ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 1302 อยากเป็นพระเอกขี่ม้าขาวเหรอ
ซ่างกวนหยวนกลับมาอยู่ข้างกายซ่างกวนเชียนด้วยความรู้สึกหนักอกหนักใจ
“ฉันอยากกลับแล้ว”
ตอนแรกที่เห็นเธอเดินมา สีหน้าซ่างกวนเชียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่พอได้ยินคำนี้ สีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาชั่วพริบตา
“เธอไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนพี่ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ฉันเหนื่อยแล้ว” น้ำเสียงว่างกวนหยวนเรียบเฉย
“เหนื่อยเหรอ” ซ่างกวนเชียนหัวเราะเยาะ “เมื่อกี้เธอไม่ได้ไปคุยกับฟางยู่เชินอย่างดีหรอกหรือ ทำไมพอมาหาพี่ เธอก็เหนื่อยแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น คิ้วของว่างกวนหยวนก็ขมวดมุ่น สีหน้าเห็นชัดว่าไม่พอใจ
“หรือว่าเธอคบกับเขาแล้ว” เมื่อคำถามนี้ถูกถามออกมาซ่างกวนเชียนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
“พี่พูดเพ้อเจ้ออะไร”ซ่างกวนหยวนตะคอกเสียงเข้ม
ซ่างกวนเชียนหยีตามอง “หรือไม่ใช่”
ซ่างกวนหยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เสียงหัวเราะกลับไม่เหมือนนัยน์ตาที่เย็นเยือก “ใช่แล้วยังไง ไม่ใช่แล้วยังไง พี่มีสิทธิ์มายุ่งเหรอ”
“ซ่างกวนหยวน!” ซ่างกวนเชียนโมโหแล้ว
มองคนที่อยู่โดยรอบ ซ่างกวนหยวนกลับนิ่งสงบลง “มีคนมองอยู่เยอะแยะขนาดนี้ คุณควบคุมอารมณ์ของพี่ไว้ดีที่สุด แล้วอีกอย่าง เรื่องของฉันไม่ต้องให้พี่มาคอยชี้นิ้วบงการ”
พูดจบ ไม่รอให้เขามีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอหมุนตัวก้าวขาเดินจากไปทันที
ซ่างกวนเชียนมองแผ่นหลังของเธอที่จากไปอย่างไร้เยื่อใย เงยหน้ากรอกเหล้าในแก้วลงไปในคอด้วยความโกรธ
ช่างน่าโมโหเหลือเกิน!
ต้องรอถึงเมื่อไหร่ เธอจึงจะยอมปล่อยวางอคติที่มีต่อตนเอง
ตอนที่ซ่างกวนหยวนรีบเดินมาถึงประตู ก็มองเห็นพิเอร์สและแฟนของจิ่งหลิวเยว่เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี
ก็แค่เช็ดทำความสะอาดชุดสูทต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยหรือ
แฟนของจิ่งหลิวเยว่ก้มหน้าก้มตา ท่าทางเขินอาย
ส่วนพิเอร์สกลับมีสีหน้าท่าทางสดชื่นยินดี กระหยิ่มยิ้มย่องใจ
มุมปากซ่างกวนหยวนกระตุกเป็นรอยยิ้มเยาะ ต่อให้เป็นแฟนของจิ่งหลิวเยว่ ก็ไม่สงบเสงี่ยม
พิเอร์สมองเห็นเธอ สายตาเป็นประกาย รีบเดินเข้ามาหา
“คุณซ่างกวน”
ซ่างกวนหยวนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ยิ้มอย่างเกรงใจ “คุณพิเอร์ส คุณสบายดีมั้ยคะ”
“สบายมากๆ” พิเอร์สยิ้มพลางเอ่ยตาหยี
หญิงสาวก็เดินมาแล้ว
ซ่างกวนหยวนเหลือบมองหล่อน “คุณจิ่งกำลังรอคุณอยู่นะคะ”
