ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1134 เพื่อจะมาจับผู้ชายรวยๆ
รอบๆตัวเงียบสงบ ได้ยินเสียงพูดคุยกันจากด้านในคฤหาสน์ดังออกมาเบาๆ
เย่เสี่ยวอี้จ้องฟางยู่เชินเขม็ง เธอไม่ได้พูดอะไร แต่รอให้เขาเป็นคนอธิบายอย่างสมเหตุสมผลกับเธอเองสักข้อ
ทว่าเธอลืมไปแล้ว เธอในตอนนี้ ก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งสำหรับฟางยู่เชิน
เธอจะอยู่กับใคร ทำอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องไปอธิบายกับเธอ
ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร
สุดท้าย เย่เสี่ยวอี้ก็ทนไม่ไหว
“นี่ คุณไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเลยหรือไง”
“พูดอะไร” ฟางยู่เชินถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย สีหน้าเรียบเฉยไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“พูดว่า……” เย่เสี่ยวอี้ชะงักพูดไม่ออก
เห็นชัดว่าเธอมีเหตุมีผล แต่ทำไมพอถูกเขาถาม ตนเองกลับพูดอะไรไม่ออกเลย
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ได้ ฉันไม่ถือสาเรื่องคุณกับผู้หญิงคนนั้น แต่ต่อไปฉันจะไม่อนุญาตให้คุณไปติดต่ออะไรกับหล่อนอีก”
ได้ยินดังนั้น ฟางยู่เชินหัวเราะ “เสี่ยวอี้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้ผมติดต่อพูดคุยกับผู้หญิงคนไหน”
“ฉันเป็นว่าที่ภรรยาคุณ” เย่เสี่ยวอี้เชิดหน้า พูดอย่างภาคภูมิใจ
“ว่าที่ภรรยาเหรอ” ฟางยู่เชินยิ้มเยาะที่มุมปาก “ผมไม่ยอมรับการเกี่ยวดองของตระกูลเย่และตระกูลฟางสองตระกูล ดังนั้นคุณไม่มีทางเป็นว่าที่ภรรยาของผม”
น้ำเสียงของเขาเห็นชัดว่าอ่อนโยน แต่ทำไมคำพูดถึงได้ไร้ความรู้สึกมาก
เย่เสี่ยวอี้อดไม่ได้ที่จะชะงัก “คุณ คุณไม่ต้องพูดเด็ดขาดขนาดนี้ ไม่แน่ว่า……”
เธอคิด แล้วพูดต่อว่า “ไม่แน่ว่าต่อไปคุณอาจจะชอบฉันก็ได้”
“ชอบคุณเหรอ” ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “คุณอยากฟังความจริงมั้ย”
ความจริงเหรอ
เขาคิดจะพูดคำพูดที่ไร้เยื่อใยมาทำร้ายเธออีกใช่มั้ย
เย่เสี่ยวอี้เบือนหน้าหนี “ไม่ฟัง ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น!”
ฟางยู่เชินนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดว่า “สุขสันต์วันเกิด”
ได้ยินประโยคนี้ มุมปากของเย่เสี่ยวอี้อดไม่ได้ที่จะยกขึ้น แต่ก็ยังพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “อย่าคิดว่าคุณพูดว่า ‘สุขสันต์วันเกิด’ แล้ว ฉันก็จะให้อภัยคุณ”
ฟางยู่เชินก้มหน้าหัวเราะเบาๆ “คุณจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัยผม ผมไม่สนใจ ผมก็แค่อยากบอกคุณ ผมยังมีธุระต้องทำไปก่อนนะ”
พูดจบ ไม่รอให้เย่เสี่ยวอี้โต้ตอบอะไร ยกเท้าเดินจากไปทันที
“ฟางยู่เชิน!” เย่เสี่ยวอี้ตะโกนใส่ด้านหลังเขาอย่างโมโห แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ยิน เดินไปไม่หยุด
เย่เสี่ยวอี้กระทืบเท้าด้วยความโกรธอยู่ที่เดิม ท้ายที่สุดทำอะไรไม่ได้จึงไล่ตามไป
ถึงด้านหน้าสวน ฟางยู่เชินพบกับพ่อเย่พอดี
เขาหยุดฝีเท้า พูดตามมารยาทอย่างนอบน้อมว่า “คุณอาเย่ครับ”
พ่อเย่มองไปทางด้านหลังเขา ถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวอี้ไม่ได้อยู่กับคุณเหรอ”
ฟางยู่เชินไม่ได้พูดอะไร
เวลานี้เอง เย่เสี่ยวอี้ก็วิ่งมา พูดอย่างโมโหว่า “ฟางยู่เชิน ฉันจะบอกนายให้นะ คนที่ตามจีบฉันมีเยอะแยะไป แค่นายคนเดียวฉันไม่สนหรอก!”
