ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 128 คุณไม่ชอบฉันจริงเหรอ
บทที่ 128 คุณไม่ชอบฉันจริงเหรอ
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เก็บเอกสารบนโต๊ะและลุกเดินออกไป
เห็นแล้ว ซูชิงหยิงก็รู้สึกดีใจ ทั้งสองคนขับรถไปร้านอาหาร
……
ระหว่างทาง เพื่อจะหาเรื่องคุย ซูชิงหยิงพูดขึ้น “เฟิงเฉิน วันนี้คุณมีธุระอะไรเหรอคะ? ก่อนไปก็ไม่บอกฉันสักคำ”
“อืม มีธุระด่วน” จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างใจเย็น
ซูชิงหยิงรู้สึกหดหู่ไปทันที เธอไม่มีคุณค่าอะไรในใจเขาเลยเหรอ?
แต่ไม่ว่ายังไง ซูชิงหยิงก็ยังคาดหวังในใจ เพราะคืนนี้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายอยู่กันหมด จิ้นเฟิงเฉินคงไม่ถึงขนาดไม่ฟังคำพูดของแม่ตัวเองเลยมั้ง?
ไม่นานรถก็มาถึงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ร้านอาหารดูหรูหรา สภาพแวดล้อมดูดี ห้องอาหารก็จองล่วงหน้าก่อนครึ่งเดือนแล้ว
เดินเข้าไปในร้านอาหาร คนตระกูลซูตระกูลจิ้นมาถึงกันหมดแล้ว บรรยากาศในห้องอาหารครึกครื้น ไม่รู้สองตระกูลคุยอะไรกัน
พอเห็นทั้งสองเดินเข้ามา แม่จิ้นยิ้มหน้าบานพูดขึ้น “เมื่อกี้เพิ่งพูดถึงเราสองคนอยู่เลย ก็มาถึงกันแล้ว มา ๆ มานั่งเร็ว”
ซูชิงหยิงยิ้มทักทายพ่อแม่ตัวเองและคนตระกูลจิ้น จิ้นเฟิงเฉินก็เช่นกัน
ทักทายกันเสร็จ ทุกคนก็นั่งลงกับที่ ซูชิงหยิงยิ้มถาม “คุณป้า คุณแม่ เมื่อกี้คุยอะไรเกี่ยวกับเราสองคนเหรอคะ?”
แม่จิ้นยิ้ม “ก็คุยสมัยก่อนของเราทั้งสองตระกูลไงล่ะ? ป้าก็คิดถึงสมัยหนูยังเด็กอยู่ชอบวิ่งมาเล่นที่บ้าน ยังบอกว่าโตมาจะแต่งงานกับเฟิงเฉิน”
ได้ยินแบบนี้ ซูชิงหยิงก้มหน้าเขิน
สมัยเด็ก เธอพูดแบบนี้จริง จากความพยายามหลายปีมานี้ ซูชิงหยิงก็ทำเพื่ออยากจะแต่งงานกับจิ้นเฟิงเฉิน
คิดไป สายตาก็มองไปยังผู้ชายที่อยู่อีกฝั่ง จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ และไม่ได้พูดอะไร
แม่ซูก็พูดขึ้น “ใช่ นี่แค่พริบตาเดียวหลายปีก็ผ่านไปแล้ว เฟิงเฉินก็โตขนาดนี้แล้ว และเก่งมากด้วย ตอนนั้นฉันก็พูดแล้วว่า เด็กคนนี้โตมาต้องได้ดีแน่นอน ตอนนี้ก็เป็นอย่างที่พูดไว้จริง”
“ชิงหยิงก็เหมือนกัน ทั้งสวยทั้งเก่ง ช่วงก่อนฉันไปเดินช็อปปิ้งกับคุณนายหลี่ ได้ยินมาว่าลูกชายเขาจีบชิงหยิงอยู่เลย นี่ก็เพิ่งกลับมาไม่นาน ดูแล้วน่าจะมีคนจีบอีกเยอะเลยใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ คุณป้าอย่าล้อหนูเลย” ซูชิงหยิงพูดถ่อมตัว
ช่วงนี้ มีคนมาจีบเธอเยอะพอสมควร โดยเฉพาะหลังงานเลี้ยงต้อนรับ ก็มีคนเข้ามาจีบหลายคน ส่งของขวัญไปที่บ้านซู นัดเธอกินข้าวดูหนังเป็นต้น
แต่ซูชิงหยิงจะไปชอบพวกคุณชายลูกคนรวยพวกนั้นได้ยังไง คนพวกนั้นไม่มีใครคู่ควรกับตัวเองเลย
แต่ไหนแต่ไรมา ซูชิงหยิงก็ตัดสินใจแล้ว ชาตินี้ เธอต้องเป็นของจิ้นเฟิงเฉินเท่านั้น
แม่จิ้นยิ้ม แล้วเริ่มพูดถึงเรื่องการแต่งงานของทั้งสองคน
“ฉันดูชิงหยิง โตมา ชิงหยิงกับเฟิงเฉินเป็นเพื่อนรักกัน โตมาด้วยกัน รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ทั้งสองคนก็ไม่มีแฟน ชิงหยิงก็ไม่ได้สนใจใคร เฟิงเฉินก็เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็ใช้โอกาสในวันนี้ ตกลงเรื่องหมั้นหมายของทั้งสองคนเลยดีไหม?”
