ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1151 คนต่างก็มีหลายด้าน
ซ่างหยิงวางลูกในมือ หมุนตัว มองเธออย่างแปลกใจ “ทำไปหนูไม่ชอบเสี่ยวอี้ เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวไม่ใช่เหรอ?”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม “น้าสะใภ้เล็ก บางคนเจอกันแค่ครั้งเดียว ก็รู้ว่าเป็นคนยังไงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นหนูลองพูดดูว่าเสี่ยวอี้เป็นคนยังไง?” ซ่างหยิงรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
“อะไรก็พูดได้เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อลองถาม
เธอไม่อยากพูดความจริงแล้วทำให้เธอไม่พอใจ
ซ่างหยิงพยักหน้า “อืม ได้หมด”
“ถ้าอย่างนั้นหนูก็พูดตามความจริงแล้วนะ น้าอย่าโกรธนะ” เจียงสื้อสื้อเตือนเธอไว้ก่อน
“ไม่โกรธ”
เมื่อซ่างหยิงรับปากแล้ว เจียงสื้อสื้อถึงวางใจ “เย่เสี่ยวอี้ไม่ได้มีมารยาทอย่างที่เห็น พบกันครั้งที่แล้ว เวยเวยทำเสื้อเธอเปื้อนโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอก็โมโหร้ายจะให้คนอื่นชดใช้ค่าเสียหายให้เธอ”
“เสื้อผ้าของเธอสกปรกแล้ว ก็ต้องโกรธอยู่แล้ว อีกอย่างก็ต้องชดใช้อยู่แล้ว นี่ไม่มีอะไรไม่ถูก”
คิดอยู่แล้วว่าเธอต้องช่วยเย่เสี่ยวอี้พูดแน่ เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “น้าสะใภ้เล็ก ถ้าเสื้อน้าถูกคนอื่นทำให้สกปรกแล้ว น้าจะใช้วิธีบีบคนอื่น วางตัวเหนือกว่าคนอื่น บังคับให้เขาชดใช้ไหม?”
“ก็ไม่นะ”
เจียงสื้อสื้อยักไหล่ “แต่เย่เสี่ยวอี้ทำ อีกอย่างเวยเวยไม่ได้ตั้งใจ แต่เพราะถูกเย่เสี่ยวอี้ผลักไปทีหนึ่งถึงทำให้อาหารว่างล้ม”
“ที่หนูพูดคือความจริงเหรอ?” ซ่างหยิงรู้สึกไม่อยากเชื่อว่าเย่เสี่ยวอี้จะเป็นคนแบบนี้
“น้าสะใภ้เล็ก น้าคิดว่าหนูจะโกหกน้าเหรอ?” เจียงสื้อสื้อไม่ตอบแต่ถาม
ซ่างหยิงยิ้มอย่างคลุมเครือ “ไม่แน่นอน แต่ว่า……น้าก็ยังรับที่หนูพูดไม่ได้ ในความทรงจำน้า เสี่ยวอี้เป็นเด็กน่ารักมีมารยาท เป็นไปได้ยังไง……”
“คนเราต่างก็มีหลายด้าน” เจียงสื้อสื้อถอนหายใจยาว เปลี่ยนเรื่อง พูดว่า “พอแล้ว น้าสะใภ้เล็ก เราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว รีบทำขนมกันเถอะ ไม่อย่างนั้นใกล้เที่ยงแล้ว”
“ได้” ซ่างหยิงมมองเธอแล้วรีบยุ่งขึ้นมา สีหน้าคิดมาก
ถ้าหากเสี่ยวอี้เป็นอย่างที่สื้อสื้อพูดจริง ถ้าอย่างนั้นเธอต้องพิจารณาเรื่องการแต่งงานกับตระกูลเย่แล้ว
แต่ว่า ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าสื้อสื้อเข้าใจผิด
…….