“เหรอคะ” หญิงสาวมองไปรอบๆ ก็มองไม่เห็นเงาของจิ่งหลิวเยว่ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว “เขารอฉันอยู่ที่ไหน”
“ก็อยู่ที่ตรงนั้น”ซ่างกวนหยวนชี้ไปที่มุมหนึ่งไม่ไกลนัก
หญิงสาวมองเห็นแล้ว ก็ยิ้มพลางพูดกับเธอว่า “ขอบคุณ”
หันหน้าไปพูดกับว่า “คุณพิเอร์ส ฉันไปก่อนนะคะ วันหลังค่อยนัดกันใหม่”
พูดพลาง เธอก็ขยิบตาให้พิเอร์ส
ซ่างกวนหยวนหันหน้ามองหล่อนเดินไปหาจิ่งหลิวเยว่ ระหว่างคิ้วและดวงตามีความเยาะเย้ย ไม่รู้จริงๆว่าจิ่งหลิวเยว่ถูกสวมเขามานานเท่าไหร่แล้ว
“คุณซ่างกวน”
เสียงของพิเอร์สดึงความคิดของเธอกลับมา มุมปากเธอกระตุกยิ้มอย่างมีมารยาท “ทำไมเหรอคะ”
“พรุ่งนี้มีเวลาว่างมั้ยครับ” พิเอร์สถาม
ซ่างกวนหยวนคิดทบทวน “ตอนบ่ายมีเวลาว่างค่ะ”
“อย่างนั้นผมนัดคุณได้มั้ยครับ”
“นัดฉันเหรอคะ”ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว ท่าทางต่อต้านเล็กน้อย
พิเอร์สเห็นเธอเข้าใจผิด ก็รีบอธิบายว่า “คุณวางใจเถอะ ผมก็แค่อยากจะคุยกับคุณเกี่ยวกับการวิจัยไวรัสล่าสุดของ SA Group ผมคิดว่าคุณน่าจะสนใจ”
เธอเองก็ทำวิจัยเช่นกัน ต้องสนใจแน่นอน
เป็นไปตามคาด เมื่อเธอได้ยินเรื่องการวิจัยไวรัสล่าสุด ซ่างกวนหยวนก็ดวงตาเป็นประกานทันทีเลย “คุณแน่ใจนะว่าเป็นอันล่าสุด”
“แน่นอนครับ เพราะSAกรุ๊ปอยากให้คุณเข้าร่วมการวิจัย ต้องเชื้อเชิญคุณด้วยความจริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์”
ซ่างกวนหยวนนึกถึงเชื้อไวรัสที่ไม่มียารักษาในร่างกายของเจียงสื้อสื้อ พยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันจะไปหาคุณ”
เห็นเธอตอบตกลง พีเอร์สอก็รีบ พยักหน้า “ได้ครับ พรุ่งนี้ตอนบ่าย เจอกันครับ”
……
จิ่งหลิวเยว่มองเห็นหญิงสาวกลับมา คิ้วขมวดมุ่น “ทำไมคุณกลับมาเร็วขนาดนี้”
หญิงสาวเบ้ปาก “ก็เพราะซ่างกวนหยวนน่ะสิ”
“หล่อนคงไม่ได้คิดว่าฉันกับคุณเป็นแฟนกันจริงๆนะ” หญิงสาวถามพลางขมวดคิ้ว
จิ่งหลิวเยว่คิ้วกระตุกเล็กน้อย “ก็อาจจะ”
“งั้นหล่อน……ก็อาจจะคิดว่าฉันสวมเขาให้คุณแล้ว” หญิงสาวย้อนกลับไปนึกถึงสีหน้าท่าทางของซ่างกวนหยวนเป็นอย่างที่พูด
“ช่างมันเถอะ”
จิ่งหลิวเยว่ลุกยืนขึ้น สายตามองไปยังพิเอร์สที่กำลังพูดคุยกับผู้คนอยู่ไม่ไกล “เป็นยังไง ติดเบ็ดแล้วหรือยัง”
“อืม” หญิงสาวหมุนตัว มองไปตามสายตาของเขา “ผู้ชายไง ยั่วมั่วๆ ก็ติดเบ็ดแล้ว ”
“อย่างนั้นคุณก็รู้ว่าจะทำยังไงต่อใช่มั้ย” จิ่งหลิวเยว่หันข้าง เหล่มองเธอ
ริมฝีปากหญิงสาวโค้งเป็นรอยยิ้ม “แน่นอน คุณวางใจได้ ภารกิจที่คุณมอบหมายให้ฉันต้องทำให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน”
จิ่งหลิวเยว่ยิ้ม “อย่างนั้นผมก็วางใจแล้ว”
หญิงสาวมองไปทางพิเอร์ส นัยน์ตามีแสงสว่างวาบที่แฝงความมุ่งมั่น
งานเลี้ยงจบลง แขกเหรื่อก็ค่อยๆทยอยจากไป
จิ่งหลิวเยว่พวกเขาเดินไปที่ประตูโรงแรม ซ่างกวนเชียนและพิเอร์สก็อยู่ที่นั่นพอดี
