ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1257 สิทธิ์ในการพูด
ซ่างกวนเชียนให้เจียงสื้อสื้อรออยู่ข้างนอก แล้วก็ได้เดินเข้าบ้าน
พ่อบ้านเห็นเขากลับมา ก็ได้รีบไปต้อนรับ รายงานออกไปเสียงเบาว่า “คุณชายครับ ซูหยุนได้ถูกคุณหนูไล่ออกไปแล้วครับ”
“ฉันรู้แล้ว” ซ่างกวนเชียนก็ได้ถอดเสื้อนอกส่งให้พ่อบ้าน ถาม “คุณหนูล่ะ?”
“อยู่ชั้นบนครับ”
ซ่างกวนเชียนก็ได้รีบเดินขึ้นไปชั้นบน เดินไปถึงประตูห้องของซ่างกวนหยวน ยกมือไปเคาะ
“หยวนหยวน ฉันเอง”
ผ่านไปสักพัก ประตูห้องก็เปิดออก
ซ่างกวนหยวนมองเขาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงเย็นชา “มีธุระอะไร?”
ถึงแม้ว่าชินกับการกระทำแบบนี้ของเธอแล้ว แต่ว่าซ่างกวนเชียนก็ได้ปวดใจเล็กน้อยอยู่ดี
ก็เพราะว่า นี่เทียบกับการกระทำที่มีให้จิ้นเฟิงเฉิน มันต่างกันมากเกินไป
ซ่างกวนเชียนไม่มีเวลาที่จะเสียใจ ก็ได้ถาม “ทำไมถึงไล่ซูหยุนออก?”
“นายมาพูดออกตัวแทนซูหยุนคนนั้นเหรอ?” ซ่างกวนหยวนไม่ตอบแต่ถามกลับ ดูประชดมากๆ
“ใช่” ซ่างกวนเชียนยอมรับไปตรงๆ “เธอเป็นคนใช้ที่ฉันหามาจากบริษัททำความสะอาด พูดง่ายๆ ก็คือฉันเป็นคนเลือกที่จะจ้างเธอ ต่อให้จะไล่เธอออกก็ต้องมาถามฉันก่อนจริงไหม?”
“ก็ได้” ซ่างกวนหยวนพยักหน้า “ตอนนี้ฉันก็ถามนายคิดจะทำยังไง?”
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว สายตามองเธอไปสักพัก
ได้ยินเธอค่อยๆ พูดออกมาว่า “ฉันเตือนไปหลายต่อหลายครั้งแล้วซูหยุนมันไม่เคยที่จะจำ หมายที่จะเข้าใกล้เฟิงเฉิน ฉันมีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่าเธอนั้นมีเจตนาไม่ดีกับเฟิงเฉิน”
“ก็เพราะแบบนี้ เธอก็ไล่หล่อนออก?” ซ่างกวนเชียนก็ได้ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ไม่เห็นด้วยกันการกระทำของเธอ
“นี่ยังไม่พอเหรอ?” ซ่างกวนหยวนหัวเราะอย่างเย็นชาไปพัก “หรือว่าต้องรอให้เกิดเรื่องกับเฟิงเฉินก่อน ถึงไล่คนออก?”
ซ่างกวนเชียนก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ “ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายถึงซูหยุนไม่ได้เป็นคนเหมือนที่เธอคิด”
“ฟังจากที่นายพูด นายรู้จักเธอดี?” สองมือของซ่างกวนหยวนก็ได้กอดอก สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ซ่างกวนเชียนถึงพบว่าได้เอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เขาก็ได้ยกมือ “เดี๋ยวนะ เธอมองจากตรงไหนว่าฉันรู้จักเธอดี?”
“นายเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ?” ซ่างกวนหยวนก็ได้หัวเราะไปคำ “ถ้านายไม่ได้รู้จักเธอดี งั้นรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้เป็นคนเหมือนที่ฉันคิดไว้?”