“เสี่ยวอี้ ลูกกำลังพูดอะไร” พ่อเย่ขมวดคิ้ว จ้องมองเธออย่างไม่พอใจ
เย่เสี่ยวอี้โกรธมาก ในสายตามองเห็นแต่ฟางยู่เชิน ไม่ได้สังเกตเห็นพ่อเย่ จนกระทั่งพ่อเย่ส่งเสียงพูดออกมา เธอจึงพบว่าเขาอยู่ตรงนี้ด้วย
เธอรีบสงบสติอารมณ์ ร้องเรียกอย่างเป็นเด็กดีว่า “พ่อ”
“เมื่อกี้ลูกพูดว่าอะไร” พ่อเย่ถาม
“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ” เย่เสี่ยวอี้ส่ายหน้า “หนูหยอกล้อกับยู่เชินเล่นๆค่ะ”
“จริงเหรอ” พ่อเย่เห็นชัดว่าไม่เชื่อ เขามองไปทางฟางยู่เชิน “ที่เธอพูดจริงเหรอ”
เย่เสี่ยวอี้เกรงว่าฟางยู่เชินจะฟ้องพ่อ รีบกระตุกแขนเสื้อของเขา แสดงความหมายว่าเขาอย่าพูดจาเหลวไหล
ฟางยู่เชินเหล่มองเธอ พูดเรียบๆว่า “คุณอาเย่ ผมยังมีเรื่องต้องไปจัดการก่อน วันหลังค่อยมาเยี่ยมเยียนคุณอาใหม่นะครับ”
พ่อเย่แปลกใจมาก “นี่จะไปแล้วเหรอ”
ฟางยู่เชินยิ้มอย่างขอโทษ “คุณอาเย่ ต้องขอโทษอย่างมากครับ บริษัทยังมีเรื่องต้องจัดการให้เสร็จ”
“’งั้นก็ได้ ผู้ชายก็ต้องให้ความสำคัญกับงาน คุณไปทำงานเถอะ วันหลังมีเวลาพวกเราสองตระกูลค่อยนัดพับกัน”
“ขอบคุณคุณอาที่เข้าใจครับ ผมไปก่อนนะครับ ลาก่อนครับ”
ฟางยู่เชินก้มศีรษะให้พ่อเย่ หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมามอง
“ฟางยู่เชิน!”
เย่เสี่ยวอี้คิดจะตามไป
“เสี่ยวอี้” พ่อเย่รีบรั้งเธอเอาไว้
“พ่อ พ่อกำลังทำอะไรคะ” เย่เสี่ยวอี้ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “คนคนนี้จะไปแล้วนะคะ พ่อจะรั้งหนูไว้ทำไม”
“ลูกคิดว่าไงล่ะ” พ่อเย่ถอนหายใจ “ฟางยู่เชินเขามีงานต้องทำ ลูกจะพุ่งตามไปแบบนี้ไม่ให้เขาไป มันไร้กาลเทศะมากแค่ไหน”
“แต่ว่า……” เย่เสี่ยวอี้รู้สึกน้อยใจขึ้นมา “เขาเพิ่งมาไม่ใช่เหรอ”
“เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ ใช่มั้ยล่ะ ต่อไปลูกต้องแต่งงานกับเขา ก็ต้องทำตัวให้ชินว่าเขาจะละเลยลูกเพราะเรื่องงาน แต่ผู้ชายแบบนี้จึงจะมีความรับผิดชอบ”พ่อเย่สั่งสอนด้วยความจริงใจ
เย่เสี่ยวอี้พยักหน้า “ก็ได้ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”
เธอหมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปเข้าไปในคฤหาสน์ ก็มองเห็นเหลียงซินเวยที่กำลังพูดคุยกับใครบางคนอยู่ไม่ไกลพอดี แววตาก็เย็นชาขึ้นทันที
เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น ไม่อย่างนั้นยู่เชินก็ไม่จากไปเร็วขนาดนี้
