ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1123 ฉันไม่ใช่แฟนของเขา
ในช่วงใกล้เวลาจะเลิกงาน ฟางยู่เชินได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเขา
“ยู่เชิน วันนี้ลูกต้องซื้อของขวัญเลย ไม่อย่างนั้นลูกก็ไม่ต้องกลับบ้านแล้ว”
คำขู่แม่ของฟางยู่เชินดังมาตามสาย ฟางยู่เชินไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี “คุณแม่ครับ ยังเหลืออีกหลายวันเลยไม่ใช่เหรอครับ ทำไมต้องรีบร้อนด้วย”
“แม่กลัวว่าลูกจะลืมนี่จ้ะ ยังไงก็เถอะวันนี้ลูกต้องซื้อให้เสร็จด้วย”
น้ำเสียงที่ไม่ยอมให้พูดเถียงของมารดา ทำให้ฟางยู่เชินรู้สึกหมดหนทาง เขาถอนหายใจ “ตกลงครับ ผมเข้าใจแล้ว ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ”
พอได้ยินแบบนี้ ซ่างหยิงจึงวางสายไปด้วยความพึงพอใจ
“น้าสะใภ้เล็กคะ แบบนี้มันเกินไปหรือเปล่าคะ” เจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆกะพริบตา แล้วถามอย่างระมัดระวัง
รู้ทั้งรู้ว่าพี่ของเธอไม่ชอบเย่เสี่ยวอี้ แต่ยังบังคับให้เขาซื้อของขวัญวันเกิดให้เธออีก
“มากเกินไปเหรอจ้ะ” ซ่างหยิงไม่ตอบแต่ถามกลับแทน
เจียงสื้อสื้อยิ้มแห้ง “มันก็นิดหน่อยค่ะ”
“มากเกินไปก็มากเกินไปเถอะจ้ะ” ซ่างหยิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เธอเดินไปที่อีกด้านของโซฟาแล้วนั่งลง เจียงสื้อสื้อรีบขยับเข้าไปหา
“น้าสะใภ้เล็กคะ ถ้าพี่เขาเลือกของขวัญที่เสี่ยวอี้ไม่ชอบล่ะคะ”
ไม่ใช่ว่าเธอเจตนาพูดให้คนอื่นตกใจ แต่เธอไม่เชื่อว่าพี่ของเธอผู้ชายร่างใหญ่แบบนั้นจะรู้วิธีเลือกของขวัญให้หญิงสาว
พอซ่างหยิงได้ยินแบบนี้ เธอก็เริ่มร้อนใจ “แล้วควรทำยังไงดีจ้ะ”
ถ้าหากของขวัญไม่เป็นที่พอใจ แล้วทำให้เย่เสี่ยวอี้ไม่พอใจขึ้นมาจะทำยังไง
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าเพื่อบอกว่าเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“แกนี่” ซ่างหยิงขมวดคิ้วแล้วคิดตาม “หรือว่าหลานจะไปกับพี่ของหลานด้วยดี หลานเป็นผู้หญิง หลานจะต้องรู้ว่าเสี่ยวอี้ชอบอะไร”
“หนูเหรอคะ” เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่เอาหรอกค่ะ หนูเลือกของขวัญเป็นที่ไหนกัน”
“แล้วจะทำยังไงดีจ้ะ หลานคงไม่อยากยืนมองการแต่งงานของพี่หลานต้องพลาดไปอีกใช่ไหมจ้ะ”
เจียงสื้อสื้อ “…”
เธอไม่ยอมแบกรับข้อหานี้แน่ๆ แต่เธอไม่อยากออกไปข้างนอก อีกอย่างฟางยู่เชินก็ย้ำกับเธอไว้ ว่าช่วงนี้เธอควรออกไปข้างนอกให้น้อยที่สุด
ทันใดนั้นเอง ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัว
เธอยิ้ม “น้าสะใภ้เล็กคะ หนูรู้แล้วค่ะว่าใครช่วยเราได้”