“ฉันก็แค่มั่นใจในการเลือกคนของฉัน”
ซ่างกวนเชียนคิดไปคิดมา ก็ได้พูดต่อ “จิ้นเฟิงเฉินก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เธอคิด เหมือนว่าใครก็สามารถที่จะทำร้ายเขาได้อย่างงั้นแหละ อีกอย่าง อย่าคิดว่าใครๆ ก็เหมือนกับเธอ ที่หลงใหลเขาขนาดนั้น”
“นายอยากจะทำอะไรกันแน่?” ซ่างกวนหยวนก็ได้ถามอย่างเย็นชา
“ฉันจะให้ซูหยุนกลับมา ถ้าเธอไม่อยากเห็นหล่อน ฉันก็สั่งให้หล่อนอยู่ที่สวนหลังบ้าน เห็นเธอก็เดินอ้อมไปอีกทาง พอใจยัง?”
“ฉันไม่ตกลง” ซ่างกวนหยวนก็ได้ปฏิเสธไปเลย
“ทำไม? หล่อนก็แค่คนคนใช้คนหนึ่ง เธอต้องเอาเรื่องหล่อนขนาดนี้เลยเหรอ?”
ถ้าเกิดเธอมองออกว่าซูหยุนเป็นเจียงสื้อสื้อ ถึงได้ไล่คนออกไป เขาก็พูดอะไรไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงได้เกลียดซูหยุนได้ขนาดนี้
“ไหนๆ นายก็รู้ว่าเธอก็แค่คนใช้คนหนึ่ง งั้นนายก็ไม่จำเป็นต้องมาออกหน้าแทนเธอ ถึงตอนนั้นค่อยหามาอีกคนก็ได้”
ที่ซ่างกวนหยวนพูดก็ไม่ผิด
ซ่างกวนเชียนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ซ่างกวนหยวนไม่อยากที่จะเสียเวลากับเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้ “ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันยังมีเรื่องต้องยุ่ง”
พูดจบ เธอก็ได้ยกมือแล้วก็ปิดประตู
“เดี๋ยวก่อน!”
ซ่างกวนเชียนก็ได้ขวางประตู เงียบไปสักพัก “หยวนหยวน ในบ้านนี้ฉันน่าจะยังมีสิทธิ์ที่จะพูดอยู่ ฉันจะให้ซูหยุนกลับมา”
พูดประโยคนี้จบ เขาก็ไม่สนว่าซ่างกวนหยวนจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ได้เดินจากไป
ซ่างกวนหยวนอึ้งไป จากนั้นก็ได้หัวเราะออกมา โดนทำให้หงุดหงิดจนหัวเราะ
เธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องปกป้องคนใช้คนนั้นขนาดนั้น หรือว่าเป็นแบบที่เธอสงสัย เขากับซูหยุนคนนั้นมีความลับที่ไม่สามารถบอกคนอื่นได้?
ถ้าเกิดเป็นแบบนั้นจริง เธอก็ยิ่งไม่เห็นด้วยกันการกระทำของเขา
……
ซ่างกวนเชียนก็ได้เรียกเจียงสื้อสื้อเข้าบ้าน
“ต่อไปเธอก็อยู่ที่สวนหลังบ้านดีๆ ไม่ต้องวิ่งไปเรื่อย ไม่อย่างนั้นต่อไปฉันก็ช่วยเธอไม่ได้แล้ว” ซ่างกวนเชียนก็ได้พูดเน้นย้ำ
เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบพยักหน้า “คุณชาย คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่วิ่งไปไหนมาไหนไปเรื่อยแน่ๆ”
ซ่างกวนเชียนไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
เธอแคร์จิ้นเฟิงเฉินขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าจะทำเรื่องอะไรออกมาบ้าง
แต่ว่าอยู่ได้หนึ่งวันก็คือวันจริงไหม
เขาก็ได้ยอมแพ้ที่จะไปบังคับเธอว่าต้องทำอะไรแล้ว
“กลับไปที่ห้องเถอะ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดขอบคุณไป แล้วก็ได้รีบเดินไปที่ห้อง
ตอนที่เดินผ่านบันไดนั้น ซ่างกวนหยวนก็ได้ลงมาพอดี
ทั้งสองได้ประจันหน้ากัน เจียงสื้อสื้อก็ได้พยักหน้า ก้มหน้าแล้วก็รีบเดินไป
“นายให้เธอกลับมาจริงๆ เหรอ” ซ่างกวนหยวนเดินไปตรงหน้าซ่างกวนเชียน ก็ได้มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสักพัก
ซ่างกวนเชียนก็ได้หัวเราะเบาๆ “ฉันก็แค่ไม่อยากให้คนอื่นพูดว่าเป็นเจ้านายที่ไร้น้ำใจ เธอไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวงอะไร ไม่มีเหตุผลที่ต้องไล่เธอออก”
“ไม่มีเหตุผล?” ซ่างกวนหยวนก็ได้ขำออกมา “ฉันพูดไปแล้ว ฉันสงสัยว่าเธอจะเป็นอันตรายต่อเฟิงเฉิน!”