จากความพยายามกันครึ่งวัน ก็อบคุกกี้เสร็จไปสองถาด
เจียงสื้อสื้อกินไปหนึ่งชิ้น ยิ้มอย่างพอใจ “ทำเองอร่อยจริง”
ซ่างหยิงมองเธอไปทีหนึ่ง ส่ายหัวยิ้ม “หนูทำไมยังเหมือนเด็กอีก”
“ในสายตาน้าสะใภ้ หนูก็ยังเป็นเด็กอยู่แล้ว” เจียงสื้อสื้อวิ่งเข้าไปกอดเธอ รู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างเธอ ก็รู้สึกน้ำตาคลอ
เธอรีบหันหน้าหนี สูดจมูก ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “น้าสะใภ้ว่า ใช่ไหมล่ะ?”
ซ่างหยิงใส่คุกกี้ลงในกล่องไปด้วย พูดไปด้วย “ใช่ ในสายตาน้า หนูยังเป็นเด็ก เด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้จักโต”
เจียงสื้อสื้อมองหลังเธอด้วยรอยยิ้ม สายตาค่อยๆถูกน้ำตาบดบัง
“แค่นี้พอไหม?” ซ่างหยิงหันไปถามเธอ
เธอรีบหันหลัง เช็ดน้ำตาออก
เห็นภาพแล้ว ซ่างหยิงขมวดคิ้ว “หนูเป็นอะไร?”
เจียงสื้อสื้อหันกลับมา ส่ายหน้ายิ้ม “ไม่เป็นไร เพราะว่าคุกกี้อร่อยเกินไป ก็เลยซาบซึ้ง”
“เด็กโง่” ซ่างหยิงเชื่อคำพูดเธอ
“อันนี้จะให้อานอานเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อืม พอไหม?”
คุกกี้เต็มกล่อง
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “พอ พอแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นให้เวยเวยมาเอาที่บ้าน หรือว่าให้ใครเอาไปส่ง?” ซ่างหยิงถาม
“ดูคิดดูก่อน”
เวลานี้เอง กู้เนี่ยนเดินเข้ามา “คุณหญิง คุณยุ่งเสร็จหรือยังครับ?”
พอเห็นกู้เนี่ยน เจียงสื้อสื้อก็ตาสว่างทันที “กู้เนี่ยน คุณช่วยฉันเอาคุกกี้ไปให้เวยเวยละกัน”
“หา?” กู้เนี่ยนตั้งตัวไม่ทัน
“เดี๋ยวฉันเอาที่อยู่ที่เวยเวยทำงานให้คุณ คุณช่วยฉันเอาคุกกี้ไปส่ง” เจียงสื้อสื้อเอากล่องใส่คุกกี้ใส่เข้าไปในถุง จากนั้นยื่นให้เขา
“แต่ว่าคุณหญิง ผมมาหาคุณคุย…….”
“เรื่องนั้นไว้ค่อยคุยตอนเย็น” เจียงสื้อสื้อกลัวเขาพูดออกมา รีบพูดตัดขึ้น
เรื่องที่เธอจะพบกับเบอร์เกน เธอไม่อยากให้พวกน้าสะใภ้รู้ กลัวพวกเขาเป็นห่วง
“เรื่องอะไรเหรอ?” ซ่างหยิงมองกู้เนี่ยน จากนั้นก็หันไปมองเจียงสื้อสื้อด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรค่ะ”
ซ่างหยิงจ้องเจียงสื้อสื้อ ขมวดคิ้ว “สื้อสื้อ คงไม่ได้มีอะไรปิดบังอีกนะ?”
“เป็นไปได้ยังไงคะ?” เจียงสื้อสื้อฝืนหัวเราะ “หนูจะไปมีอะไรปิดน้าได้คะ”
ซ่างหยิงไม่เชื่อ หันไปถามกู้เนี่ยน “เสี่ยวกู้ เธอบอกฉันมา พวกเธอมีอะไรปิดบังฉันใช่ไหม?”
