ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1234 คนที่ผมชอบคือเธอ!
อาจจะคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดตรงๆแบบนี้ พ่อเย่อึ้งไปเลย
“ยู่เชิน นี่คือท่าทีที่ลูกมีต่อผู้ใหญ่เหรอ” ฟางเถิงพูดเสียงดุ
“พ่อ” ฟางยู่เชินหันหน้าไป มองเขาอย่างหมดคำพูด “ผมไม่ชอบเสี่ยวอี้จริงๆ พวกคุณอย่าคิดที่จะจับคู่ให้พวกเราได้มั้ย”
“ในเมื่อลูกก็คิดว่าเสี่ยวอี้ดีมาก งั้นพวกเธอก็ลองคบหากันดู ลูกอาจจะชอบเธอก็ได้” ฟางเถิงยืนกรานที่จะจับคู่ให้เขากับเสี่ยวอี้
“ไม่มีทาง” ฟางยู่เชินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เหล่าฟาง ดูท่าพวกเราคิดเองเออเองกันแล้ว” น้ำเสียงของพ่อเย่ไม่ได้เข้ากันดี แบบเมื่อครู่ เขาถลึงตาใส่ฟางยู่เชิน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพวกเขา มีคนเก่งๆดีๆอยากจะแต่งงานด้วยมากมาย แต่เขาฟางยู่เชินไอ้หมอนี่กลับปฏิเสธ!
ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ!
“เหล่าเย่ คุณอย่าพูดอย่างนี้ ลูกคนนี้อาจจะเลอะเลือนไร้สติไปบ้าง” ฟางเถิงรีบพูดให้เขาสบายใจ
ที่เขามีท่าทีอ่อนน้อมแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าตระกูลฟางสู้ตระกูลเย่ไม่ได้ แต่เพราะตอนนี้ฟางยู่เชินต้องการคนสนับสนุนที่มีพลังแข็งแกร่งสักคนจริงๆ
ตระกูลเย่ก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
พอได้แต่งงานกับตระกูลเย่ อย่างนั้นฟางยู่เชินก็จะเป็นเหมือนเสือที่ติดปีก ต่อไปเขาก็จะสามารถยืนอยู่ที่บริษัทได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น
ดังนั้น ฟางเถิงไม่อยากให้ยกเลิกการแต่งงานในครั้งนี้เลย
“เขาไม่มีสติรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเหรอ ฉันว่าพวกเราไม่คู่ควร!” แม่เย่ส่งเสียงฮึ่มในลำคออย่างไม่พอใจ เธอเอาลูกสาวมากอดไว้ในอ้อมกอดด้วยความสงสาร สายตาที่มองฟางยู่เชินก็เหมือนจะฉีกทึ้งเขาอย่างนั้น
“อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมกับแม่ยู่เชินชอบเสี่ยวอี้มาก ผมเชื่อว่ายู่เชินจะต้องชอบเสี่ยวอี้ แต่อาจจะเป็นปัญหาเรื่องของเวลา” ฟางเถิงพยายามสร้างความปรองดอง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เย่เสี่ยวอี้มองฟางยู่เชิน กัดริมฝีปาก “พ่อคะ แม่คะ ยู่เชินอาจจะไม่ทันได้ตั้งสติคิดให้ดีก่อน พวกคุณอย่าไปถือสา”
พอแม่เย่ได้ยิน ก็ขมวดคิ้วอย่างแรง “เสี่ยวอี้ เขาพูดมาขนาดนั้นแล้ว ลูกยังแก้ตัวแทนเขาอีก! ปัญญาอ่อนไปแล้วเหรอ”
“แม่” เย่เสี่ยวอี้เม้มริมฝีปาก พูดอย่างเขินอายว่า “ก็หนูชอบเขา ไม่ได้เหรอคะ”
“แม่……” ตอนนี้แม่เย่ไม่รู้ว่าจะว่าเธอซื่อหรือโง่ดี
แม้ว่าท่าทางที่พ่อเย่มีต่อฟางยู่เชินเมื่อครู่จะไม่พอใจนัก แต่ว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนหนุ่มที่เขาชื่นชมมากที่สุดจริงๆ ถ้าได้มาเป็นลูกเขยเขาก็คงจะดีมาก
เขาถอนหายใจแรงๆ “ช่างเถอะ ในเมื่อต่อไปก็คือคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องถือสาหาความขนาดนั้น”
เย่เสี่ยวอี้รีบยิ้มพลางเอ่ยอย่างยินดีว่า “พ่อ ขอบคุณพ่อมากนะคะ”
เธอกอดแขนของฟางยู่เชินไว้ เงยหน้ามองเขา พูดอย่างมั่นใจ “ฉันต้องทำให้คุณชอบฉันได้แน่นอน!”
จู่ๆฟางยู่เชินก็รู้สึกเหนื่อยล้ามาก เขาพูดชัดเจนขนาดนั้นแล้ว ทำไมพวกเขายังไม่เข้าใจนะ
ถ้าวันนี้ไม่จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น ต่อไปยังต้องเกิดปัญหาอีกไม่จบไม่สิ้น
เขาเผยอริมฝีปาก เตรียมจะเอ่ยปาก ทันใดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างหู “พ่อครับ แม่ครับ ผมพาเวยเวยมาแล้วครับ”
ได้ยินดังนั้น เขาก็หันขวับทันที เห็นเหลียงซินเวยยืนอยู่ข้างเย่เฉินหยุน ทั้งสองยังจับมือกันด้วย
รูม่านตาหด เขาจ้องมองมือที่พวกเขาจับกันอยู่เขม็ง ใบหน้าหล่อเหลาปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งบางๆหนึ่งชั้น
เย่เสี่ยวอี้สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเขา สีหน้าเยือกเย็น ถลึงตาใส่เหลียงซินเวย ไม่ปิดบังความอิจฉาริษยาในแววตา
เหลียงซินเวยสัมผัสได้ถึงสายตาของพวกเขา ใจเต้นอย่างตื่นตระหนก
เย่เฉินหยุนหันหน้าไปมองเธอ เห็นความตื่นตระหนกของเธอ มุมปากยกขึ้น พูดด้วยเสียงเบาๆ “ไม่ต้องกลัว พ่อแม่ผมไม่กินคุณหรอก”
เหลียงซินเวยฉีกยิ้มอย่างฝืนๆ ไม่ได้พูดอะไร
ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่บอกไม่ถูกพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เหมือนกับว่าตนเองมีชู้แล้วถูกแฟนจับได้อย่างนั้น
แต่เธอกับฟางยู่เชินก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดา จะมีความรู้สึกที่รุนแรงขนาดนี้มาจากไหนกันนะ
“เวยเวย ใช่มั้ย เมื่อครู่ไม่ทันได้พูดอะไรกับเธอเลย” แม่เย่แสดงออกด้วยท่าทางอบอุ่นเป็นกันเอง สายตาที่มองเธอก็เป็นมิตรมาก
“สวัสดีค่ะ” เหลียงซินเวยยิ้มอ่อนๆ
“ฉันยังเป็นห่วงว่าเฉินหยุนลูกคนนี้จะต้องเหี่ยวแห้งเป็นไม้ตายซากไปตลอดชีวิต โชคยังดีที่หาแฟนได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันคงกลุ้มใจตายจริงๆ” แม่เย่ยิ้มพลางพูดล้อเล่น
นอกจากฟางยู่เชินและเหลียงซินเวยแล้ว คนอื่นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“พ่อ แม่อยากให้พี่รีบแต่งงานมาก เอาอย่างนี้มั้ยคะถึงเวลาพวกเราก็จัดงานแต่งงานพร้อมกันเลย เป็นยังไงคะ” เย่เสี่ยวอี้เสนออย่างกระตือรือร้น
“ได้สิ” พ่อเย่รู้สึกว่าข้อเสนอแนะนี้ของเธอดีมากเป็นพิเศษ “งานมงคลสองงานจะดีมากขนาดไหนนะ”
ฟางเถิงก็ยิ้มร่าพูดว่า “เหล่าเย่ แบบนี้พวกเราก็จะได้เกษียณอย่างสบายใจ”
“ใช่เลย” แม่เย่ยิ้มจนหุบปากไม่ลง เธอมองสำรวจเหลียงซินเวยอย่างละเอียด เผยความให้เห็นความพอใจบนใบหน้า
พวกเขาแค่กันไม่กี่คำก็กำหนดการแต่งงานแล้ว
ฟางยู่เชินไม่เพียงหัวเราะออกมา ใบหน้าที่หัวเราะนั้นมีความดูถูกเยาะเย้ย “ผมตกลงแล้วเหรอครับ”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา บรรยากาศที่ชื่นมื่นมีความสุขเดิมนั้นก็เย็นยะเยือกลงทันที
ผู้ใหญ่หลายคนมองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าตกลงเขากำลังยืนกรานเรื่องอะไร
เหลียงซินเวยหลุบสายตา ปกปิดความรู้สึกในดวงตา
“คุณวางใจเถอะ ผมไม่มีทางยอมรับการแต่งงานครั้งนี้”
คำพูดของฟางยู่เชินดังก้องอยู่ในหู เธอก็มองเห็นว่าเขากำลังต่อต้าน แต่เขาจะทำได้หรือไม่
“ยู่เชิน ไม่ต้องพูดจาเหลวไหลแล้ว!” ฟางเถิงตำหนิเขา
“พ่อ ผมไม่ได้พูดเหลวไหล”
พูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็ยื่นมือมาดึงเหลียงซินเวยไปข้างตนเอง พูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง “คนที่ผมชอบก็คือเธอ!”