“ใครจ้ะ”
“เวยเวยไงคะ เธอคงจะดีใจมากที่ได้ช่วย”
เจียงสื้อสื้อพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “แบบนี้จะดีเหรอจ้ะ จะลำบากคนอื่นเกินไปไหม”
“ไม่หรอกค่ะ เวยเวยต้องยินดีช่วยแน่ๆค่ะ”
เจียงสื้อสื้อกดโทรศัพท์โทรหาเหลียงซินเวย อีกฝ่ายกดรับสายอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีค่ะพี่สื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อมองไปทางซ่างหยิง ก่อนจะเอ่ยปากพูด “เวยเวย พี่มีเรื่องอยากจะขอให้น้องช่วยหน่อยจ้ะ”
……
ฟางยู่เชินเดินออกจากลิฟต์ และก้มหน้ามองข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์
“พี่คะ ฉันช่วยพี่หาผู้ช่วยไปช่วยเลือกของขวัญ แล้วเธอก็กำลังรอพี่อยู่ที่หน้าบริษัทแล้วค่ะ”
ผู้ช่วยอย่างนั้นเหรอ
ฟางยู่เชินอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ แค่ซื้อของขวัญ จำเป็นที่จะต้องลำบากขนาดนี้ด้วยเหรอ
“สวัสดีครับท่านประธาน”
พนักงานที่เดินไปมาทักทายเขาทีละคน เขายิ้มและพยักหน้าให้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองที่ประตู
ทันใดนั้น เขาก็เห็นร่างเพรียวยืนอยู่ข้างเสา
เขาเร่งความเร็วในการเดินโดยไม่รู้ตัว
มันเป็นเวลาเลิกงานพอดี จึงมีพนักงานที่แต่งตัวดีออกมาตามๆกัน เหลียงซินเวยรู้สึกว่าเธอดูไม่เข้ากับคนอื่นเลย เธอขยับหลบอยู่หลังเสา พยายามลดตัวตนของเธอจากที่นี่ให้น้อยที่สุด
เธอก้มศีรษะลง มองไปที่ปลายรองเท้า
พูดตามตรง ตอนที่เธอได้รับโทรศัพท์จากเจียงสื้อสื้อ เธอรู้สึกดีใจมาก
แต่ตอนนี้ เธอเริ่มรู้สึกเสียใจทีหลังแล้ว
เย่เสี่ยวอี้เป็นคุณหนูแสนร่ำรวย เธอจะรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นชอบอะไร
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะช้าไปไหมที่จะปฏิเสธ
“รอนานแล้วใช่ไหมครับ”
เสียงที่คุ้นหูดังเข้ามาในหูของเขา
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเห็นดวงตาคมเข้มที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าอย่างกะทันหัน
หัวใจของเธอ เริ่มเต้นผิดจังหวะ
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงไม่ฟังเจ้าของ เธอรีบก้มศีรษะลงและพูดเสียงเบา “ไม่นานค่ะ”
ฟางยู่เชินสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ จึงพูดด้วยรอยยิ้ม: “ไปกันเถอะครับ”
“ค่ะ”
เธอเดินตามหลังเขาไปที่รถ
“ขึ้นรถเลย” ฟางยู่เชินช่วยเปิดประตูรถให้เธออย่างสุภาพบุรุษ
เธอตกตะลึงทำตัวไม่ถูก ก่อนจะรีบพูด “ขอบคุณค่ะ” แล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถ
ปึง!