กู้เนี่ยนเห็นเจียงสื้อสื้อส่งสายตาให้ตัวเอง ก็เลยยิ้มแล้วส่ายหัว “นายหญิงฟาง ไม่มีครับ เพราะว่าภรรยาคุณชายรองใกล้คลอดแล้ว ผมก็เลยมาถามคุณหญิงว่าจะกลับเมืองจิ่นไหม”
เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ หนูลืมบอกไปเลยค่ะ น้าสะใภ้เล็ก”
“หวั่นชีงจะคลอดแล้วเหรอ” ซ่างหยิงแปลกใจและดีใจ “แม่สามีหนูต้องดีใจมากๆแน่เลย จะมีหลายเพิ่มอีกคนที่บ้านแล้ว”
เธอรู้สึกอิจฉา
เจียงสื้อสื้อกอดไหล่เธอไว้ “ไม่นาน ที่นี่ก็จะมีเด็กน้อยเพิ่มหนึ่งคนเหมือนกัน ไม่ใช่ ต้องหลายคน”
ซ่างหยิงจับมือเธอไว้ ยิ้มพูด “หวังว่าที่หนูพูดจะเป็นจริง”
“ต้องจริงแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อหันไปพูดกับกู้เนี่ยน “คุณช่วยฉันเอาคุกกี้ไปให้เวยเวยหน่อยนะ ฉันส่งที่อยู่ไปที่มือถือคุณ”
“ครับ”
กู้เนี่ยนถือคุกกี้จากไป
เจียงสื้อสื้อส่งที่อยู่ให้กู้เนี่ยนแล้ว ก็ช่วยซ่างหยิงเก็บข้าวของในครัว ถึงขึ้นชั้นสองไปดูเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน
……..
เวลาใกล้เที่ยง ฟางยู่เชินบอกผู้ช่วยไม่ต้องสั่งอาหาร ก็เลิกงานก่อน
จำร้านอาหารที่เหลียงซินเวยทำงานได้ อยู่ในห้างที่ไม่ห่างจากที่ทำงานนัก
เขาหันไปมองถุงกระดาษที่วางอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ ด้านในเป็นสร้อยคอหญ้าสี่ใบ
เมื่อวานเป็นวันเกิดของเหลียงซินเวย เขาแค่อยากให้ของขวัญย้อนหลังเท่านั้น ไม่ได้มีความหมายอื่น
ถึงแม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้กับตัวเองในใจ แต่ใบหน้าก็ยิ้มแย้มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
รถจอดที่ลานจอดนอกห้าง เขาถือถุงเปิดประตูลงจากรถ
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ จะเห็นกู้เนี่ยนกับเหลียงซินเวยที่หน้าร้านอาหาร
จึงต้องหยุดเดินกะทันหัน สายตาจ้องอยู่ที่ชายหญิงที่อยู่ไม่ไกลนัก
“คุณหญิงให้ผมเอามาให้คุณ” กู้เนี่ยนยื่นถุงให้เหลียงซินเวย
“คืออะไรคะ?” เหลียงซินเวยรับมาดู แล้วยิ้มขึ้นทันที “คุกกี้นี่เอง”
“อืม บอกว่าให้อานอานกิน”
เหลียงซินเวยเงยหน้า ยิ้มให้กู้เนี่ยน “ช่วยฉันขอบคุณพี่สื้อสื้อด้วยนะคะ”
กู้เนี่ยนแววตากะพริบเล็กน้อย “ครับ”
ทั้งสองเงียบลง จนรู้สึกบรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย
เหลียงซินเวยคิดไปมา ถามว่า “กินข้าวเที่ยงหรือยังคะ?”
“ยังครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันเลี้ยงคุณละกัน กินในนี้”
กู้เนี่ยนจ้องเธอสักพัก แล้วค่อยๆพยักหน้า “ครับ”
มองดูพวกเขาเดินเข้าร้านอาหารตามกันไป ความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกก็ผุดขึ้นในใจ
ฟางยู่เชินก้มหน้ามองถุงในมือ แล้วมองไปในร้านอาหาร จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป