ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1297 เดิมทีผมก็เป็นสามีของเธอ
จิ้นเฟิงเฉินตกใจกับความคิดของตัวเอง เขารีบถอยหลัง เพื่อรักษาระยะห่างจากเจรยงสื้อสื้อ
การกระทำของเขาทำให้เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “นี่คุณรังเกียจฉันเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ครับ” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “ผมก็แค่…”
จะให้เขาบอกว่า ที่จริงแล้วเขาอยากจะจูบเธอมาก และที่ถอยหลังเพราะกลัวว่าเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างนั้นหรือไง
ท่าทางปฏิเสธอย่างจริงจังของเขา ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกตลกขึ้นมา
“รู้ไหมคะ ว่าเมื่อก่อนคุณเคยเป็นคนที่มีไหวพริบ และมีกลยุทธ์ น้อยครั้งที่จะเห็นท่าทางแบบนี้ของคุณ แต่ว่า…”
เจียงสื้อสื้อมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดต่อ “คุณที่เป็นแบบนี้ฉันก็ชอบเหมือนกัน”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะออกมา “เหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหนฉันก็ชอบ”
พอเห็นเธอยืดคาง และดูท่าดูท่าทางมาก จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกอิจฉาสามีของเธอเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าสามีของเธอจะเป็นตัวเองก็เถอะ
แต่เมื่อไม่มีความทรงจำในอดีต ตอนที่เธอพูดถึงสามีของเธอ เขาก็อดที่จะรู้สึกว่ากำลังพูดถึงคนอื่นอยู่ไม่ได้
ความรู้สึกนี้มันแย่มากจริงๆ
เขาไม่ชอบเอาซะเลย
“เรานัดกันไว้แล้วนะคะ คุณต้องมาหาลูกที่บ้านของตระกูลฟางนะคะ” เจียงสื้อสื้อพูด
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าให้ “อืม นัดกันแล้วครับ”
เขาจะต้องหาวิธีไปหาลูกๆที่บ้านของตระกูลฟางให้ได้ รวมถึงเธอด้วย
……
ซ่างกวนหยวนกลับมาบ้าน แล้วพบว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่อยู่ในห้อง เธอจึงรีบลงไปข้างล่างเพื่อถามพ่อบ้าน
“เฟิงเฉินอยู่ที่ไหนคะ”
พ่อบ้านดูท่าทางงงงวยมาก “คุณชายเฟิงเฉินไม่ได้อยู่ในห้องเหรอครับ”
“ไม่อยู่ค่ะ” ซ่างกวนหยวนร้อนใจขึ้นมาทันที “เร็วเข้า รีบตามหาเขาให้เจอ”
พ่อบ้านไม่กล้ารอช้า รีบสั่งคนใช้ช่วยกันหารอบๆ บ้าน
แต่พอค้นทุกซอกทุกมุมของบ้านแล้ว แต่กลับไม่เห็นร่างของจิ้นเฟิงเฉินเลย
“คุณหนูครับ ดูเหมือนคุณชายเฟิงเฉินจะไม่อยู่ที่บ้านครับ”
“ดูเหมือนอย่างนั้นเหรอคะ?” สีหน้าของซ่างกวนหยวนเริ่มเย็นชา เสียงของเธอก็ต่ำลงเล็กน้อย “ดูเหมือนนี่มันหมายความว่ายังไงคะ ไม่อยู่ก็คือไม่อยู่”
พ่อบ้านรีบก้มหน้าลง “คุณชายเฟิงเฉินไม่อยู่ในบ้านครับ”
“เขาไปไหน” ซ่างกวนหยวนถาม
“คือว่า…” พ่อบ้านเหงื่อออกเต็มหน้าผาก
“ลุงจาง พวกคุณสุดยอดจริงๆ แค่คนคนเดียวก็ดูแลไม่ได้”
“ผมขอโทษครับ ผมละเลยต่อหน้าที่ไป”
ซ่างกวนหยวนสูดหายใจเข้าลึก “ไป ส่งคนออกไปหา ไม่ว่ายังไงก็ตามหาเขาให้เจอ”
เธอคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินคงจะแอบหนีออกไป
เพราะในงานแต่งงานเขาทำแบบนั้น เขาต้องนึกอะไรบางอย่างออกแน่ๆ
พอคิดว่าเขาหนีไปแล้วจริงๆ ซ่างกวนหยวนก็รู้สึกหงุดหงิดและอารมณ์เสียมาก
ไม่ได้นะ
เธออุตส่าห์ได้เขามาอยู่เคียงข้างอย่างยากลำบาก เธอจะไม่ยอมให้เขากลับไปหาเจียงสื้อสื้อเด็ดขาด
พ่อบ้านเตรียมจะพาคนออกไปตามหา แต่พอประตูเปิดออก คนที่พวกเขากำลังตามหากลับยืนอยู่ด้านนอก
ทั้งสองฝ่ายต่างตกตะลึง
พ่อบ้านได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับแล้วตะโกนเข้าไปข้างในบ้าน “คุณหนูครับ คุณชายเฟิงเฉินกลับมาแล้วครับ”
“มีอะไรกันเหรอครับ” จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามา แล้วขมวดคิ้วมองพ่อบ้านที่มีสีหน้าดีใจ
“คุณไปไหนมาคะ”
เมื่อซ่างกวนหยวนได้ยินเสียงพ่อบ้าน เธอก็รีบวิ่งออกมา และพอเธอเห็นจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็ถามออกมาทันที
“ผมแค่ออกไปเดินเล่นมาครับ” สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเรียบนิ่ง ดูไม่มีอะไรผิดปกติ
“จริงเหรอคะ?” ซ่างกวนหยวนสงสัยเล็กน้อย
“จริงสิครับ” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ไม่เชื่อใจผมเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่…” ซ่างกวนหยวนอยากจะอธิบาย
แต่ จิ้นเฟิงเฉินพูดขัดขึ้นมาก่อน “ผมเหนื่อยมากเลย อยากจะขึ้นไปพักผ่อนชั้นบน มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันทีหลังนะครับ”
หลังจากพูดจบ เขาเดินผ่านเธอไป โดยไม่รอให้ซ่างกวนหยวนได้พูดตอบ
ท่าทางของเขาทำไมดูเย็นชาแบบนี้ล่ะ
ซ่างกวนหยวนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ในขณะที่เขาเดินผ่านไป กลิ่นหอมอ่อนๆก็ลอยเข้ามาในจมูกของเธอ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” เธอเอื้อมมือไปคว้าแขนของเขาไว้
หรือว่าเธอจะจับได้แล้ว
จิ้นเฟิงเฉินหันกลับไปมองที่เธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิม “มีอะไรครับ?”
ซ่างกวนหยวนโน้มตัวเข้าหา แล้วดมกลิ่นบนตัวเขา แล้วขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงมีกลิ่นหอมติดตัว อีกทั้ง… กลิ่นนี้ก็คุ้นมากด้วย”
เหมือนเคยได้กลิ่นนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง
“คุณเซนซิทีฟเกินไปแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเรียบ ๆ
เขาผิดปกติจริงๆ
ซ่างกวนหยวนหรี่ตาลง แล้วจ้องหน้าเขาเขม็ง “คุณบอกฉันมาตามตรง คุณไปไหนมากันแน่”
“ผมก็บอกไปแล้วไง ว่าออกไปเดินเล่นมา”
“ไม่ใช่” ซ่างกวนหยวนส่ายหน้า “คุณกำลังโกหกอยู่แน่ๆ”
“คุณจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อผมก็แล้วแต่คุณ”
จิ้นเฟิงเฉินหยุดพูดกับเธอ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน
เธอยืนมองแผ่นหลังของเขาเดินจากไป ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้วแน่น เขาไปไหนมากันแน่?