เหลียงซินเวยตกใจ เธอมองเขาอย่างอึ้งตะลึง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ฟางเถิงและพ่อแม่ตระกูลเย่ต่างก็อึ้งกันไปหมด
นี่ตกลงมันเรื่องอะไรกัน
“ฟางยู่เชิน คุณบ้าไปแล้วเหรอ” เย่เสี่ยวอี้พุ่งเข้าไป คิดจะดึงมือฟางยู่เชินออกจากมือของเหลียงซินเวย
แต่ฟางยู่เชินจับไว้แน่นมาก ทำยังไงก็ดึงไม่ออก
“นังแพศยา!” เย่เสี่ยวอี้เงื้อมือขึ้นตบไปที่เหลียงซินเวยด้วยความโกรธอย่างควบคุมสติไม่อยู่
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือฟาดเข้าที่ใบหน้าของเหลียงซินเวยอย่างแรง แก้มสะบัดไปอีกด้านทันที ผมปิดบังใบหน้าเธอเอาไว้ มองไม่ออกว่าตอนนี้เธอมีความรู้สึกอย่างไร
“เย่เสี่ยวอี้!” เย่เฉินหยุนรีบดึงตัวเย่เสี่ยวอี้มา พูดเสียงดุว่า “เธอลงไม้ลงมือกับคนอื่นได้ยังไง”
“ฉันตบคนแล้วทำไม หล่อนเป็นนังแพศยา หล่อนแย่งผู้ชายของฉัน!” เย่เสี่ยวอี้ร้องเสียงแหลม
แขกที่อยู่รอบๆมองมาแต่แรกแล้ว ต่างอยู่ในท่าทางเฝ้ารอดูเรื่องสนุก
วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองประจำปีของกิจการตระกูลเย่แขกที่มาไม่ใช่มีเพียงตระกูลผู้ดีมีเงิน แต่ยังมีนักข่าวมาร่วมงานไม่น้อย
นี่ถ้าถูกตีข่าวออกไป คนที่จะขายหน้าก็คือตระกูลเย่
เย่เฉินหยุนรีบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พูดว่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมพาเสี่ยวอี้ไปก่อนนะครับ ทางนี้ฝากพวกคุณจัดการด้วยนะครับ”
พ่อเย่เข้าใจความหมายของเขา พูดว่า “รีบไปเถอะ!”
แต่เย่เสี่ยวอี้ยอมไปที่ไหนกัน เธอจ้องเหลียงซินเวยเขม็ง ถ้าไม่ใช่ว่าเย่เฉินหยุนดึงอยู่ คงพุ่งเข้าไปฉีกกระชากอีกฝ่ายนานแล้ว
“เหลียงซินเวย ทำไมเธอถึงหน้าด้านอย่างนี้” เย่เสี่ยวอี้พูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว พูดเสียงเข้มว่า “เย่เสี่ยวอี้ คุณมีอะไรก็มาลงที่ผม เวยเวยไม่รู้เรื่องอะไร”