จิ่งหลิวเยว่และหญิงสาวข้างกายสบตากัน ดวงตาฝ่ายหลังกลอกหมุนไปมา จู่ๆก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
เสียงร้องไห้ของเธอดึงดูดความสนใจของซ่างกวนหยวนและพิเอร์สได้สำเร็จ
พอพิเอร์สมองเห็นว่าเป็นเธอ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแน่น
“อาเยว่ คุณอย่าโกรธนะคะ ฉันไม่ได้มีอะไรกับคนอื่น ” หญิงสาวจับแขนของจิ่งหลิวเยว่ พูดด้วยเสียงสะอื้น
จิ่งหลิวเยว่ก็เล่นละครทันที ออกแรงสะบัดมือหล่อน ด่าว่าเธออย่างเกรี้ยวกราด “นังแพศยา ไร้ยางอาย ฉันจะเลิกกับเธอ”
“อย่านะ อาเยว่ ฉันไม่อยากเลิก” เสียงร้องไห้ของหญิงสาวเศร้าเสียใจมาก
พิเอร์สทนดูต่อไปไม่ไหว เดินมา บนใบหน้ามีรอยยิ้มตามมารยาท “คุณผู้ชายท่านนี้ คุณทำแบบนี้กับผู้หญิงไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะครับ”
จิ่งหลิวเยว่หันหน้าไปมองเขา หัวเราะเยาะ “อ้อ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง ทำไม อยากเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอกเหรอ”
“เจ้าชายขี่ม้าขาวเหรอ” พิเอร์สเป็นชาวต่างชาติไม่เข้าใจความหมาย
จิ่งหลิวเยว่ก็ขี้เกียจจะอธิบาย พูดด้วยน้ำเสียงเหลืออดว่า “ฉันจะบอกแกให้นะ หล่อนเป็นแฟนฉัน ฉันอยากจะทำอะไรกับหล่อนนั่นมันก็เป็นเรื่องของฉัน แกมาจากไหนก็ไปทางนั้น”
พูดจบ เขาก็ยื่นมือไปลากหญิงสาว “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ทำขายหน้าแบบนี้ กลับไปฉันจะสั่งสอนเธอ”
พอได้ยินว่าเขาจะสั่งสอนตนเอง หญิงสาวก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ ฉันไม่กลับไปกับคุณ คุณจะทำร้ายฉัน”
จากนั้น เธอก็หันไปขอความช่วยเหลือจากพิเอร์ส “ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วยนะคะ ไม่งั้นเขาต้องตีฉันตายแน่”
“ไปเดี๋ยวนี้!” จิ่งหลิวเยว่ออกแรง ดึงหล่อนมาทางตนเอง
พิเอร์สรีบจับมือเขาไว้ ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มอีกแล้ว แต่เป็นเสียงขู่ตะคอกด้วยสีหน้าดุดัน “ปล่อยมือ!เธอบอกว่าจะไม่กลับไปกับคุณ!”
“ไสหัวไป!” จิ่งหลิวเยว่ตะคอกใส่เขาอย่างโมโห
ซ่างกวนเชียนคิดไม่ถึงว่า จิ่งหลิวเยว่ลึกๆแล้วจะเป็นคนแบบนี้ มองจนตะลึงอ้าปากค้าง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเดินเข้ามาสร้างความสามัคคีปรองดอง
“คุณจิ่ง พิเอร์สเป็นคนต่างชาติ คุณอย่าไปถือสาเขาเลยนะ”
“ผมไม่สนว่าเขาจะเป็นชาวต่างชาติหรือว่าเป็นอะไรทั้งนั้น ในเมื่อเขามายุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของผมก็ไม่ถูก!”
เห็นว่าจิ่งหลิวเยว่โกรธแล้วจริงๆ ซ่างกวนเชียนก็ได้แต่หันไปพูดกับพิเอร์สว่า “คุณพิเอร์ส นี่เป็นเรื่องส่วนตัวเขา พวกเราอย่าไปยุ่งเลย”
“ไม่ได้ ผมจำเป็นต้องยุ่ง” ท่าทางของพิเอร์สยืนหยัดหนักแน่น