“เธอก็แค่สงสัย ไม่ใช่เหรอ?” ซ่างกวนเชียนเลิกคิ้ว
ซ่างกวนหยวนพูดไม่ออก จากนั้นก็ได้หัวเราะออกมา รอยยิ้มได้เต็มไปด้วยการประชด “ก็ได้ ซ่างกวนเชียน นายนี่เอาใจใส่ซูหยุนคนนั้นจังเลยนะ”
ซ่างกวนเชียนไม่มีอะไรจะพูด เขาไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เธออยากจะคิดอะไรก็คิดไปเถอะ
ซ่างกวนหยวนก็ได้สูดหายใจเขาลึกๆ พูดต่อ “ตอนนี้ฉันสงสัยแล้วว่านายอยากที่จะใช้ซูหยุนมาทำให้เฟิงเฉินไม่ปลอดภัย ยังไงซะนายมองเขาไม่เข้าตามากๆ”
ซ่างกวนเชียนหัวเราะออกมา “หยวนหยวน เธอดูละครน้ำเน่ามากเกินไปแล้วหรือเปล่า เรื่องแบบนี้ก็คิดออกมาได้?”
จากนั้น เขาก็ได้หยักไหล่ “แล้วแต่เธอจะคิดเถอะ ยังไงซะฉันไม่เห็นด้วยกับการไล่ซูหยุนออก”
พูดจบ เขาก็ได้ออกจากบ้านไปเลย
เขาต้องการที่จะดื่มหน่อย ถึงสงบความหงุดหงิดในใจได้
……
ฟางยู่เชินคิดไม่ถึงว่าตัวเองก็แค่นัดซ่างกวนหยวนมาทานข้าว ก็ได้ถูกคนถ่าย แล้วก็โพสต์ลงเน็ต
ข่าวลือไปไปหมด
ต่างก็พูดว่าคนที่เขาชอบนั้นจริงๆ คือซ่างกวนหยวน การที่มีสัญญาการแต่งงานกับตระกูลเย่ก็เพื่อที่จะทำให้ที่นั่งประธานของเขามั่นคง
ตอนที่เห็นข่าวนี้นั้น ฟางยู่เชินก็ได้ขำออกมาอย่างอดไม่อยู่
“ทำไมถึงได้มีคนแต่งข่าวที่เหลือเชื่อแบบนี้ออกมาได้นะ?” เขาได้เงยหน้ามองส้งหยาว สีหน้าเต็มไปด้วยความที่ไม่รู้จะทำยังไงดี
มุมปากของส้งหยาวก็ได้กระตุก ก็ได้พูดไปอย่างระวังว่า “ท่านประธานครับ ตอนนั้นคุณก็กำลังตามจีบคุณหนูซ่างกวนไม่ใช่เหรอ? เพราะงั้นข่าวนี้ก็ไม่ได้เป็นการแต่งทั้งหมด”
“นั่นมันตอนไหนแล้ว ยังพูดเรื่องนี้อีก?” ฟางยู่เชินก็ได้ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด
ส้งหยาวถึงได้ปิดปาก แล้วก็พูดอยู่ในใจเงียบๆ ว่า: นี่ก็ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนเองนี่นา
“นายออกไปเถอะ ฉันจะโทรศัพท์ก่อน”
“ครับ”
พอส้งหยาวออกไป ฟางยู่เชินก็ได้โทรหาเหลียงซินเวย กลัวว่าเธอเห็นข่าวนี้แล้วก็จะคิดมาก
แต่ว่า ไม่ว่าโทรไปกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับ
ยุ่งอยู่เหรอ? ไม่อย่างงั้นทำไมไม่รับสาย?
เวลานี้ เหลียงซินเวยก็ได้กำลังพูดขอโทษคนอื่นไม่หยุด
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ เป็นเพราะอานอานของพวกเราไม่ระวังถึงได้ไปตีถูกลูกชายของคุณเข้า คุณอย่าโมโหไปนะคะ”