ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1152 คุณชอบเธอ?
เหลียงซินเวยพากู้เนี่ยนเข้าไปนั่ง
“คุณนั่งก่อนนะคะ ฉันไปพูดกับผู้จัดการหน่อย”
เหลียงซินเวยหันตัวจะเดินไป กู้เนี่ยนจับมือเธอไว้
เธอหันกลับมา สายตามองอยู่ที่มือที่จับข้อมือตัวเองไว้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
กู้เนี่ยนกู้สึกว่ากะทันหันเกินไป รีบดึงมือกลับ ยิ้มอย่างรู้สึกเสียมารยาท “ผมอยากถามว่ารบกวนเวลาทำงานของคุณหรือเปล่า?”
“ไม่ค่ะ ฉันกำลังจะเปลี่ยนเวร ไม่รบกวนเวลาหรอกค่ะ”
เหลียงซินเวยยิ้มให้เขา จากนั้นก็เดินไปที่เคาน์เตอร์
“นั่นแฟนเธอเหรอ?” เพื่อนร่วมงานเข้ามาถามอย่างสงสัย
เหลียงซินเวยยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ เพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง”
“จริงเหรอ?” เพื่อนร่วมงานไม่เชื่อ “เขามองเธอตลอดเลย เป็นแค่เพื่อนธรรมดาจริงเหรอ?”
ได้ยินแล้ว เหลียงซินเวยก็หันไปมองกู้เนี่ยน เห็นกู้เนี่ยนพยักหน้าให้อย่างมารยาท
“อย่าคิดมากไป ก็เป็นแค่เพื่อนจริงๆ”
เหลียงซินเวยมองไปรอบด้าน “ผู้จัดการล่ะ?”
“อยู่ข้างหลัง”
เหลียงซินเวยเดินไปข้างหลัง หาผู้จัดการจนเจอ
“ผู้จัดการ ฉันขอลาสักครู่นะคะ”
“ลา?” ผู้จัดการขมวดคิ้ว “เธอจะเปลี่ยนเวรแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงต้องลา?”
“มีเพื่อนมาค่ะ อยากเลี้ยงเขากินข้าว”
ผู้จัดการพยักหน้า “ได้”
เหลียงซินเวยรีบก้มหน้าขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ ผู้จัดการ”
“ได้ ไปได้แล้ว อย่าให้เพื่อนรอนาน”
ผู้จัดการมองร่างเธอที่วิ่งออกไป ยิ้มแล้วส่ายหัว
……
“ขอโทษ ที่ให้คุณรอนาน”
“ไม่เป็นไร” กู้เนี่ยนดูเมนู ยิ้มแล้วถามว่า “มีอะไรแนะนำไหม?”
“คุณกินแกงกะหรี่ไหม?” เหลียงซินเวยไม่ตอบแต่ถามกลับ
กู้เนี่ยนพยักหน้า “กิน”
“ถ้าอย่างนั้นคุณลองกินข้าวแกงกะหรี่ของร้านเราดู รสชาติดั้งเดิมแน่นอน” เหลียงซินเวยแนะนำ
“ได้ ก็สั่งข้าวแกงกะหรี่เลย”
เหลียงซินเวยก้มหน้าทำเครื่องหมายที่เมนู “ถ้าอย่างนั้นก็สั่งน้ำซุปให้คุณด้วยละกัน”
“คุณตัดสินเลย”
เหลียงซินเวยเงยหน้ามองเขา เม้มปากยิ้ม “คุณไม่กลัวฉันสั่งมาไม่ถูกปากคุณเหรอ”
กู้เนี่ยนยักคิ้ว “ผมเลี้ยงง่าย กินอะไรก็ได้”
เหลียงซินเวยสังเกตดูเขา แล้วส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ “ดูไม่ออก”
เขาเป็นถึงผู้ช่วยของจิ้นเฟิงเฉิน จะกินไม่เลือกได้ยังไง?
กู้เนี่ยนไม่เถียง พูดแค่คำเดียวแต่ความหมายลึกซึ้ง “อีกหน่อยคุณก็รู้เอง”
เหลียงซินเวยไม่ได้คิดไปในทางลึก แค่ยิ้ม แล้วก้มหน้าไปดูเมนู
เธอไม่เห็น อารมณ์ความรู้สึกในสายตากู้เนี่ยนที่สังเกตได้ยาก
…….
เจียงสื้อสื้อนึกว่ากู้เนี่ยนเอาคุกกี้ไปส่งเสร็จก็กลับมา ใครจะไปรู้ว่ากล่อมลูกสองคนหลับแล้ว ยังไม่เห็นคนกลับมา
เธอหยิบมือถือออกมาจะโทรไปถาม เวลาเดียวกัน กู้เนี่ยนก็เดินเข้ามา
“ทำไมนานขนาดนี้ถึงกลับมา?” เธอรีบเดินเข้าไปรับ
“กินข้าวกับคุณเหลียงไปมื้อหนึ่ง ก็เลยสายไปหน่อย”
ได้ยินแล้ว เจียงสื้อสื้อก็มองเขาด้วยความตะลึง “คุณกินข้าวกับเวยเวยแล้ว?”
กู้เนี่ยนพยักหน้า “ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ”
ไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะว่าเขากับเวยเวยเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว
กู้เนี่ยนยักคิ้ว “คุณเหลียงเป็นผู้หญิงที่ดี ผมค่อนข้างชอบ”
เขาตรงขนาดนี้ ทำให้เจียงสื้อสื้อตกใจ
“คุณ…..คุณชอบเธอ?”