ตระกูลซูไม่มีคนคัดค้าน ถ้าใช้โอกาสในวันนี้ ตกลงเรื่องหมั้นหมายได้ พวกเขาก็มีแต่จะดีใจ
“ใช่ ตอนแรกคุณลุงจิ้นกับพ่อฉันก็อยากให้ทั้งสองคนหมั้นหมายแล้ว ถ้าสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เราทั้งสองตระกูลก็เหมือนตระกูลเดียวกัน ก็ต้องเป็นเรื่องน่ายินดีทีเดียว” คนพูดคือแม่ซู
พ่อซูก็ช่วยพูดอีกคน “ใช่ ให้เฟิงเฉินดูแลชิงหยิง พวกเราก็วางใจได้”
ซูชิงหยิงหน้าแดง หัวใจเต้นเร็วกว่าเดิม เธอก้มหน้า รู้สึกเขิน
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับกันเขาขมวดคิ้ว แม้มปากพูดขึ้น “พ่อครับ แม่ครับ ช่วงนี้บริษัทผมยุ่งมาก ผมยังไม่อยากคุยเรื่องพวกนี้”
ได้ยินแบบนี้ สีหน้าซูชิงหยิงเปลี่ยนไปทันที เธอพยายามคุมสติ แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะกำมือไว้แน่น
ใครก็ฟังออกว่า ความหมายในคำพูดของจิ้นเฟิงเฉินคือไม่อยากคิดเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้คนทั้งสองตระกูลอยู่ มีความสัมพันธ์กันยาวนาน จึงไม่ได้พูดออกมาโดยตรง
พ่อซูกับแม่ซูรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ทั้งสองรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินชอบเจียงสื้อสื้อ ได้ยินจากปากซูชิงหยิง พวกเขาก็รู้ด้วยว่าเจียงสื้อสื้อเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเจียงที่ถูกทอดทิ้ง สถานะทางครอบครัวทางสังคม ไม่มีอะไรสู้ลูกสาวพวกเขาได้เลย
จิ้นเฟิงเฉินสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ก็ไม่รู้เพราะอะไร ถึงได้ชอบผู้หญิงอย่างเจียงสื้อสื้อ ยังปฏิเสธลูกสาวพวกเขาเพราะผู้หญิงคนนี้อีก
แม่จิ้นสีหน้าไม่ค่อยดี ขึงตาใส่จิ้นเฟิงเฉิน “งาน ๆ ๆ รู้แต่เรื่องงาน งานหมั้นไม่ได้ให้ลูกไปเตรียมสักหน่อย ถึงเวลาแค่มางานก็พอ”
ได้ยินแบบนี้ กลัวจิ้นเฟิงเฉินจะพูดอะไรตรงไปตรงมา กว่านี้ คนตระกูลซูก็รีบพูดขึ้น “อย่าพูดแบบนี้ งานหมั้นเรื่องใหญ่โตแบบนี้ เฟิงเฉินก็อยากจัดการด้วยตัวเอง ผู้ชายก็อยากเอาเรื่องงานเป็นหลัก อีกอย่างชิงหยิงก็ยังอยู่ในช่วงฝึกงาน ยังไม่เหมาะสมที่จะคุยเรื่องนี้”
คนตระกูลซูพูดแบบนี้แล้ว พ่อจิ้นแม่จิ้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก บรรยากาศเงียบไม่สักพัก ทุกคนก็เปลี่ยนเรื่องคุย เรื่องหมั้นหมายก็ผ่านไปแบบนี้
จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธแล้ว ใครจะบังคับได้
ซูชิงหยิงกินข้าวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นจิ้นเฟิงเฉินไปห้องน้ำ สักพัก เธอก็ลุกตามไป
บนทางเดิน จิ้นเฟิงเฉินจุดบุหรี่ ซูชิงหยิงเดินมา ยิ้มพูด “งานเลี้ยงน่าเบื่อมากใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า ไม่ได้พูด
ทั้งสองคนก็ยืนอยู่แบบนี้ ซูชิงหยิงรวบรวมความกล้า แล้วถาม “เฟิงเฉิน คุณไม่ชอบฉันสักนิดเลยเหรอ?”
สมัยเด็ก ถึงเฟิงเฉินจะเย็นชา แต่ทุกครั้งที่เธอถูกเพื่อนรังแก เขาก็ช่วยเธอ อะไรที่เธอไม่เป็นก็จะไปถามเขา เขาก็สอนเธอ
ผู้หญิงข้างกายเขา ก็มีเพียงเธอคนเดียว
ตอนนั้น ซูชิงหยิงคิดว่า เขามีความรู้สึกกับเธอมากกว่าเพื่อน
ก็เพราะแบบนี้ ซูชิงหยิงถึงรอมานานหลายปี
แต่หลังกลับประเทศแล้ว ซูชิงหยิงก็เริ่มรู้สึกได้ว่า จิ้นเฟิงเฉินดีกับเธอ ก็เพราะความสัมพันธ์ของสองตระกูล แต่ซูชิงหยิงไม่อยากยอมรับความจริงนี้ เธอคิดตลอดว่า เธอเป็นคนพิเศษในใจเขา
จิ้นเฟิงเฉินแม้มปากแล้วพูด “ผมขอโทษ”
ในใจเขามีคนอื่นแล้ว
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินดับบุหรี่ในมือ ไม่ได้สนซูชิงหยิงอีก แล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ซูชิหยิงดูหลังจิ้นเฟิงเฉินที่เดินจากไป ในสายตามีแววความไม่ยอมแพ้
ถึงแม้จะโดนปฏิเสธแล้ว แต่ไม่ว่ายังไง เธอก็ไม่มีวันยอมแพ้
ของที่เธอซูชิงหยิงอยากได้ ก็ไม่มีคำว่ายอมแพ้ สุดท้ายแล้วจิ้นเฟิงเฉินต้องเป็นของเธอ