นึกถึงตอนที่ตนเองอยู่ที่สวนดอกไม้ตอนนั้น ความอิจฉาริษยาก็เลยพลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ เธอหรี่ตามอง จะปล่อยหล่อนไปแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เย่เสี่ยวอี้กลับที่ด้านในคฤหาสน์ เพื่อนของเธอไม่รู้กำลังเล่นอะไรอยู่ เสียงดังเอะอะ
พอเดินเข้าไปใกล้ ก็มีคนดึงเธอไปนั่ง “เสี่ยวอี้ อยากเล่นเกมกล้าพูดความจริงมั้ย ช่างน่าตื่นเต้นดีเหลือเกิน”
เย่เสี่ยวอี้ไม่สนใจเลยสักนิด “ไม่มีอารมณ์ พวกเธอเล่นกันเองเถอะ”
จากนั้น เธอก็มองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงข้าม “ไอ้อ้วน นายตามฉันมาหน่อย ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่า “ไอ้อ้วน” พอได้ยิน ก็ดวงตาเป็นประกายทันที “คนสวยมีเรื่องจะคุยกับผม พวกคุณค่อยๆเล่นกันไปนะ”
ไอ้อ้วนเดิมตามหลังเย่เสี่ยวอี้ขึ้นชั้นบน
คนอื่นต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เธอมองฉันฉันมองเธอ ล้วนมีสีหน้าแปลกใจ
ปกติเย่เสี่ยวอี้ไม่ชอบหน้าไอ้อ้วนเลย ทำไมตอนนี้กลับเรียกเขาไปคุยกันตามลำพังนะ
พอถึงชั้นบน ไอ้อ้วนก็คิดอกุศล ดึงเอาเย่เสี่ยวอี้ไว้ในอ้อมกอดแสยะยิ้ม“คนสวย คุณอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวจนทนไม่ไหวแล้วใช่มั้ย”
“ไปให้พ้น!” เย่เสี่ยวอี้ออกแรงผลักเขาอย่างไม่เกรงใจ ร้องเตือนเขาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “นี่คือบ้านของฉัน นายอย่ามาทำรุ่มร่าม”
ไอ้อ้วนหมดอารมณ์ไปชั่วขณะ เบะปาก “พูดมา ว่าคุณมีเรื่องอะไรกับผม”
“ฉันจะแนะนำผู้หญิงสวยๆให้นายรู้จักคนหนึ่ง”
“ผู้หญิงสวยๆ” ไอ้อ้วนขมวดคิ้ว “ในสายตาของผมมีเพียงแค่คุณที่เรียกได้ว่าเป็นคนสวย”
ใครๆก็ล้วนชอบฟังคำยกย่องชื่นชม
เย่เสี่ยวอี้เชิดหน้าด้วยความหยิ่งยโส “ถือว่านายตาถึง แต่คนที่ฉันจะแนะนำให้ก็ไม่เลวนะ ฉันเชื่อว่านายต้องชอบ”
“ใครเหรอ”
“นายตามฉันมา”
เย่เสี่ยวอี้พาเขามาที่ระเบียง ชี้ไปที่เหลียงซินเวยที่อยู่ชั้นล่าง พูดว่า“ก็คือหล่อน หล่อนเป็นเพื่อนคนหนึ่งของฉัน วันนี้ที่มาร่วมงานวันเกิดฉันก็เพื่อที่จะมาจับผู้ชายรวยๆ ฉันคิดว่านายเหมาสมที่สุดแล้ว”
แม้ว่าจะมองเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่ด้านข้าง แต่ก็มองออกว่าเป็นคนสวยจริงๆ และรูปร่างก็ไม่เลว
ไอ้อ้วนยังไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องดีขนาดนี้ด้วย “เธอแน่ใจนะว่าแนะนำให้ฉัน”
“แน่นอน” เย่เสี่ยวอี้ยิ้ม “อีกเดี๋ยวฉันจะพาเธอมาให้รู้จักกับนาย ที่ห้องนั้น”