ตอนแรกเธอยังคิดอยากหาโอกาสถามเขาถึงความรู้สึกต่อเวยเวย แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะพูดออกมาเอง
“ค่อนข้างชอบเหมือนกัน”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “คุณอยากจีบเธอ?”
“ไม่ได้เหรอครับ?” กู้เนี่ยนถามกลับ
“ได้มันก็ได้อยู่ แต่คุณต้องเตรียมใจไว้ก่อน ตอนนี้เธอน่าจะมีคนที่ชอบแล้ว” เจียงสื้อสื้อเตือนเขาอย่างหวังดี
กู้เนี่ยนขมวดคิ้ว “คุณหญิงรู้ว่าเป็นใคร?”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่รู้”
เรื่องความรักมันเป็นเรื่องสุดแล้วแต่ความสามารถของใครของมัน
“ผมรู้แล้ว ผมจะพยายาม”
กู้เนี่ยนพยักหน้าให้เธอ หันตัวก้าวเท้าเตรียมจะออกไป แต่นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับมา “คุณหญิง คุณวางใจ ก่อนคุณชายกลับมา ผมไม่ไปคิดเรื่องส่วนตัวของผม”
“ความจริง…..” เจียงสื้อสื้ออยากพูดว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เธอคิดว่าเรื่องความรักก็มีได้
เหมือนรู้ว่าเธอจะพูดอะไร กู้เนี่ยนก็พูดตัด “นี่เป็นความคิดของผมเอง คุณหญิงไม่ต้องคิดมาก”
พูดจบ เขาก็หันตัวเดินจากไป
เจียงสื้อสื้ออดหัวเราะไม่ได้ “เป็นผู้ช่วยที่จิ้นเฟิงเฉินสอนมากับมือจริงๆ”
วินาทีต่อมา เธอเก็บรอยยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
หวังว่าครั้งนี้เจอกับเบอร์เกนแล้ว สามารถหาจิ้นเฟิงเฉินกลับมาได้
…….
ฟางยู่เชินถือสร้อยคอกลับบ้าน โยนไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วกลับไปเปลี่ยนเสื้อในห้องนอน
ตอนที่เจียงสื้อสื้อเข้าไปหาเขา พบว่าเขาไม่อยู่ ก็หันตัวออกไป หางตามองเห็นกล่องเครื่องประดับที่ถูกโยนจนเปิดออก
เธอเดินเข้าไป อยากช่วยเก็บ พบว่าด้านในเป็นสร้อยคอแบบของผู้หญิง
จะเอาไปให้ใครเหรอ?
เธอยิ้มแล้วจัดสร้อยเก็บให้เรียบร้อย แล้วพูดชมไปคำหนึ่ง “พี่ชายสายตาใช้ได้”
“สื้อสื้อ”
ฟางยู่เชินเดินเข้ามา เห็นกล่องเครื่องประดับในมือเธอ รีบเข้าไปแย่งมา
“ทำไมจับของคนอื่นไปเลื่อย?” ฟางยู่เชินน้ำเสียงไม่พอใจ สีหน้าไม่ค่อยดี
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้กับเจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้ออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้ตัว แล้วรีบขอโทษ “พี่ ขอโทษ หนูแค่เห็นว่ากล่องมันไม่ได้ปิด ก็เลย…….”
ความจริงฟางยู่เชินไม่ได้โกรธที่เธอไปจับสร้อยคอ แต่ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ เขาก็รู้สึกอึดอัดใจมาตลอด
รู้สึกกระวนกระวายมาก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องขอโทษ”
ฟางยู่เชินเอากล่องเครื่องประดับยัดเข้าไปในลิ้นชัก
“พี่ เหมือนอารมณ์ไม่ค่อยดีเหรอ?” เจียงสื้อสื้อถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ใช่”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย “หนูว่าพี่สีหน้าไม่ค่อยดี ไม่เป็นไรจริงเหรอ?”
ฟางยู่เชินยิ้ม “พี่ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วง”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า หมุนตาไปมา ถามอย่างสงสัย “แล้วสร้อยคอเส้นนั้นจะให้ใครเหรอ?”
ฟางยู่เชินเงียบ
เขาคิดย้อนไปภาพที่เห็นตอนเที่ยง มุมปากยิ้มขึ้น พูดอย่างเรียบเฉย “ซื้อไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้จะให้ใคร ถ้าเราชอบก็เอาไป พี่ให้”
“ไม่เอา” เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าปฏิเสธ “ถ้าหนูชอบ หนูซื้อเองได้”
อีกอย่างเธอไม่เชื่อคำพูดเขาแม้แต่น้อย มีผู้ชายที่ไหนจะซื้อสร้อยคอผู้หญิงไปเลื่อย ซื้อเพื่อจะให้ใครชัดๆ
เพียงแค่ไม่ได้ให้ไปอย่างราบรื่นเท่านั้น
แต่ว่า ผู้หญิงคนไหนที่ปฏิเสธของขวัญจากเขานะ?
นี่เป็นเรื่องที่เจียงสื้อสื้อสงสัยที่สุด
แต่ว่า เขาไม่ยอมเล่า เจียงสื้อสื้อก็ไม่กล้าถาม ยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เก็บไว้ให้คนที่อยากให้ดีกว่า”
“ไม่มีโอกาสให้แล้ว” ฟางยู่เชินพูดไปคำหนึ่ง
น้ำเสียงเบามาก เจียงสื้อสื้อได้ยินไม่ชัด “พี่พูดอะไรนะ?”
ฟางยู่เชินส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ใช่แล้ว มาหาพี่มีเรื่องอะไรเหรอ?”