม่ออกในกับคำพูดที่มีความนัยแอบแฝงของเธอ ก็ได้ส่ายหน้าแล้วหัวเราะ เอาเอกสารไปเคาะที่หัวของเธอเบาๆ “อย่าคิดอะไรมั่วๆ บังเอิญนั่นแหละ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้แลบลิ้ม “จ๊ะ บังเอิญจ๊ะ”
เธอก็ยังรู้สึกว่าตนนั้นกลับมาเพื่อเหลียงซินเวยโดยเฉพาะแน่ๆ
ฟางยู่เชินก็ไม่อยากที่จะอธิบายต่อ “จะไปดูพวกเสี่ยวเป่าไม่ใช่เหรอ? ไปเถอะ เดี๋ยวก็ต้องทานข้าวแล้ว”
พูดจบ เขาก็ได้เดินผ่านพวกเธอไป เดินตรงไปชั้นล่าง
“พี่ฉันไปแล้ว” เจียงสื้อสื้อก็ได้ใช้ศอกดันเหลียงซินเวยที่อยู่ข้างๆ
เหลียงซินเวยถึงได้เงยหน้า ใบหน้าก็ยังแดงเล็กน้อย
“เธอเป็นอะไรอ่ะ?” เจียงสื้อสื้อก็ได้หัวเราะแล้วมองเธอ
สายตาของเหลียงซินเวยได้ลอยเล็กน้อย “ไม่ ไม่เป็นอะไร”
“เวยเวย เธอ……”
“พวกเราไปดูพวกเด็กๆกันเถอะ” เหลียงซินเวยกลัวว่าเธอจะพูดอะไรที่ทำให้คนตกใจออกมา ก็ได้รีบลากเธอไปที่ห้องของเล่น
เล่นสามคนก็ได้เข้ากันดีมาก เล่นกันอย่างสนุกสนาน
เห็นพวกเธอเข้ามา เสี่ยวเป่าก็ได้ถาม “หม่ามี๊ จะทานข้าวเที่ยงแล้วเหรอครับ?”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ครับ จะทานข้าวเที่ยงแล้ว พวกหนูไปล้างมือก่อน รู้หรือยังครับ?”
“รู้แล้วครับ/ค่ะ” เด็กทั้งสามก็ได้ตอบออกมาพร้อมกัน
เจียงสื้อสื้อมองพวกเขา ใบหน้าที่สวยก็ได้เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ไม่นาน ก็ได้มีเสียงของซ่างหยิงส่งมา “สื้อสื้อ พวกหนูรีบลงมา จะทานข้าวแล้ว”
พอทั้งสามได้ยิน ก็ได้รีบวางของเล่นในมือลง แล้วก็วิ่งออกไป
“พวกเขารู้หน้าที่กันจริงๆ นะ” เหลียงซินเวยก็ได้อึ้งไปเล็กน้อย ยังคิดว่ายังต้องกล่อมพวกเขาสักพัก ถึงได้ยอมลงไป
“ท้องต้องหิวแล้วแน่ๆ” เจียงสื้อสื้อก็ได้ยิ้มให้เธอ “พวกเราก็ลงไปเถอะ”
……
ตอนที่ทานข้าว ซ่างหยิงก็ได้เงยหน้ามองอานอานเป็นครั้งๆ
เจียงสื้อสื้อสังเกตเห็น ก็ได้ถามอย่างอดไม่ได้ “คุณน้าสะใภ้คะ มีอะไรเหรอ?”
“อ่า?” ซ่างหยิงก็ได้อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็ได้ยิ้ม พูด “ดูแล้วเวยเวยอายุน้อยขนาดนั้น ลูกชายกลับโตขนาดนี้แล้ว”
ได้ยินแบบนั้น มือที่ใช้คีบผักของเหลียงซินเวยก็ได้นิ่ง เริ่มทำหน้าไม่ถูกทันที
เจียงสื้อสื้อมองไปสักพัก ก็ได้อธิบายแทนเธอ “อานอานเป็นลูกของพี่สาวเวยเวยค่ะ”
“ลูกของพี่สาว?”
ไม่ใช่แค่ซ่างหยิง ขนาดฟางยู่เชินก็ประหลาดใจมาก
พวกเขายังคิดว่าอานอานเป็นลูกชายแท้ๆ ของเหลียงซินเวยซะอีก
เหลียงซินเวยก็ได้วางตะเกียบลง สองมือก็ได้ประสานกันอย่างไม่รู้ตัว “ค่ะ เป็นลูกของพี่สาวหนูเอง”
“งั้นพี่สาวของเราล่ะ?” ซ่างหยิงก็ได้ถามตามธรรมชาติ
“เธอ……เสียไปแล้วค่ะ”
บรรยากาศก็ได้อึดอัดเลยทันที
ซ่างหยิงก็ได้รีบพูด “ขอโทษนะ น้าไม่รู้ว่าเรื่องเป็นแบบนี้”
เหลียงซินเวยยิ้มแล้วส่ายหน้า “คุณน้า คุณน้าไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ หนูไม่พูดให้ชัดเจนเอง”
ซ่างหยิงเสียใจมากๆ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก เธอนั้นก็คงจะกดความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ถามออกไปแล้ว นี่เป็นการแทงบาดแผลของเขาชัดๆ
เวลาเดียวกัน เธอก็ได้เอ็นดูเหลียงซินเวยกับอานอานมากกว่าเดิม
“ลำบากเธอจริงๆ นะ อายุน้อยขนาดนี้ก็ต้องเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง” ซ่างหยิงพูดอย่างปวดใจ
“ไม่ลำบากค่ะ หลายปีมานี้ ความผูกพันของหนูกับอานอานก็เหมือนแม่ลูกแท้ๆ แล้ว”
เหลียงซินเวยไม่เคยที่จะรู้สึกลำบาก มองอานอานที่นับวันได้โตขึ้นกว่าเดิม เธอนอกจากจะภูมิใจแล้วก็มีความสุข
ถ้าเกิดไม่มีอานอานอยู่เป็นเพื่อนเธอ หลังที่พี่สาวจากไป เธอก็ต้องอยู่คนเดียวแล้วจริงๆ
“จิตใจของเธอน้านับถือจริงๆ” ซ่างหยิงก็ได้มองเธอต่างออกไป
จากนั้น เธอก็ได้มองเจียงสื้อสื้อ พูด “สื้อสื้อ เรียนรู้ความคิดของเวยเวยมากๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมองให้กระจ่าง ทุกอย่างจะราบรื่น”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ รู้ค่ะ”
ที่จริงสองวันนี้ เธอได้พยายามให้ตัวเองนั้นมองอะไรให้กระจ่าง
เธอบังคับไม่ให้ไปคิด แต่ว่า เวลาที่อยู่คนเดียว ความกลัวแล้วก็กังวลก็ได้ถาโถมเข้ามาในใจไม่หยุด
เฟิงเฉินไม่กลับมาวันหนึ่ง เธอก็ไม่สามารถที่จะมีความสุขจริงๆ ได้วันหนึ่ง
“เอาหน่า แม่ครับ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว อาหารจะเย็นแล้ว” ฟางยู่เชินที่ได้เงียบอยู่ตลอดก็ได้พูดอย่างทนไม่ไหว เขากลัวว่าถ้าคุยต่อไป ข้าวมื้อนี้ไม่รู้ว่าจะกินนานเท่าไหร่
ซ่างหยิงถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองนั้นพูดมากไป ก็ได้รีบพูด “เวยเวย กินเยอะๆ หน่อย อานอานก็เหมือนกันนะจ้ะ”