ยิ่งกว่านั้นกลิ่นนั้นเธอรู้สึกคุ้นมาก
ทันใดนั้นเอง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
เธอรู้แล้วว่าเคยได้กลิ่นนี้มาจากที่ไหน
มันคือกลิ่นตัวของเจียงสื้อสื้อ
เขาไปหาเจียงสื้อสื้อมา
พอรู้ว่าแบบนี้ ซ่างกวนหยวนก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินเตรียมจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง เธอก็จับมือของเขาไว้
“มีเรื่องอะไรอีก?” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย
เขาใช้คำว่า “อีก”อย่างนั้นเหรอ
เขาเริ่มหมดความอดทนแล้วสินะ
ซ่างกวนหยวนมองหน้าเขาด้วยแววตาเย็นชา “คุณไปหาเจียงสื้อสื้อมาใช่ไหม”
นี่เป็นประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ประโยคคำถาม
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?”
“ไม่ต้องมาโกหกค่ะ ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง”
นี่แค่วันเดียวเท่านั้น เขาถึงขั้นโกหกเธอเพื่อเจียงสื้อสื้อแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินมองไปทางอื่น ไม่ตอบ
พอเห็นแบบนี้ ซ่างกวนหยวนก็หัวเราะออกมา “ทำไมคะจำอดีตได้แล้ว อยากจะกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วใช่ไหม”
พอได้ยินบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็หันไปมองหน้าเธออีกครั้ง และเอ่ยถาม “ถ้าผมจำอะไรได้จริงๆ ฉันจะกลับมาที่บ้านตระกูลซ่างกวนหรือไง”
จริงด้วย
ถ้าเขาจำได้จริงๆ เขาจะกลับมาอีกทำไม เขาคงจะกลับไปหาเจียงสื้อสื้อตั้งนานแล้ว
ซ่างกวนหยวนบอกตัวเองว่าอย่าโมโห เธอจะต้องพูดกับเขาดีๆ
ดังนั้น เธอจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความโกรธในใจตัวเองไว้ แล้วเอ่ยถาม “แล้วคุณไปหาเธอทำไมคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ “เธอเป็นลมในงานแต่งงานเมื่อวานนี้ ฉันเป็นห่วง ก็เลยไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล”
“เป็นห่วงอย่างนั้นเหรอคะ?” ซ่างกวนหยวนยิ้มประชด “เพราะอะไรคุณถึงเป็นห่วงเธอคะ เพราะคุณเป็นสามีของเธออย่างนั้นเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเย็นชา “เดิมทีก็ผมเป็นสามีของเธอ ไม่ใช่เหรอครับ”
พอคำพูดนี้จบลง สีหน้าของซ่างกวนหยวนก็เปลี่ยนไปทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ?”
เขาพูดแบบนี้ หมายความว่าเขายอมรับความจริงนี้เรื่องนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ
“ถึงผมจะความจำเสื่อม แต่ความจริงที่ว่าผมเป็นสามีของเธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตามหลักแล้ว ผมก็ควรไปเยี่ยมเธอ”
คำอธิบายของจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ทำให้ซ่างกวนหยวนสบายใจเลย
“คุณลืมเธอไปแล้ว ดังนั้นเรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอีกแล้ว” ซ่างกวนหยวนพูด
“แล้วลูกล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถาม
แม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่สุดท้ายลูกก็เกี่ยวข้องกับเขาทางสายเลือดอยู่ดี และสิ่งนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
“เธอเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง” ซ่างกวนหยวนถามตอบ
นอกจากว่าเจียงสื้อสื้อจะเล่าอะไรให้เขาฟัง ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางเปลี่ยนไปแบบนี้แน่ๆ
“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่คุยกันไม่กี่คำ” จิ้นเฟิงเฉินพูดเสียงเรียบ