เสียงปิดประตูรถราวกับค้อนทุบหัวใจเธออย่างแรง
“คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย” หางยู่เชินพูดขึ้นมาขณะกำลังสตาร์ทรถ
เหลียงซินเวยรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนั่งหลังตรง มองตรงไปข้างหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองเขา
พอเห็นแบบนี้ ฟางยู่เชินก็อดที่จะหัวเราะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ไม่ต้องเกร็ง คุณกับสื้อสื้อเป็นเพื่อนกัน งั้นก็นับผมเป็นพี่ชายของคุณ แบบนี้จะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย”
เหลียงซินเวยตอบกลับด้วยท่าทางเก้อเขิน “ได้ค่ะ”
หลังจากนั้น บรรยากาศภายในรถก็เงียบสนิทไปตลอดทาง ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย
จนกระทั่งรถเข้าจอดบริเวณที่จอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ฟางยู่เชินถึงจะเอ่ยปากถามออกมา “คุณมีคำแนะนําอะไรดีๆหรือเปล่า”
“หะ” เหลียงซินเวยหันกลับมามอง แล้วมองเขาอย่างสับสนงุนงง
ฟางยู่เชินยิ้ม “พวกคุณเป็นผู้หญิงเหมือนกัน น่าจะรู้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบอะไร”
“น่า…น่าจะรู้ค่ะ”
“คุณดูไม่มั่นใจเลยนะครับ” ฟางยู่เชินหันกลับแล้วมองมาที่เธอ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่กลัวว่าจะให้คำแนะนำดีๆ ไม่ได้” เสียงของเหลียงซินเวยเบาลงเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไร ยังไงก็เป็นผมที่ให้ของขวัญออกไป ไม่ใช่คุณ”
……
ในเวลานี้มีคนมาเดินซื้อของในห้างเยอะพอประมาณ เหลียงซินเวยพยายามเดินตามหลังฟางยู่เชินอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าจะหลงทางกัน
ฟางยู่เชินมองไปที่เคาน์เตอร์แบรนด์ดังที่อยู่รอบๆ ตัวเขา คิ้วของเขาขมวดขึ้นเล็กน้อย “คุณคิดว่าส่งอะไรเป็นของขวัญดี”
“อืม…” เหลียงซินเวยนิ่งคิดอย่างจริงจัง “เครื่องประดับหรือกระเป๋าไหมคะ”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ผมก็คิดเหมือนกัน”
“งั้นไปกันเถอะ เราไปดูเครื่องประดับกัน”
เขาจับมือเธอ แล้วพาเธอไปที่ร้านขายเครื่องประดับซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป
เหลียงซินเวยจ้องมือของเขาที่กำลังจับข้อมือเล็กด้วยความตกตะลึง
อุณหภูมิของฝ่ามือของเขาลวกผิวหนังบริเวณข้อมือของเธอ ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงโดยควบคุมไม่ได้
ทันทีที่เข้าไปในร้านขายเครื่องประดับ พนักงานก็เดินเข้ามาทักทายอย่างกระตือรือร้น “ยินดีต้อนรับค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ”
“เครื่องประดับอะไรเหมาะจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้ผู้หญิงได้บ้างครับ” ฟางยู่เชินเอ่ยถาม
พอพนักงานได้ยินคำว่า “ของขวัญวันเกิด”สี่คำ เธอก็เหลือบไปมองทางเหลียงซินเวยที่ยืนอยู่ข้างๆทันที ก่อนจะพูดยิ้มๆ “มีค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
พนักงานร้านพาพวกเขาไปที่หน้าเคาน์เตอร์
ภายในเคาเตอร์กระจกมีแหวนเพชรทุกแบบ ภายใต้แสงไฟที่สาดส่อง เพชรเม็ดงามส่องประกายระยิบระยับ
“แหวนของทางร้านเราได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยนักออกแบบของเรา แหวนแต่ละวงมีความหมายที่แตกต่างกัน ถ้าคุณลูกค้าต้องการจะซื้อให้แฟนสาวของคุณ วงนี้เหมาะที่สุดแล้วค่ะ”
พนักงานหยิบแหวนเพชรออกมาวางบนเคาน์เตอร์ “แหวนเพชรวงนี้เพิ่งออกมารุ่นใหม่ล่าสุดค่ะ มันสื่อความหมายถึง ความรัก ความหวาน และความสุขค่ะ”
ฟางยู่เชินยิ้มย่อง “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ได้จะซื้อให้แฟนของผม”
“ไม่ใช่เหรอคะ” พนักงานประหลาดใจ “ฉันคิดว่าคุณจะซื้อให้คุณผู้หญิงท่านนี้ซะอีก”
“ฉันเหรอคะ” เหลียงซินเวยรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ไม่ ไม่ใช่ซื้อให้ฉันค่ะ แล้วฉันก็ไม่ใช่แฟนของเขาด้วย”
พนักงานยิ้มอย่างขอโทษ “ขอโทษค่ะ ฉันเข้าใจผิดไป”
“ไม่เป็นไร ยังมีอย่างอื่นอีกไหมครับ” ฟางยู่เชินไม่ใส่ใจในเรื่องนี้
จะมีก็แต่เหลียงซินเวยที่รู้สึกสับสนในใจอย่างอธิบายไม่ถูก เธอพยายามจะยิ้มออกมา “ฉันคิดว่าแหวนก็ไม่เลวนะคะ”